กว่าจะถึงวัน "คืนสู่อำนาจ" ไม่รู้ว่า "ร.ต.อ.เฉลิม" จะยังรอไหวอยู่อีกหรือไม่??

ยังสบายดีจริงๆ..สำหรับนักการเมืองฝีปากกล้า อดีตหัวหน้าพรรคมวลชน เจ้าของดีกรี “ด็อกเตอร์“ ...ทางกฎหมาย  ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง  หลายครั้งมีการใช้คำพูดที่ฟังดูรุนแรง ซึ่ง ร้อยตำรวจเอก เฉลิม เคยกล่าวถึงตัวเองไว้ว่า "ไปทะเลเจอฉลาม มาสภาเจอเฉลิม"

ที่ออกมาเคลื่อนไหว อย่างไม่เป็นทางการ ปรากฏตัวแว๊บๆผ่านไลฟ์สดของบุตรชาย “วัน อยู่บำรุง” แต่เรียกเสียงวิพากษ์ ได้ล้นหลาม หลังจากที่ค่อยๆเงียบหายไป นับตั้งแต่รัฐประหารปี2557 และไม่มีความเคลื่อนไหวในสื่อสารธารณะ

หลังจากที่ค่อยๆเงียบหายไป นับตั้งแต่เกิดรัฐประหารปี 2557 โดยขณะรักษาความสงบแห่งชาติ คสช. ซึ่งก็ไม่มีความเคลื่อนไหว ข่าวคราวปรากฏในสื่อสารธารณะ จนกระทั้งเกิดกระแสข่าวลืออยู่หลายครั้งหลายหน ว่า “ร.ต.อ.เฉลิม ล้มหัวฟาดพื้น...ดับ!!!”

ล่าสุดเพจเฟสบุคของ นายวัน อยู่บำรุง ได้ไลฟ์สดงานเลี้ยงวันเกิดของ น้องชาย พ.ต.ต ดวง อยู่บำรุง สารวัตรฝ่ายอำนวยการกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร
และกล่าวว่าวันนี้ใครคิดถึงท่านเฉลิม ได้พบท่านแน่ และช่วงหนึ่ง ร.ต.อ เฉลิม

 “ญาติพี่น้องที่เคารพที่เป็นแฟนคลับวัน ขอให้สบายใจได้ สุขภาพพลานามัยแข็งแรง ออกกำลังทุกวัน คิดอย่างเดียวเมื่อไหร่จะกลับมามีอำนาจอีก ถ้ามีเลือกตั้งเมื่อไหร่ก็กรุณานิดเถอะ”

เป็นที่น่าสังเกตว่า ร.ต.อ.เฉลิม ในวัยย่างเข้า 71ปี แม้จะยืนยันว่า ตนเองนั้นออกกำลังกายทุกวัน ร่างกายยังแข็งแรงดีอยู่ แต่สภาพที่ปรากฏนั้น กลับสะท้อนให้เห็นถึงความโรยชราตามกาลเวลาไปมากพอสมควร เมื่อเทียบช่วงดำรงตำแหน่ง เป็น รองนายกรัฐมนตรี ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์

อีกทั้ง หลังจากการเลือกตั้งใหญ่ ที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า มีความเป็นได้สูงมาก!!! ที่นายกรัฐมนตรี ยังจะเป็นคนเดิม คนเดียวกับปัจจุบัน นั้นคือ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ตามรัฐธรรมนูญได้เปิดช่องเอาไว้ ในฐานะ “นายกคนนอก”

ซึ่งการเลือกตั้ง ที่จะเกิดขึ้น ได้ออกแบบมาให้มีการนับคะแนนแบบ “จัดสรรปันส่วน” หลายฝ่ายก็เชื่อมั่นว่าหลังการเลือกตั้ง พรรคการเมืองขนาดใหญ่ที่เคยได้รับเลือกตั้งแบบเสียงข้างมากเด็ดขาด จำนวนเสียงอาจจะลดน้อยลง เพราะ กระนับคะแนนเสียงแบบ “จัดสรรปันส่วน” จะเป็นการกระจ่ายคะแนนเสียงส.ส.ของพรรคใหญ่ๆ ไปสู่พรรคขนาดเล็ก-กลางมากขึ้น

พร้อมๆกับโอกาสการแจ้งเกิดของพรรคการเมืองใหม่ ซึ่งอาจไปดึงคะแนนเสียง ของพรรคการเมืองเก่าแก่ให้ลดน้อยถอยลงได้ ผนวกกับเสียงของวุฒิสภา สว. อีก 250 เสียงที่ได้มาจากการสรรหาของคสช.

