วัดกันจะๆประชาชนเลือกใคร ..ระหว่าง "แก๊งอยากเลือกตั้ง" กับ"คสช.และ กองทัพ".. ใครที่ยืนเคียงข้างประชาชน!!

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

 อันที่จริงการเคลื่อนไหว ของกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย ซึ่งแกนนำของกลุ่มนี้ก็เป็นกลุ่มคนหน้าเดิมๆ อย่างนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ “จ่านิว” และนายรังสิมันต์ โรม อาจจะเปลี่ยนไปบ้างก็แค่ชื่อกลุ่ม หรือชื่อกิจกรรม แต่เป้าหมายก็ยังเป็นเป้าเดิมคือ ต่อต้านคสช.และรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยการเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดคือการนัดร่วมตัวกัน ที่สนามฟุตบอล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เมื่อวันเสาร์ที่ 24 มีนาคม ที่ผ่านมา

 

 

การชุมนุมของ “กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย Democracy Restoration Group – DRG” หรือกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ที่บริเวณสนามฟุตบอล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ว่า กลุ่มดังกล่าวได้อ่านแถลงการณ์เรียกร้อง 3 ข้อ โดยสรุป คือ

 

 1.จัดการเลือกตั้งภายในเดือน พ.ย.นี้

 2.ให้ยุบ คสช. และเปลี่ยนบทบาทเป็นรัฐบาลรักษาการ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเลือกตั้งเท่านั้น 

และ 3.กองทัพยุติบทบาทในการสนับสนุน คสช.

 

ในความพยายามป่วนเมืองครั้งล่าสุด “จ่านิว” กับ นายรังสิมันต์ นำม็อบจัดตั้งยกขบวนออกจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มุ่งหน้าไปยังกองบัญชาการกองทัพบก โดยพยายามยกระดับการชุมนุม ยั่วยุ หวังให้เกิดภาพการปะทะกัน ระหว่างกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและกลุ่มผู้ชุมนุม  ขณะเดียวกัน ก็ปลุกระดมไล่คสช. พร้อมทั้งเรียกร้องให้กองทัพเลิกสนับสนุนคสช.แล้วกลับเข้ากรมกองและยืนเคียงข้างประชาชน 

ต่อมามื่อวันที่ 25 มีนาคม มีความเคลื่อนไหวจากฝั่งของคสช. โดยเป็นทางด้านของ พล..ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) ในฐานะทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า กิจกรรมการเคลื่อนไหวของกลุ่มดังกล่าว เป็นบททดสอบงานความมั่นคงที่ต้องดูแลรักษาความสงบรักษาบรรยากาศไม่ให้มีการกระทบกระทั่ง เจ้าหน้าที่ใช้กำลังเหมาะสมการปฏิบัติตั้งแต่ช่วงบ่ายจนถึงค่ำเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีการบังคับใช้กฎหมายปกติเหมาะสมกับสถานการณ์ ไม่ได้มีการละเมิดสิทธิใคร

 

มีการประสานงานกับกลุ่มที่เคลื่อนไหวเป็นระยะแม้จะไม่ได้ความร่วมมือก็ตาม แต่เจ้าหน้าที่ก็ใช้ความอดทนไม่มีความรุนแรงใดๆ เกิดขึ้นในเหตุการณ์เมื่อวานนี้ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่กำลังรวบรวมหลักฐาน พยาน กลุ่มเคลื่อนไหวเข้าข่ายกระทำความผิดหรือไม่ หรือเข้าข่ายความผิดกรณีใดบ้าง

 

ส่วนข้อเรียกร้องทั้ง 2 ข้อ โดยข้อแรกเรื่องระยะเวลาการเลือกตั้งเป็นข้อกฎหมายเป็นไปตามโรดแมป ส่วนข้อที่ 2 นั้น คสช.กับกองทัพเป็นเนื้อเดียวกัน กองทัพกับประชาชนเป็นเนื้อเดียวกัน ดังนั้นจะแยกจากกันไม่ได้ เพราะทุกคนเป็นคนไทยด้วยกัน จะมาแยกว่ากองทัพต้องแยกออกจากประชาชน หรือ คสช.เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ กองทัพเป็นลูกหลานประชาชน สนับสนุนงาน คสช. คสช.สนับสนุนรัฐบาลทุกสิ่งเป็นเนื้อเดียวกันคงแยกไม่ได้ 

 

 

ทำให้”กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตยออกมาสวนกลับทันควันผ่านทาง แฟนเพจ "กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย Democracy Restoration Group - DRG" ซึ่งเป็นกระบอกเสียงของกลุ่มอยากเลือกตั้ง ได้โพสต์ข้อความตอบโต้ พล.ต.ปิยพงศ์ ที่ออกมาปฏิเสธข้อเรียกร้องดังกล่าว โดยย้ำว่า คสช.-กองทัพ-ประชาชน และรัฐบาล เป็นเนื้อเดียวกันจะแยกจากกันไม่ได้นั้น โดยมีเนื้อหาระบุต่อไปนี้

 

 

พวกเราขอตอบดังนี้

 

กองทัพไม่จำเป็นต้องเป็นเนื้อเดียวกันกับเผด็จการ และกองทัพในเวลานี้ไม่ได้เป็นเนื้อเดียวกันกับประชาชน เพราะกองทัพได้แยกตัวออกจากประชาชนไปเข้าร่วมกับเผด็จการตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557

 

