- 25 ม.ค. 2561
ติดตามข่าวสารที่ www.tnews.co.th
หลังอัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้อง 9 แกนนำ กปปส. ในข้อหาก่อการร้าย กบฏ อั้งยี่ ซ่องโจร ฯลฯ จากการนำมวลชนขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อปี 2556-2557 วานนี้ และก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาอย่างอื้ออึง
โดยเฉพาะพฤติการณ์ของม็อบ กปปส.ช่วงปี 56-57 และม็อบคนเสื้อแดงช่วงปี 52-53 นั้นถูกนำมาเปรียบเทียบกันในความรุนแรงของมวลชนแบบไม่อาจเทียบกันได้ โดยเฉพาะความรุนรงของม็อบคนเสื้อแดงปี 53 ที่จบลงด้วยการเผาบ้านเผาเมือง ขณะแกนนำผู้สั่งการยังลอยนวล
แต่ทว่าการชุมนุมของม็อบ กปปส. ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าเป็นม็อบที่ปราศจากความรุนแรง และถูกมวลชนฝั่งตรงข้ามซึ่งก็คือฝั่งเสื้อแดงถล่มด้วยอาวุธสงครามอยู่เป็นประจำ (เรื่องนี้ศาลตัดสินแล้ว...จากคดีการ์ด นปช. ยิงถล่ม กปปส.ที่ตึกชินวัตร 3 เป็นต้น) ทว่าแกนนำ กปปส. กลับถูกอัยการมองว่า...นั่นเป็นการก่อ "กบฏ" และสั่งฟ้องไปเมื่อวานดังกล่าว
อย่างไรก็ดี ในมุมมองของ "นักวิชาการดัง-สุวินัย ภรณวลัย" กลับเห็นแตกต่างไปจากนั้น โดยนักวิชาการดัง ยืนยัน "แกนนำ กปปส." ที่ถูกอัยการสั่งฟ้องคดีกบฏ รวมทั้งอีกหลายคดีหนักอึ้งวานนี้ จะเป็น "กบฏ" อันเป็นที่จดจำของลูกหลานตราบไปชั่วนิรันดร์ เพราะลุกขึ้นมาเปลี่ยนเส้นทางประวัติศาสตร์ของสังคมไทยจากทุนนิยมสามานย์ที่กัดกินประเทศไทยจนพินาศย่อยยับเหลือคณา ไปสู่เส้นทางใหม่ได้อย่างหวุดหวิด และเห็นว่าการได้มีโอกาสทำ "งานใหญ่" แบบนี้ครั้งหนึ่งในชีวิตถือว่าคุ้มแล้ว
โดยรายละเอียดทั้งหมดที่ "อ.สุวินัย ภรณวลัย" ได้โพสต์ไว้ผ่านเฟซบุ๊ก ก็คือ
"กบฏ"ที่เปลี่ยนเส้นทางประวัติศาสตร์"
ในอนาคต คนรุ่นหลังจะตระหนักได้เองว่าแกนนำกปปส.คือ "กบฏ" ที่ลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงเส้นทางประวัติศาสตร์ของสังคมไทยจากทุนนิยมสามานย์ ไปสู่เส้นทางใหม่ที่สามารถเกาะกระแสความรุ่งเรืองของศตวรรษแห่งเอเชียได้อย่างหวุดหวิด มีโอกาสได้ทำ "งานใหญ่" แบบนี้ครั้งหนึ่งในชีวิตถือว่าคุ้มแล้ว ด้วยจิตคารวะแกนนำ กปปส.ทุกท่านครับ ใครจะสะใจ ถ่มน้ำลาย เยาะเย้ย สมน้ำหน้าพวกท่านก็ช่างเขาเถอะครับ ปล่อยให้กาลเวลาพิสูจน์เองก็แล้วกันว่า สิ่งที่พวกท่านได้ตัดสินใจทำลงไปเพื่อบ้านเมืองนั้น มันมีคุณูปการจริงหรือไม่
สุวินัย ภรณวลัย
ขอบคุณข้อเขียน : "อ.สุวินัย ภรณวลัย"