จริงอยู่หากมีการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยอาจจะได้คะแนนเสียงเยอะ แต่จะมากพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้เหมือนผ่านหรือไม่นั้น ความยากลำบากน่าจะพอๆกับการ เข็นครกขึ้นภูเขา นั่นแหล่ะ อีกทั้งเป็นที่ทราบกันดีว่า พรรคเพื่อไทยเป็นศัตรูถาวรท่ีไม่มีทางจะร่วมมือกันได้กับคสช. จัดตั้งรัฐบาลอย่างแน่นอน

ส่วนประชาธิปัตย์นั้นไม่ต้องพูดถึง ภายในนั้นยุ่งอีรุงตุงนัง ส่วนหนึ่งจะส่วนมากหรือไม่ก็แล้วแต่ยืนตามหลักการของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คือการไม่เอา คสช. และพล.อ.ประยุทธ์

สำหรับกระแสข่าวการจับมือระหว่างพรรคเพื่อไทย กับพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจากฝั่งพรรคเพื่อไทย หรือจากฝั่งพรรประชาธิปัตยน์ ก็ตามแต่ อกาสที่สองพรรคจะจับมือกันเพื่อต้านนายกฯคนนอก หรือคสช. ขึ้นอยู่การตัดสินใจของทั้งสองฝ่าย แต่อย่างลืมว่าทั้งสองพรรคปูมหลังความแค้นชนิดไม่เผาผี อีกทั้งอุดมการณ์จุดยืนและแนวทางการเมืองของทั้งสองพรรคต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งหากจับมือฮั้วกันจะสูญเสียฐานคะแนนเสียงเพราะไม่สามารถตอบประชาชนที่สนับสนุนตัวเองได้ มีแต่ความหายนะที่จะเกิดขึ้นตามเท่านั้นเอง


ที่น่าสนใจยังมีอีกกลุ่มการเมืองในประชาธิปัตย์ จำนวนหนึ่ง ที่สรุปข้อเท็จจริงได้อยู่ว่าผลการเลือกตั้งอย่างไรก็แพ้เพื่อไทยโอกาสจัดตั้งรัฐบาลนั้นไม่มี!!!

กลุ่มนี้เห็นว่าถ้าหนุน พล.อ. ประยุทธ์เป็นนายกฯ ประชาธิปัตย์ก็จะเป็นรัฐบาลไปอย่างน้อย 5 ปี ซึ่งแน่นอนว่าคือช่วงเวลาทองท่ีจะบดขยี้เพื่อไทยให้แบนติดดิน!!

เมื่อแนวโน้มเป็นแบบนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะยังยึดมั่นในตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ได้อย่างมั่งคงอีกแล้วราวๆ 5 ปีเป็นอย่างต่ำ

ดังนั้นหากอนุมานเอาไว้ ว่าเป็นเวลาอีก 5 ปี ที่พล.อ.ประยุทธ์จะพ้นอำนาจ นั้นก็แสดงว่าไม่แน่ ร.ต.อ.เฉลิม ที่ขณะนั้นอายุก็น่าจะประมาณ 76 ปี ไม่รู้ว่า..ยังอยู่ในสถานะพร้อมเล่นการเมืองหรือไม่

 

อ่านเพิ่มเติม >>> ไม่น่าเชื่อ...คนพวกนี้กระสันแต่อำนาจ?! "เฉลิม" โผล่คิดอย่างเดียว"เมื่อไหร่จะกลับมาใหญ่" โดนสวนเคยทำอะไรให้คนไทยบ้าง-นอกจากจ้องจะช่วย"ทักษิณ"