กองทัพคือหน่วยงานหนึ่งของประเทศ ส่วน คสช.คือคนกลุ่มหนึ่งที่มีจิตฝักใฝ่เผด็จการ สองสิ่งนี้จึงไม่ใช่สิ่งเดียวกัน และไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกัน ประเทศประชาธิปไตยหลายประเทศยังคงมีกองทัพ โดยที่กองทัพของประเทศเหล่านั้นต่างรู้ขอบเขตหน้าที่ของตน เคารพกติกาประชาธิปไตย เคารพเสียงประชาชนจริงๆ ในกองทัพของประเทศไทยเองก็ไม่ใช่ว่าทหารทุกนายจะเห็นด้วยกับการกระทำของ คสช.ทั้งหมด การอ้างว่ากองทัพกับ คสช.เป็นเนื้อเดียวกันจึงเป็นการอ้างที่ผู้อ้างก็รู้ว่าผิด แต่ก็ยังพยายามอ้างต่อไปเพื่อสร้างความเชื่อที่ผิดๆ แก่บรรดานายทหารว่ามีหน้าที่ต้องรับใช้เผด็จการ

ส่วนที่อ้างว่ากองทัพกับประชาชนเป็นเนื้อเดียวกันนั้นยิ่งผิดเข้าไปใหญ่ กองทัพเคยอยู่ข้างประชาชน แต่ก็เป็นกองทัพเองที่แยกตัวจากประชาชนไปเข้าร่วมกับเผด็จการเมื่อเย็นวันที่ 22 พฤษภาคม 2561 โดยฝีมือของนายพลกลุ่มหนึ่งที่ลากเอาทั้งกองทัพไปสนับสนุนการขึ้นสู่อำนาจโดยมิชอบของตนเอง

 

และแน่นอนที่สุดว่า คสช.กับประชาชนก็ไม่ได้เป็นเนื้อเดียวกัน เพราะ คสช.คือเผด็จการ เมื่อได้ก่อตั้งขึ้นมาก็กลายเป็นผู้อยู่เหนือประชาชนคนอื่นๆ เสียแล้ว

 

ดังนั้น ที่โจมตีพวกเราว่าแยกกองทัพออกจากประชาชน แท้จริงแล้วเป็นกองทัพเองต่างหากที่แยกจากประชาชนไปเข้ากับเผด็จการ และด้วยเหตุนี้พวกเราจึงต้องเรียกร้องให้กองทัพเลิกสนับสนุน คสช.เพื่อนำกองทัพกลับมาอยู่ด้วยกันกับประชาชนอีกครั้ง

 

ข้อเท็จจริงที่กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย   ควรพิจารณา ว่าแท้จริงแล้วประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศนี้เห็นด้วยกับกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตยหรือเห็นด้วยกับคสช. , รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ และกองทัพ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าจะพิสูจน์ได้โดยผ่านจากการรับร่างรัฐธรรมนูญที่เห็นได้อย่างชัดเจน แม้จะมีความพยายาม จากเครือข่ายระบอบทักษิณไม่ว่าจะเป็นแกนนำคนเสื้อแดง นปช. และพรรคเพื่อไทย ที่ได้ออกคำแถลงเผยแพร่ พยายามที่จะเคลื่อนไหว รณรงค์ ให้ต่อต้านร่างรัฐธรรมนูญ2560  แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ คนส่วนใหญ่กลับรับร่างรัฐธรรมนูญอย่างถล่มทลาย

 

วัดกันจะๆประชาชนเลือกใคร ..ระหว่าง "แก๊งอยากเลือกตั้ง" กับ"คสช.และ กองทัพ".. ใครที่ยืนเคียงข้างประชาชน!!

 

 หรือจะแค่เปรียบเทียบให้เห็นกันจะๆ สำหรับการชุมนุมของประชาชนว่าการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ที่ทาง“นิด้าโพล”ที่ได้เปิดเผย เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2557 ซึ่งได้ ประเมินประชาชนเข้าร่วมชุมนุมการเมืองประมาณ 10 ล้านคน ซึ่งถือว่าที่มีคนเข้าร่วมชุมชมทางการเมืองมากที่สุดในประวัติศาสตร์ในประเทศไทย  และมาดูเปรียบเทียบกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตยที่มีคนเข้าร่วมเพียง200ถึง 300 คนต่อครั้ง เอาให้แน่ๆ เห็นกันอย่างชัดเจน ประชาชนต้องการบ้านเมืองที่สงบสุขไม่ใช่การขึ้นไหวโดยแอบอ้างประชาธิปไตยที่รับใช้ระบอบทักษิณ. 

 

และที่สำคัญแม้กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย จะไม่ได้ประกาศตัวอย่างชัดเจน แต่ก็เห็นได้ อย่างแจ๋มแจ้ง ว่ากลุ่มดังกล่าวเป็นแนวร่วมกับเครือข่ายของนิติราษฎร์และพวกที่ต่อต้านมาตรา 112 เมื่อเปรียบเทียบกับคนส่วนใหญ่ที่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์แล้วไม่สามารถที่จะเปรียบเทียบกันได้ดังนั้น สิ่งที่กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตยออกมาตอบเป็นเรื่องที่ดันทุลังจะพูดเพื่อความชอบธรรมให้กับความเคลื่อนไหวของตัวเอง

 

 

นี่คือสิ่งที่น่าจะเป็นข้อสรุปได้ว่าประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศเป็นหนึ่งเดียวกับกองทัพ และกองทัพเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับประชาชน