ชื่นชมที่รัฐฯ ไม่ใช้แต่อำนาจ?! "สุริยะใส" ชี้รัฐฯ ตัดสินใจถูกเบรกโรงไฟฟ้าฯ ระบุปัญหามีความละเอียดอ่อน ต้องใช้ความรู้แก้-ไม่ใช่อำนาจ

ติดตามข่าวสารที่ www.tnews.co.th


วันนี้ (20 ก.พ.)  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังกลุ่มผู้ชุมนุมคัดค้านไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา จ.กระบี่ ปักหลักชุมนุมบริเวณด้านหน้าอาคารที่ทำการสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น มาอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งประกาศเคลื่อนตัวมายังหน้าทำเนียบรัฐบาล  เพื่อแสดงเจตนารมณ์คัดค้านการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินอย่างถึงที่สุด

 

ล่าสุดมีรายงานข่าวว่า วันนี้นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้เดินทางมาพบกับผู้ชุมนุมหน้าสำนักงานสหประชาชาติ ในเวลาประมาณ 08.30 น. ที่ผ่านมา และลงนามในหนังสือสัญญาเพื่อยุติโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่-เทพา ตามข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมที่จัดการชุมนุมด้วยวิธีสันติอหิงสามาจนถึงวันนี้ 

 

ขณะที่ ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ในฐานะที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ตนได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีให้มาช่วยเรื่องโรงไฟฟ้า เพื่อพูดคุยกับพี่น้องให้เข้าใจและหาทางออกร่วมกัน วันนี้ตนจึงมาอยู่หน้า UN กับท่าน รมต.และพี่น้อง ผลการคุยกันตกลงมี 3 ข้อ ดังนี้

 

1. เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ขอให้กฟผ.ถอนรายงาน EHIA ทั้งโรงไฟฟ้าเทพาและโรงไฟฟ้ากระบี่จากสผ. ภายใน 3 วัน 

 

2. ให้มีการทำ SEA (รายงานสิ่งแวดล้อมเชิงยุทธศาสตร์) ในทั้ง 2 พื้นที่ โดยคนกลาง ภายใน 9 เดือน และหากผลออกมาว่าไม่เหมาะสม ให้หยุดการดำเนินการใดๆ 

 

3. หากผลการศึกษา SEA ชี้ว่าเหมาะสม ในขั้นตอนทำ EHIA ต้องจัดทำโดยคนกลางที่ยอมรับร่วมกัน

 

ท่าน รมต.ลงนามร่วมกับพี่น้องที่ร่วมชุมนุม ตนขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ทำให้ทุกอย่างยุติโดยปราศจากความขัดแย้ง ผู้ชุมนุมประกาศกลับบ้านแล้ว

ทั้งนี้ ภายหลังจากการลงนามข้อตกลงแล้ว แกนนำได้ประกาศสลายการชุมนุม และประกาศว่าหากรัฐบาลหรือ กฟผ.ทำผิดสัญญาข้อตกลงก็จะกลับมาชุมนุมทวงสัญญาอีกครั้ง หลังจากนั้นได้แจ้งให้ผู้ร่วมชุมนุมทำความสะอาดพื้นที่บริเวณโดยรอบ ก่อนเดินทางกลับ 

 

ล่าสุดต่อกรณีนี้ ในเพซบุ๊กของ "ดร. สุริยะใส กตะศิลา" อดีตแดนนำพันธมิตรฯ และรองคณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมฯ มหาทิทยาลัยรังสิต เออกมาโพสต์ถึงเรื่องดังกล่าวว่า


รัฐบาลตัดสินใจถูกต้องแล้วครับ


การตัดสินใจระงับข้อพิพาทครั้งนี้ ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของรัฐบาล เพราะเรื่องโรงไฟฟ้าถ่านหิน เป็นเรื่องที่ต้องอาศัยข้อมูล ความรู้และประสบการณ์เพื่อให้ได้ข้อยุติที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมจริงๆ ซึ่งปัจจุบันยังเห็นต่างกันอยู่มาก


ต้องชื่นชมการตัดสินใจของรัฐบาล ที่ไม่ใช้อำนาจในการจัดการกับปัญหาที่มีความละเอียดอ่อนสูง ถ้ารัฐไทยปรับตัวใช้ความรู้แก้ปัญหา ไม่ใช้แต่อำนาจสังคมจะเดินไปข้างหน้าได้


และต้องขอบคุณแทนคนไทยในการยืนหยัดต่อสู้ของชาวบ้าน NGO และเยาวชนนักศึษา ที่พยายามร่วมกันปกป้องทรัพยากร สิ่งแวดล้อมและชุมชน ซึ่งเป็นผลประโยชน์ของส่วนรวมพวกเขาไม่ได้สู้เพื่อตัวเองครับ


ที่สำคัญคุณูปการของการต่อสู้ครั้งนี้ยังได้ยกระดับประเด็นปัญหาจากระดับชุมชนเป็นการต่อสู้ระดับนโยบายด้านพลังงานได้อย่างมีนัยสำคัญจนได้รับชัยชนะในเบื้องต้น แม้ยังต้องติดตามตอนต่อๆ ไปก็ตาม


หวังว่าช่วงเวลาจากนี้ไปรัฐ กับชาวบ้านจะใช้โมเดลนี้ในการระงับข้อพิพาทด้วยเหตุผล และร่วมกันสร้างนโยบายที่ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม เพื่อสร้างวัฒนธรรมในการรับผิดชอบร่วมกันครับ

 

ชื่นชมที่รัฐฯ ไม่ใช้แต่อำนาจ?! "สุริยะใส" ชี้รัฐฯ ตัดสินใจถูกเบรกโรงไฟฟ้าฯ ระบุปัญหามีความละเอียดอ่อน ต้องใช้ความรู้แก้-ไม่ใช่อำนาจ

 

ขอบคุณข้อเขียน : เฟซบุ๊ก "สุริยะใส กตะศิลา"

 

อ่าน ม็อบโรงไฟฟ้าเทพาฯยุติชุมนุมแล้ว หลังทำ MOU ศึกษาผลกระทบหากไม่เหมาะต้องเลิกทันทีขีดเส้นภายใน9เดือน