- 01 ก.พ. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.deepsnews.com
ผู้สื่อข่าวทีนิวส์ รายงานความคืบหน้า ความไม่ชอบมาพากลของโครงการขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคมในการแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้
ซึ่งคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ศูนย์อำนวยการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.) เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2560 โดยใช้งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
พร้อมอนุมัติขั้นตอนการดำเนินงานให้ประธานกรรมการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งก็คือ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คปต.)เป็นผู้พิจารณาแต่งตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน
ในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คกป.) จำนวน 15 คน โดยมีนายไกรศร วิศิษฏ์วงศ์ รองเลขาธิการ ศอ.บต.เป็นประธาน นอกจากนั้นก็มีตัวแทนจากหน่วยงานความมั่นคง
และตัวแทนจากองค์กรภาคประชาสังคมอาทิ นายมูฮำหมัดอายุบ ปาทาน ประธานสภาประชาสังคมชายแดนใต้ นางสาวละม้าย มานะการ
ประธานเครือข่ายทรัพยากรธรรมชาติและศูนย์ประสานงานอาสาสมัครเพื่อสันติภาพชายแดนใต้ เป็นกรรมการ
รายงานข่าวจาก ศอ.บต.เปิดเผยว่า โครงการขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคมในการแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ มีงบประมาณสนับสนุน 50 ล้านบาท
ตั้งเป้าสนับสนุนองค์กรภาคประชาสังคม 50 องค์กร องค์กรละ 1 ล้านบาท ขณะที่คณะทำงานขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คกป.)
จำนวน 15 คน มีเวลาทำงานเพียงแค่เดือนกว่า ซึ่งปรากฏว่า ในวันเปิดตัวโครงการคือวันที่ 14-15 สิงหาคม 2560 มีองค์กรภาคประชาสังคมเสนอขอรับทุนถึง 490 องค์กร ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า
การสื่อสารภายในระหว่างองค์กรภาคประชาสังคมกับข่าวสารนี้มีประสิทธิภาพสูงเป็นอย่างยิ่ง หรือไม่ก็เป็นเพราะทุนสนับสนุนโครงการถูกล็อคไว้แล้ว
“เป็นที่น่าสังเกตว่า แนวคิดในการกระจายงบสนับสนุนจากเดิม 50 องค์กรเป็นการกระจายให้องค์กรภาคประชาสังคมอย่างทั่วถึงมากที่สุดก็เป็นดำริที่เกิดขึ้นในวันเปิดตัวโครงการนั่นเอง”
แหล่งข่าวซึ่งร่วมในงานเปิดตัวโครงการระบุ
รายงานข่าวจาก ศอ.บต. กล่าวว่า หลังจากกิจกรรมเปิดตัวโครงการฯ คณะทำงานขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้
เปิดให้องค์กรภาคประชาสังคมเสนอโครงการและประชุมคัดเลือกโครงการจนประมาณ 1-2 สัปดาห์ ในที่สุดคัดองค์กรที่สมควรรับทุนได้รวม 223 องค์กร
ซึ่งแต่ละองค์กรก็ได้รับงบสนับสนุนในหลักแสนบาทหรือบางองค์กรก็ได้รับการสนับสนุนระหว่าง 5- 6 แสนบาท ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตว่า เป็นการกระจายงบประมาณในลักษณะเบี้ยหัวแตก
แต่ข้อดีประการหนึ่งคือ ไม่สร้างความขัดแย้งระหว่างองค์กรภาคประชาสังคม หรือ เป็นปัญหาเสียงานมวลชน
รายงานข่าวจาก ศอ.บต. กล่าวว่า การใช้งบประมาณโครงการดังกล่าวมีการดำเนินการในลักษณะอนุมัติงบให้เสร็จสิ้นภายในเดือนกันยายน
แต่สามารถดำเนินกิจกรรมไปได้จนถึงเดือนธันวาคม 2560 โดยเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ที่ผ่านมา นายไกรศร ยังให้สัมภาษณ์ว่า โครงการฯ มีความคืบหน้าแล้วไม่ต่ำกว่า 80 เปอร์เซ็นต์
แต่หลังจากนั้นไม่เกิน 2 สัปดาห์ คณะทำงานขับเคลื่อนฯมีการประชุมก่อนมีมติขยายเวลาเปิดโครงการออกไปอีก 3 เดือน
“คณะทำงานไม่สามารถเฟ้นหาได้แม้กระทั่งองค์กรที่ทำโครงการประสบความสำเร็จเพื่อเป็นต้นแบบในการศึกษาเรียนรู้สำหรับการดำเนินโครงการในปี 2561
ซึ่งก็คงต้องชะลอการดำเนินโครงการออกไปอีกเพราะขนาดโครงการปี 2560 ยังปิดไม่ลง”แหล่งข่าวกล่าว