“รองนายกฯวิษณุ” หวั่นแก้กม.เพิ่มโทษล่าสัตว์กระทบชาวบ้าน

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.deepsnews.com

“รองนายกฯวิษณุ” หวั่นแก้กม.เพิ่มโทษล่าสัตว์กระทบชาวบ้าน

รองนายกฯฝ่าย กม.ยอมรับ โทษคดีล่าสัตว์ป่าอาจไม่รุนแรง แต่คดีทุ่งใหญ่มีหลายกระทง รวมแล้วหนักอยู่ จึงไม่อยากให้แก้ กม.เพิ่มโทษให้หนักเกินไป เพราะอาจกระทบชาวบ้าน

คณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำโดย ดร.รอยล จิตรดอน ประธานกรรมการฯ แถลงความคืบหน้าแผนปฏิรูป 6 ด้าน
1. ด้านทรัพยากรทางบก
2. ด้านทรัพยากรทางน้ำ
3. ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
4. ด้านความหลากหลายทางชีวภาพ
5. ด้านสิ่งแวดล้อม
6. ด้านระบบบริหารจัดการ

รวม 38 เรื่องหลัก ซึ่งจะรวมไปถึงการแก้ปัญหาเขาหัวโล้นด้วย โดยแบ่งพื้นที่บริหารจัดการเขาหัวโล้นออกเป็น 4 ส่วน
20% จัดเป็นพื้นที่ปลูกป่าถาวร
20% จัดเป็นพื้นที่ป่าใช้สอยปลูกไม้ยืนต้นที่สร้างรายได้หรือนำไปใช้ประโยชน์ได้
30% จัดเป็นพื้นที่เกษตรผสมผสานสร้างรายได้ให้ชาวบ้าน เช่น ปลูกกาแฟ , หม่อน ฯลฯ
30% จัดเป็นพื้นที่ปลูกข้าวไร่และพืชหมุนเวียน

“รองนายกฯวิษณุ” หวั่นแก้กม.เพิ่มโทษล่าสัตว์กระทบชาวบ้าน

ส่วนประเด็นเรื่องการคุ้มครองดูแลสัตว์ป่า โดยเฉพาะกรณีการล่าเสือดำในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ซึ่งกระแสสังคมวิจารณ์ว่าบทลงโทษตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าเบาเกินไปนั้น นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ฝ่าย กม. ยอมรับว่า โทษเบาจริง แต่กรณีที่เกิดขึ้นมีความผิดหลายกระทง โดยเฉพาะคดีเกี่ยวกับอาวุธปืนและเครื่องกระสุน รวมแล้วโทษหนักอยู่ จึงไม่อยากให้แก้ไขกฎหมายเพื่อเพิ่มโทษเฉพาะคดีล่าสัตว์ให้รุนแรงเกินไป เพราะอาจกระทบชาวบ้านที่ไม่ได้ตั้งใจทำผิด เหมือนกรณีคนเก็บของเก่า นำแผ่น CD ที่เก็บได้ไปขาย แล้วถูกปรับแสนกว่าบาท

ดังนั้นเวลาคิดเรื่อง กม.ต้องมองในภาพใหญ่ จะนำเอาคดีใดคดีหนึ่งมาเป็นเกณฑ์ในการแก้ กม.ไม่ได้ เพราะเมื่อแก้ออกมาแล้ว จะต้องบังคับใช้กับคนทั้งประเทศ

แต่ถ้าที่สุดแล้ว กรมอุทยานชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชพิจารณาแล้วว่าสมควรแก้ กม.เพื่อเพิ่มบทลงโทษก็สามารถเสนอขอแก้ไขเข้ามาที่รัฐบาลได้