รัฐบาล - กองทัพ !! เชื่อคุมม็อบต้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน ได้ ไม่รุนแรง ย้ำกองทัพ ยึดกฎหมาย ไม่ยึดโยงรัฐบาล     อีกความเคลื่อนไหว ของกลุ่มผู้ชุ

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

       อีกความเคลื่อนไหว ของกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านโรงไฟฟ้ากระบี่ ที่ปักหลักอดข้าวหน้าสำนักงานองค์การสหประชาชาติ  หรือ ยูเอ็น จะเตรียมเคลื่อนขบวนมาปักหลักชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อขอคำตอบจากรัฐบาลให้ยุติสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน โดยวันนี้จะไปขออนุญาตชุมนุมสาธารณะที่ สน.ดุสิต

      โดยนายประสิทธิชัย หนูนวล ผู้ประสานงานเครือข่าย ปกป้องอันดามันจากถ่านหิน บอกว่าเป็นการชุมนุมแบบอารยะขัดขืนไม่มีความรุนแรงใดๆ และพร้อมยอมถูกจับ และรับโทษทางกฎหมายทุกอย่าง เพราะที่ผ่านมากลุ่มผู้ชุมนุม ได้ปักหลักชุมนุมมา 20 วัน และอดข้าวเป็นเวลา 6-7 วัน แต่ไม่ได้รับคำตอบใดๆจากรัฐบาล ดังนั้นจึงต้องมีการยกระดับการชุมนุม

      ด้านพล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ขอวิงวอนให้ทุกฝ่ายฟังเหตุและผล นายกรัฐมนตรีพร้อมฟังเสียงประชาชนทุกคน และให้สังคมตัดสินโดยให้จัดทำรายงานรับฟังความคิดเห็นด้านผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพขึ้นใหม่ ทั้งจากคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย

       หากพบว่าผลเสียมากกว่าผลดีก็พร้อมที่จะยกเลิก แต่หากผลกระทบด้านพลังงานตามมา ทุกฝ่ายจะต้องช่วยกันรับผิดชอบ เพราะรัฐบาลไม่สามารถให้คำตอบโดยไม่คำนึงถึงเหตุผล ซึ่งเรื่องนี้จะเอาอารมณ์มาตัดสินไม่ได้ เพราะไม่ใช่เรื่องส่วนตัวแต่เป็นเรื่องผลประโยชน์ของประเทศ  ทั้งนี้ไม่ห่วงว่าการชุมนุมจะบานปลาย ขอให้สังคมรับฟังเหตุและผล รวมถึงไม่จำเป็นต้องกำชับเจ้าหน้าที่เพราะรู้ว่าทุกฝ่ายรู้หน้าที่ดี

    ขณะที่พลเอกเฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก ระบุถึงการเคลื่อนไหวของ ม๊อปต้านการก่อสร้างโนงไฟฟ้าถ่านหินเทพา เตรียมเดินเท้าย้ายไปชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาลว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการแจ้งความ กับผู้ชุมนุมเพื่อให้ออกจากพื้นที่ ซึ่งไม่น่าส่งผลกระทบอะไร เพราะอยู่ในช่วงของการพูดคุย แต่เข้าใจว่ากรณีดังกล่าวเป็นปัญหาที่ขัดแย้งมายาวนาน และมีความเชื่อที่แตกต่างกัน ซึ่งที่ผ่านมาการชุมนุมก็เป็นไปอย่างสงบ เชื่อว่าการออกมารับลูกของยูเอ็น ไม่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย เพราะรัฐบาได้ดำเนินตามขั้นตอนอย่างรอบคอบ ซึ่งต้องใช้เวลา เพราะมีทั้งคนที่สนับสนุน และต่อต้าน

   ส่วนการชุมนุมทางการเมืองอื่นๆ ที่จะให้มีการเลือกตั้ง ของกลุ่มนักศึกษา 6-7 คน ขณะนี้  ผู้บัญชาการทหารบก มองว่าเป็นการแสดงเจตนารมณ์ ที่ต้องการเลือกตั้ง แต่ต้องคำนึงถึงเสียงส่วนใหญ่ว่าเห็นสอดคล้องไม่ ซึ่งต้องดูทั้งเหตุผล ความจำเป็น และขั้นตอน เพราะการที่นำคนมาเผชิญหน้ากันจะทำให้เกิดการบานปลาย ซึ่งรัฐบาลได้ใช้กฎหมายตามความเหมาะสม ทำให้เกิดความเหมาะสม ยืนยันว่าขณะนี้ยังสมารถควบคุมสถานการณ์ได้ มั่นใจ ว่า ยังไม่มีความรุนแรง เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ของประเทศไม่ต้องการ เอาสิ่งที่เคยเกิดขึ้นเป็นบทเรียน

     ทั้งนี้อยากให้กลุ่มเคลื่อนไหว คำนึงถึงผลประโยชน์ประเทศ ซึ่งเรื่องเหล่านี้ต้องคิดด้วยตัวเอง ทหารไม่สามารถไปบอกให้หยุดได้ ส่วนเรื่องที่มองว่ามีกลุ่มการเมืองเข้ามาสนับสนุนหรือเกี่ยวข้องการชุมนุมหรือไม่นั้นผู้บัญชาการทหารบกระบุว่าเรื่องนี้จะต้องติดตามต่อไป แต่เข้าใจว่า ฝ่ายการเมืองก็เข้าใจว่าทุกอย่างจะรันไปสู่การเลือกตั้ง

    ส่วนการที่กลุ่มประชาชนอยากเลือกตั้งออกมาประกาศว่าจะมีการเคลื่อนไหวถึงเดือนพฤษภาคมนั้น ผู้บัญชาการทหารบกระบุว่าสำหรับเดือนพฤษภาคมที่จะเป็นการครบรอบ 4 ปี การเข้ายึดอำนาจของ คสช. และช่วงนี้ที่มีการเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งจะนำไปสู่การซ้ำลอยเหตุการณ์ พฤษภาทมิฬสมัย รสช.  หรือไม่นั้น คงตอบไม่ได้ จึงอยากฝากทุกฝ่ายให้มีจิตสำนึกเพื่อประเทศชาติ 


    ซึ่งผบ.ทบ. ย้ำว่า ไม่ได้สนใจว่าหลายฝ่ายมองว่ารัฐบาลอยู่ในช่วงขาขึ้น หรือขาลง พร้อมทำหน้าที่ด้านความมั่นคง เพื่อให้รัฐบาลบริหารประเทศต่อไปได้  ส่วนการที่กลุ่มผู้ชุมนุมประชาชนอยากเลือกตั้งออกมาเรียกร้องให้คสช. อยู่เคียงข้างประชาชนไม่ยึดโยงกับรัฐบาลทหารนั้น  ผู้บัญชาการทหารบกระบุว่าแล้วกลุ่มผู้ชุมนุมที่มาเคลื่อนไหวนั้นมีกี่คนเป็นเสียงส่วนใหญ่หรือไม่ ทั้งนี้ตนเองย้ำว่า การดำเนินการต้องยึดกฎหมาย ไม่ได้ยึดโยงรัฐบาล