"ไม่ศึกษาแม้แต่คำพิพากษา แต่อยากเป็นใหญ่"?อีกวลีเด็ดที่"อ.สุวินัย"ทิ่ม"ไพร่ธนาธร" หลังเจ้าตัวมั่วแบบคนมืดบอดว่า"ทักษิณถูกใส่ร้ายทางการเมือง"

 

"ไม่ศึกษาแม้แต่คำพิพากษา แต่อยากเป็นใหญ่"?! เป็นอีกหนึ่งวลีเด็ดที่ นักวิชาการชื่อดังอย่าง "อ.สุวินัย ภรณวลัย" ออกมาทิ่ม "ไพร่ธนาธร" อย่างตรงๆ หลังเจ้าตัวออกมาให้สัมภาษณ์ THE STANDARD ช่วงหนึ่งว่า "สิ่งที่เราต้องการคือการเมืองที่สร้างสรรค์ พูดถึงเรื่องอนาคตด้วยกันว่า เราจะไปข้างหน้าด้วยกันอย่างไร มันพอแล้วที่จะเล่นแบบนี้ เพราะตอนที่ทำลายคุณทักษิณ ก็ทำลายแบบนี้นะครับ พอเถอะหยุดสาด ใส่ร้ายป้ายสี   อะไรกันตรงนี้ แล้วเดินไปข้างหน้าคุยกันเรื่องอนาคต ว่าอนาคตที่ดีกว่านี้เป็นไปได้"

อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นก็ถูกผู้สันทัดทางการเมืองสวนกลับมาทันที ไม่เว้นแม้แต่ "พิภพ ธงไชย"  อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย  และอดีตประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย หรือ ครป. ที่แทบจะนับครั้งได้ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่น โดยพิภพ ถึงกับบอกว่า  "...ครป.ต้องถามกลับให้ธนาธรแยกแยะเรื่องที่ทักษิณถูกป้ายสีออกจากเรื่องจริงที่ทักษิณทำทางการเมือง ให้ธนาธรแยกจริงแยกเท็จให้ออก ในประวัติศาตร์การเมืองของทักษิณให้ธนาธรตอบ มิฉะนั้น ธนาธรจะกลายเป็น"นักป้ายสีซ้อนป้ายสี" เสียเอง"

 

ขณะที่ "ไพศาล พืชมงคล" อีกหนึ่งกูรูทางการเมือง ได้กล่าวในเรื่องเกชดียวกันว่า

ศาลมีคำพิพากษาจำคุกคุณทักษิณ ตามพยานหลักฐานแห่งคดี
และศาลได้ออกหมายจับคุณทักษิณในอีกหลายคดี เพราะคุณทักษิณไม่ไปศาล ตามกระบวนการขั้นตอนตามกฎหมาย

ไม่มีใครป้ายสีคุณทักษิณ!!!

ส่วน "อ.สุวินัย" ก็ได้ทิ่ม "ไพร่ธนาธร" ในเรื่องนี้ต่อจาก อ. ไพศาลเช่นกัน เพราะมองว่า ธนาธรไม่ค่อยเคารพข้อเท็จจริงในเรื่องต่าง ๆ เพราะมั่นใจในกรอบความเชื่อหรือกรอบความคิดที่ตัวเขาใช้มองโลก มองบุคคล มองเหตุการณ์ ฯลฯ โดย อ.สุวินัยถึงกับระบุว่า " ไม่ศึกษาแม้แต่คำพิพากษา แต่อยากเป็นใหญ่"

โดยรายละเอียดที่ "อ.สุวินัย" ระบุไว้ทั้งหมดคือ  

ป้ายสีใคร? / ไพศาล พืชมงคล

ศาลมีคำพิพากษาจำคุกคุณทักษิณ ตามพยานหลักฐานแห่งคดี
และศาลได้ออกหมายจับคุณทักษิณในอีกหลายคดี เพราะคุณทักษิณไม่ไปศาล ตามกระบวนการขั้นตอนตามกฎหมาย

ไม่มีใครป้ายสีคุณทักษิณ!!!

