ยังว่าง!!! "พล.อ.ประยุทธ์" บอกยังไม่มีพรรคไหนทาบให้นั่งนายก หากมีจะสกรีนไล่ดูตั้งแต่สมาชิกยันนโยบายและความรอบรู้

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

พล.อ ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้พรรคการเมืองที่ลงสมัครรับเลือกตั้งต้องเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี และหากพรรคใดจะเสนอชื่อบุคคลใดเป็นนายกรัฐมนตรี จะต้องได้รับการยอมรับจากบุคคลที่ถูกเสนอชื่อด้วยนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในส่วนตัว ยังไม่ได้พิจารณาว่าจะตัดสินใจอย่างไร และยังไม่เห็นมีใครมาติดต่อตน เห็นมีแต่ข่าวในสื่อ และหากพรรคใดขอมา ตนจะรับหรือไม่ ยังไม่ทราบเหมือนกัน เพราะยังไปไม่ถึงเวลานั้น ยังปลดล็อคไม่ได้เลย 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าถ้ามีพรรคการเมืองติดต่อเข้ามา จะตัดสินใจอย่างไร

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า อย่าใช้คำว่า ถ้าตนไม่รู้ ตนต้องดูนโยบายของแต่ละพรรค ตนต้องคิดอย่างประชาชนคิด คือ ต้องดูที่นโยบายพรรค คนที่อยู่ในพรรคว่าเป็นอย่างไรน่าเชื่อถือหรือไม่ บริสุทธิ์ โปร่งใส มีความรอบรู้หรือไม่ เพราะฉะนั้นการเป็นรัฐบาลไม่ใช่เป็นแค่สส.คือไปรับฟังปัญหาชาวบ้าน และมายื่นขอแผนงานโครงการกับรัฐบาล ไม่ใช่ ทุกคนต้องรู้ว่าระบบงบประมาณประเทศเป็นอย่างไร งบประมาณใช้จ่ายอย่างไรบ้าง งบประมาณของประเทศได้มาจากไหน รายรับ-รายจ่ายประเทศมาอย่างไร  ไม่ใช่คิดแต่รายจ่าย ไม่คำนึงถึงรายรับ

เพราะฉะนั้นต้องไปหาเงินเข้ามาในทางที่ถูกต้อง และไม่ใช่ให้เศรษฐกิจดีขึ้น โดยปล่อยให้คนทำผิดกฎหมายได้ และทำให้คนได้เงินไปจากตรงนี้เป็นจำนวนมาก  ใครจะเป็นรัฐบาลต้องเข้าใจระบบงบประมาณ ยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บท ซึ่งตนจะได้พูดคุยกับพรรคการเมืองตามกำหนดคือในเดือนมิถุนายน จะได้พูดคุยในเรื่องนี้ด้วยนอกเหนือไปจากประเด็นกำหนดวันเลือกตั้ง ต้องคุยกันให้รู้เรื่องเพื่อเตรียมการให้ดีสำหรับประเทศ

ส่วนกรณีคนรุ่นใหม่อย่าง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ อจ.ปิยบุตร แสงกนกกุล เตรียมตั้งพรรคการเมือง เพื่อสู้กับพรรคที่สนับสนุนคสช.นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ก็ตั้งไปเถอะ อยู่ที่ท่านจะเลือกเค้าหรือไม่ ขอให้พิจารณาท่าทีและนโยบายของเค้าว่าน่าเชื่อถือหรือไม่ ทุกคน ทุกพรรคไม่ว่าพรรคเก่า พรรคใหม่ ท่านจะเชื่อ-ไม่เชื่อ เรื่องของท่าน ตนเคยเตือนไปแล้วว่าเลือกตั้งจะต้องได้รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล 
ส่วนที่กลุ่มกปปส จะจัดตั้งพรรคการเมืองเพื่อสนับสนุนพล.อ ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีต่อนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนเคยบอกแล้วว่ากลุ่มใดที่สนับสนุนตน ตนขอบคุณก็เท่านั้น ตนทำอย่างอื่นไม่ได้ เพราะเป็นสิทธิของแต่ละบุคคล รักใครชอบใครก็เชียร์คนนั้นก็ว่ากันไป แต่จะได้หรือเปล่า ตนไม่รู้เหมือนกัน เพราะตนยังไม่ได้พิจารณาในเรื่องเหล่านี้เลย