ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

ภายหลังการชุมนุมของกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตยเกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ ที่ผ่านมา  ในการชุมนุมครั้งนี้ ได้ใช้ชื่อการชุมนุมในครั้งนี้ว่า รวมพลังกันอีกครั้งเดินหน้าถอนรากคสช. จากการนัดร่วมตัวกันที่สนามฟุตบอลมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์  และได้พยายามยกระดับการชุมนุม โดยการเคลื่อนขบวนไปก่อกวนบริเวณด้านหน้ากองบัญชาการกองทัพบก(บก.ทบ.)  เพื่อเรียกร้องให้กองทัพยุติบทบาทในการสนับสนุน คสช.  ซึ่งข้อเรียกร้องดังกล่าว อยู่ใน1ใน3ข้อเรียกร้องตามแถลงการณ์ของคนกลุ่มดังกล่าว  การชุมนุมดังกล่าวใช้ระยะเวลากว่า 5ชั่วโมง ก่อนจะสิ้นสุดลง

 

ในเรื่องดังกล่าวนี้ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ห่วงใยสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้

 

“เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจดีว่า ประเทศไทยกำลังเดินหน้าเข้าสู่การเลือกตั้งตามโรดแมป โดยขั้นตอนและวันเลือกตั้งนั้นเป็นไปตามกฎหมาย และอยากย้ำให้ชัดเจนว่าภารกิจสำคัญที่ คสช.ต้องเข้ามา และมีรัฐบาลบริหารประเทศในช่วงนี้ คือ การเปลี่ยนผ่านไปสู่การมีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ดังนั้น หากยังเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ แล้วอะไรคือ หลักประกันว่าบรรยากาศของการเลือกตั้งจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย”

 

พล.ท.สรรเสริญยังระบุว่า นายกฯ กล่าวด้วยว่า สังคมเริ่มรู้สึกกังวลว่าภาพเก่า ๆ เริ่มกลับมาปรากฏขึ้นอีกครั้ง จึงอยากให้ทุกคนร่วมกันพิจารณาว่าสิ่งใดควรทำและไม่ควรทำ เพื่อประคับประคองให้บ้านเมืองเดินต่อไปได้ ส่วนรัฐบาลและ คสช.จะทำหน้าที่อย่างดีที่สุด โดยจะไม่ยอมให้ประเทศชาติกลับไปสู่วงจรแบบเดิมอีกเด็ดขาด พร้อมทั้งกำชับให้เจ้าหน้าที่ติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และดำเนินการด้วยความรอบคอบและรัดกุมภายใต้กรอบของกฎหมาย.

เป็นประเด็น หนึ่งที่น่าสนใจและนักเลือกตั้งทั้งหลายควรที่จะกังวลและระมัดระวังต่อการเคลื่อนไหวของกลุ่ม ฟื้นฟูประชาธิปไตย เนื่องจากว่าสถานการณ์ในขณะนี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าหลังการเลือกตั้งครั้งที่จะเกิดขึ้น ระบอบทักษิณไม่สามารถที่จะเข้ามาครองอำนาจได้อีกครั้งหนึ่งดังนั้นบรรดาเครือข่ายของระบอบทักษิณและแนวร่วมทั้งหลาย ที่เคลื่อนไหวอยู่อย่างชัดเจนในสถานการณ์ปัจจุบัน ความพยายามที่จะนำพาไปสู่สถานการณ์ความรุนแรงจึงเป็นเป้าหมายหลัก แต่ในอีกทางหนึ่งรัฐบาลคสช. และพลเอกประยุทธ์หากยอมให้สถานการณ์เช่นนี้ก็เท่ากับว่าเป็นการถอยร่นทางการเมือง 

 

สังเกตดูจากข้อเรียกร้องของกลุ่ม ซึ่งเนื้อหาสาระไม่มีอะไรที่เป็นแก่นสารสาระสำคัญอะไรเลย มีแต่ข้อเรียกร้องเดิมๆ เป็นข้อเรียกร้องที่ขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญ ซึ่งไม่ว่าจะเป็น รัฐบาล คสช. พล.อ.ประยุทธ์ รวมไปถึงกองทัพ ล้วนอธิบายตอบข้อสงสัยไปหมดแล้วทั้งสิน มีเพียงแต่เสียงตะโกนด่าแบบคนขาดสติเพียงเท่านั้น แม้ปากจะบอกอยากเลือกตั้ง แต่การกระทำเหมือนไม่อยากเลือกตั้ง พยายามระดมคนให้ออกมาเคลื่อนไหวมากสุดก็ได้เพียงเท่านี้ จะจุดให้ติด เหมือนกันพฤษภาทมิฬ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะไม่มีประเด็นอะไรเลย 

คำถามคือ แท้จริงแล้วกลุ่มคนเหง่านี้ อยากเลือกตั้งจริงไม่ หรือต้องการอยากให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นว่าย เหมือนเหตุการณ์เมื่อปี 2553 จะต้องมีการยกระดับที่เข้มข้น และพยายามทำให้เกิดภาพของความรุนแรงเกิด  ถ้าเป็นอย่างนั้นเท่ากับว่า บ้านเมืองที่กำลังเดินหน้าไปได้สวย ต้องกลับมาที่จุดเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น การเลือกตั้งตามโรดแมพที่จะเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ ปี2562  จะเกิดขึ้นได้หรือไม่

 

นั้นหากมีการประเชิญหน้ากันอย่างเต็มที่ระหว่างเครือข่ายของระบบคสช. และรัฐบาลก็ไม่แน่ว่าการเลือกตั้งจะเป็นไปตามกำหนดได้หรือไม่. ซึ่งสำหรับนักเคลื่อนไหวทั้งหลาย ที่เคลื่อนไหวอยู่ ณ. ขณะนี้ ย่อมเป็นที่พอใจหากการเลือกตั้งจะเลื่อนออกไป  แม้ข้อเรียกร้องจากบอกว่า ยืนยันให้มีการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน แต่ความต้องการจริงๆไม่ได้เป็นเช่นนั้นข้อเรียกร้องนี้เป็นเพียงเงื่อนไขเท่านั้น ซึ่งเจตนาที่แท้จริง หากการเลือกตั้งเลื่อนออกไปก็เท่ากับว่าเปิดโอกาสการขึ้นไหวของตัวเองให้ยกระดับเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆโดยมีคสช. และรัฐบาลพลเอกประยุทธ์เป็นจำเลย 

 

และนี่ต้องถือว่าสถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้เป็นสถานการณ์ที่ไม่ธรรมดา