******
ตรงนี้เป็นอีกเรื่องที่ธนาธรเข้าใจคลาดเคลื่อน ล่าสุดแม้หลังก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่แล้ว ธนาธรก็ยังยืนยันอย่างมั่นใจว่าคุณทักษิณถูกใส่ร้ายป้ายสี

จุดอ่อนในวิธีคิดอย่างหนึ่งของธนาธรที่ผมเห็นมาหลายครั้งในการคิดการมองของเขาคือ ธนาธรไม่ค่อยสนใจข้อเท็จจริง ไม่ค่อยเคารพข้อเท็จจริงในเรื่องนั้นๆ แต่มั่นใจในกรอบความเชื่อหรือกรอบความคิดที่ตัวเขาใช้มองโลก มองบุคคล มองเหตุการณ์ต่างๆมากกว่า

ผมไม่ได้มองว่าธนาธรเป็นขี้ข้าหรือสมุนของทักษิณนะ เพราะเขาบอกเองว่าเคยเจอทักษิณแค่ครั้งเดียวตอนที่คุณทักษิณมาเยี่ยมบิดาของเขาที่โรงพยาบาลตอนป่วยหนัก ตอนนั้นธนาธรมีอายุเพียง 24 ปีเท่านั้นเอง

แต่ความเชื่ออย่างหัวปักหัวปำที่ละเลยข้อเท็จจริงต่างหาก ที่ทำให้บทบาทของธนาธร "รับใช้" ระบอบทักษิณไปโดยปริยายและอย่างเต็มใจด้วยความคิดความเชื่อของตัวธนาธรเอง

จึงหลีกเลี่ยงได้ยากที่ธนาธรจะโดนผู้คนวิจารณ์ว่า

" ไม่ศึกษาแม้แต่คำพิพากษา แต่อยากเป็นใหญ่ "

***********

ปัญหาฐานคิดของธนาธรที่ผมวิพากษ์ โปรดอ่านรายละเอียดจาก

ปัญหาฐานคิดของธนาธร : Postmodern Only / สุวินัย ภรณวลัย

ผู้คนในสังคมไทยมีฐานคิด 3 ประเภทคละเคล้ากันไป คือฐานคิดแบบ Pre-Modern(ก่อนทันสมัย) ฐานคิดแบบ Modern(ทันสมัยนิยม) และฐานคิดแบบ Postmodern(หลังทันสมัย)

ฐานคิดแบบ "ก่อนทันสมัย"ที่ทรงอิทธิพลคือระบบความเชื่อแบบไตรภูมิของพุทธศาสนาที่กลมกลืนไปกับความเชื่อเรื่องไสยเวท(ไสยศาสตร์)และพลังเหนือธรรมชาติ

ฐานคิดแบบ "ทันสมัยนิยม"ที่ทรงอิทธิพลคือ ระบบคิดแบบวิทยาศาสตร์เชิงประจักษ์ เคารพข้อเท็จจริง รวมทั้งการตีความพุทธธรรมแบบเหตุผลนิยมของท่านพุทธทาส

ฐานคิดแบบ "หลังทันสมัย"ที่เป็นที่นิยมในหมู่พวกหัวก้าวหน้าไทย คือ ระบบคิดที่มุ่ง "ถอดรื้อ"อำนาจและโครงสร้างอำนาจในสังคมไทยอย่างเอาเป็นเอาตาย
หลักๆคือมุ่งถอดรื้อความเป็นไทย โดยมุ่งถอดรื้อความเป็นชาตินิยม(แล้วแทนที่ด้วยชุดความคิดความเชื่อแบบสากลนิยม) ตามด้วยมุ่งถอดรื้อสถาบันศาสนา (แล้วแทนที่ด้วยชุดความคิดความเชื่อเรื่องรัฐโลกวิสัย Secular State ที่รัฐควรจะถอยออกมาโดยไม่อุปถัมถ์ศาสนาใดๆเลย) และสุดท้ายจบลงด้วยมุ่งถอดรื้อสถาบันกษัตริย์ (ลดทอนพระราชอำนาจและพระบารมีให้กลายเป็นแค่สัญลักษณ์เฉยๆเท่านั้น)

คนไทยส่วนใหญ่ในประเทศนี้หรือแทบเรียกได้ว่าเกือบทั้งประเทศ คือคนที่มีฐานคิดและโลกทัศน์แบบ "ก่อนทันสมัย" (ฝากชีวิตไว้กับดวง) กับฐานคิดและโลกทัศน์แบบ "ทันสมัยนิยม"(ชะตาชีวิตคนเราต้องลิขิตเองด้วยหนึ่งสมองสองมือด้วยความพากเพียรอย่างยิ่งยวด) ผสมปนเปกันไปในตัวตนของเขาโดยมีสัดส่วนมากน้อยแตกต่างกันไปตามแต่ละปัจเจก

มีคนไทยกลุ่มน้อยเท่านั้นที่หลงไหลเลื่อมใสฐานคิดและโลกทัศน์แบบ "หลังทันสมัย"ล้วนๆและอุทิศชีวิตทั้งหมดของตนเองเพื่อเผยแพร่ความคิดความเชื่อแบบหลังทันสมัยของตน คนไทยกลุ่มนี้คือ แกนนำขบวนการความคิดหัวก้าวหน้าไทยหรือขบวนการ Postmodernไทยที่มุ่งถอดรื้ออำนาจและโครงสร้างอำนาจในสังคมไทยอย่างไม่กลัวหน้าอินทร์หน้าพรหมใดๆทั้งสิ้น ตัวอย่างของคนกลุ่มนี้คือคนอย่างคำผกา คนอย่างเนติวิทย์ และคนอย่างธนาธรนั่นเอง

ผมขอพูดเฉพาะธนาธรก็แล้วกัน ผมมองว่าธนาธรเป็นคนจริง ใจถึง กล้าได้กล้าเสียและเป็นคนตรงต่อความคิดความเชื่อของตัวเองนะ และมุมมองแบบ Postmodernที่ธนาธรเชื่อมันก็มี "ความจริง"ของมันอยู่ ถ้ามองแบบคนตาบอดคลำช้าง

ฐานคิดแบบPostmodern ไม่ได้ผิดทั้งหมด มันถูกแค่เฉพาะส่วนบางส่วนเท่านั้น และมันดู"จริงเหลือเกิน"สำหรับคนที่หลงไหลความคิดโพสต์โมเดิร์นโดยไม่สามารถ "เห็น"ความคิดของตัวเองได้กระจ่างแจ้งทั้งข้อดีและข้อจำกัดของความคิดนั้น พอธนาธรยึดติดกับโพสต์โมเดิร์นล้วนๆ จุดอ่อนในการมองปัญหาต่างๆของเขาจากการ"มโนเอง" มากกว่าดูข้อเท็จจริงแบบพวกโมเดิร์นหรือทันสมัยนิยมจึงออกมาอย่างที่เห็น ทั้งในเรื่องปัญหาเศรษฐกิจ และเรื่องสามจังหวัดภาคใต้

การสถาปนาความเป็นใหญ่ทางอุมการณ์ (Hegemony) จะไม่มีทางเป็นไปได้เลย ถ้าคนผู้นั้น พรรคของคนผู้นั้นและขบวนการความคิดของคนผู้นั้นยังไม่สามารถบูรณาการฐานคิดทั้ง 3 ประเภทได้อย่างกลมกลืนและเป็นองค์รวม มาชี้นำประเทศและมหาชนได้

จะบอกให้นะ การสร้างและชี้นำ "อนาคตใหม่"จะมีได้และเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อตัวเรามีวิชั่นแห่งอนาคตใหม่ที่สามารถบูรณาการฐานคิดแบบก่อนทันสมัย ฐานคิดแบบทันสมัยนิยมและฐานคิดแบบหลังทันสมัยมาชี้นำสังคมและมหาชน จึงจะสามารถ"ได้ใจ"สังคมและมหาชนได้ ... ซึ่งตอนนี้ธนาธรยังไม่มีวิชั่นที่บูรณาการขนาดนั้น มีแต่ Postmodern Only

ผมเห็นว่า ธนาธรมีศักยภาพทางความคิดที่จะเติบโตและไปต่อได้นะ จึงทุ่มเทพลังงานและพลังความคิดของผมมา "ชำแหละและชี้แนะ"พรรคอนาคตใหม่อย่างต่อเนื่องด้วยความหวังดีและตรงไปตรงมาขนาดนี้ ซึ่งผมไม่เคยทำให้พรรคเก่าหรือพรรคใหม่พรรคไหนขนาดนี้มาก่อน

 

 

ขอบคุณข้อเขียน : "ไพศาล พืชมงคล" , "พิภพ ธงไชย"  , "อ.สุวินัย ภรณวลัย"

 

อ่าน เละ?! เปลือย"ไพร่ธนาธร" หลังโบ้ยอย่าสนใจอดีต โดนจวกพูดแล้วไม่รับผิดชอบ-ต่างอะไรนกม.รุ่นเก่า ขณะปิยบุตรคงอยากเห็นเมืองไทยนองเลือด