ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

ว่าด้วยเรื่องประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่ผ่านมาได้มีขบวนการเคลื่อนไหวผลักดัน ให้เกิดการแก้ไขยกเลิกมาตรา 112 โทษฐานหมิ่นสถาบันเบื้องสูงอันจะเป็นชนวนให้เกิดความแตกแยกในชาติ  ซึ่งอ้างว่ากฏหมายดังกล่าวเป็นเครื่องมือกลั่นแกล้งทางการเมือง และวานนี้จากการที่ศาลพิพากษายกฟ้อง “ทอม ดันดี” คดี112 ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ชี้ชัดแล้วว่า  คำกล่าวอ้างดังกล่าว ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

 

เมื่อเวลา 13.45 น. วันที่ 29 มีนาคมที่ห้องพิจารณา 803 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษา คดีดูหมิ่นสถาบัน หมายเลข ดำ อ.47/61 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา6 เป็นโจทก์ฟ้อง นายธานัท ธนวัชรนนท์ หรือ ทอม ดันดี อายุ 59 ปี คนเสื้อแนวร่วม นปช. และนักร้องวงดนตรีเพื่อชีวิตเป็นจำเลยในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา112 กรณีเมื่อวันที่ 1พฤษภาคม54 จำเลยได้ขึ้นเวทีปราศรัยบนเวทีให้ แนวร่วมนปช.ฟังในงาน “แรงงานสร้างบ้านแป๋งเมือง” โดยปราศรัยพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ในทางที่ไม่เหมาะสม ทำให้ประชาชนที่ได้รับฟังเกิดความเกลียดชัง สถาบัน เบื้องสูง เหตุเกิดที่ บริเวณตลาดจตุจักร ต.ป่าสัก อ.เมือง จ.ลำพูน

จำเลยให้การรับสารภาพ

 

อย่างไรก็ตาม ศาลพิเคราะห์คำฟ้องของอัยกาตโจทก์แล้วเห็นว่า ข้อความที่โจทก์บรรยายฟ้อง ยังไม่มีความชัดเจนเพียงพอ ว่าจำเลยหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิด แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพ ก็ไม่อาจลงโทษจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 (1) พิพากษายกฟ้อง

 

ถึงแม้ในคดีนี้ศาลจะพิพากษายกฟ้อง แต่ดันไม่ได้หมายความว่านายทอมดันดี นั้นจะไม่มีพฤติกรรมดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง  เพราะคดีนี้ถือเป็นคีดที่3  ในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา112 อีก3 คดี รวม4คดี

 

 

 ทั้งนี้ช่วงที่มีการชุมนุมทางการเมือง ทอม ดันดี ก็ปรากฏว่าได้เข้าร่วมกับกลุ่มนปช. คนเสื้อแดง ในขบวนศิลปิน ดาราขณะนั้น ก็มีนายวิสา คัญทัพ , ไพจิตร อักษรณรงค์ , จิ้น กรรมาชน และดาราโด่ง อรรถชัย อนันตเมฆ เป็นดาราศิลปินแนวร่วมด้วย    บทบาทบนเวทีการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง เขาไม่เพียงเป็นศิลปิน นักร้องเท่านั้น แต่ยังมีการปราศรัยที่ดุเดือด และหมิ่นเหม่ ไปในทางหมิ่นสถาบันเบื้องสูง อยู่เนืองเนือง

 

นอกจากการปราศรัยบนเวทีที่ดุเดือด และหมิ่นสถาบันฯแล้ว ยังพบการจัดรายการผ่านเฟซบุ๊ค และยูทูปอยู่อย่างต่อเนื่อง       จนการจัดรายการระหว่างวันที่ 6 พฤศจิกายน 2556 จนถึงวันที่ 26 มิถุนายน 2557 นายทอม ดันดี และเจ้าของเฟซบุ๊กชื่อ "วี ปรางค์" ซึ่งยังไม่ทราบตัวว่าเป็นบุคคลใด ได้ถูกเจ้าหน้าที่นำหลักฐานบันทึกเทปการจัดรายการ ไปแจ้งความฐานร่วมกันทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยวันที่ 6 พฤศจิกายน 2556 ทั้งสองร่วมกันจัดรายการชื่อ "เรดการ์ดเรดิโอ" ซึ่งเป็นรายการถ่ายทอดเวทีปราศรัย มีจำเลยเป็นผู้ปราศรัย ขณะที่ผู้ใช้ชื่อ "วี ปรางค์"เป็นผู้บันทึกภาพและเสียงและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ในเว็บไซต์ยูทูปดอทคอม โดยมีเนื้อหาในวิดีโอคลิปหลายตอนที่ข้าข่ายเป็นการหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์

หลังการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ทอมดันดี ถูกควบคุมตัว 2 ครั้ง ครั้งแรกกรณีไม่รายงานตัวตามประกาศ คสช. เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2557 ก่อนได้รับอนุญาตให้ประกันตัว หนึ่งเดือนถัดมา ทอม ดันดีถูกเจ้าหน้าที่บุกควบคุมตัวอีกครั้งที่บ้านพัก เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2557  ตามหมายจับของศาลทหารกรุงเทพ ที่ 106/2557และหมายจับของศาลอาญา ที่ 1152/2557 ลงวันที่ 7 กรกฎาคม 2557 ทั้ง 2 ฉบับ ในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี องค์รัชทายาท และข้อหานำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และเผยแพร่ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่เป็นข้อมูลอันเป็นเท็จ ตาม ป.อาญา ม.112 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวทอม ดันดีเดินทางเข้ากรุงเทพฯทันที

 

 

 โดยคดีของ ทอม ดันดี มีอัยการเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 19 ต.ค.58 ระบุพฤติการณ์ความผิดว่า เมื่อวันที่ 13 พ.ย.56 เวลากลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยกับพวกที่ยังหลบหนีได้ขึ้นเวทีปราศรัยให้กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จำนวนมากฟัง โดยใช้ถ้อยคำหมิ่นประมาท ดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ 

 

 นอกจากนี้ เมื่อระหว่างวันที่ 13 พ.ย. 56-26 เม.ย. 57 จำเลยกับพวก ยังได้นำคลิปภาพ และเสียงการปราศรัยของจำเลยกับพวก ไปเผยแพร่ในสื่อโซเชียลมีเดีย "ยูทิวบ์" สู่สาธารณะ ทำให้ประชาชนทั่วไปทั้งใน และนอกราชอาณาจักรที่ได้รับชมเข้าใจผิด หลงเชื่อคำปราศรัยของจำเลย สร้างความเสียหายต่อสถาบันเบื้องสูง ต่อมาวันที่ 9 ก.ค. 57 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปอท. ติดตามจับกุมจำเลย แจ้งข้อหาดำเนินคดีในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ กระทำผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1) (3) และ (5) โดยจำเลยให้การปฏิเสธมาโดยตลอด ทั้งในชั้นสอบสวน และชั้นศาล

 

  ระหว่างการสู้คดี ทอม ดันดี ไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว จึงถูกคุมขังที่ เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครมาโดยตลอด       

       กระทั่งเมื่อ วันที่ 30 พ.ค. 59 ซึ่ง ศาลได้นัดพร้อมคู่ความทั้งสองฝ่าย ก่อนที่จะมีคำพิพากษา ทอม ดันดี ถูกเบิกตัวมาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อมาขึ้นศาล ซึ่งในครั้งนี้ เขาขอเปลี่ยนคำให้การเดิม จากปฏิเสธ เป็นให้การรับสารภาพ และขอให้ศาลลงโทษด้วยความเมตตา โดยจะร่วมกิจกรรมร้องเพลงปรองดอง และปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ   

 

ถัดมาอีก 2 วันคือ วันที่ 1 มิ.ย. 59 ศาลอาญาได้นัดอ่านคำพิพากษา ทอม ดันดี ซึ่งอยู่ในชุดนักโทษ ผม ถูกเบิกตัวมาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร โดยมีภรรยา เพื่อนๆในวงการเพลง รวมถึง นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก และผู้ใกล้ชิด เดินทางมาให้กำลังใจ 

  คำพิพากษา ระบุว่า ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยได้ปราศรัยในลักษณ์หมิ่นเบื้องสูง โดยใช้ถ้อยคำที่รุนแรง เป็นการกระทำผิดฐานดูหมิ่นสถาบันฯ มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1) (3) และ (5) เป็นการกระทำผิดรวม 3 กระทง ให้ลงโทษกระทงละ 5 ปี รวมจำคุกจำเลย 15 ปี แต่คำรับสารภาพเป็นประโยชน์ มีเหตุให้ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยไว้ 7 ปี 6 เดือน 

     

ศาลทหารพิพากษา จำคุก 3 ปี 4 เดือน “ทอม ดันดี” ผิด มาตรา 112 นับโทษรวมคดีจากศาลอาญา รวมเป็น 10 ปี 10 เดือน ทำให้ทอมดันดีต้องโทษจำคุก อยู่ในเรือนจำมาแล้วกว่า 3 ปี 8 เดือน จนถึงปัจจุบัน

 

และคดีสุดท้าย เพิ่งฟ้องเมื่อเดือนมกราคม 2561 ที่ศาลจังหวัดราชบุรี คำฟ้องระบุถึงพฤติการณ์แห่งคดีว่าเป็นการปราศรัยกับประชาชนประมาณ 1,000  คนที่อนุสรณ์สถานเขาแก่นจันทร์ จังหวัดราชบุรี เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2553 โดยมี 2 ข้อความที่เข้าข่ายดูหมิ่นเบื้องสูง

 

ต้องเรียนย้ำอีกครั้งว่ากฏหมายม.112 ไม่ใช่กฏหมายที่ใช้กลั้นแกล้งทางการเมือง ตามที่บางกลุ่มพยายามกล่าวอ้าง เพราะตั้งแต่ความขัดแย้งช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีขบวนการปลุกปั่นเคลื่อนไหวใต้ดิน เผยแพร่ความคิดมดเท็จใส่ร้ายสถาบัน  บางกลุ่มคิดไกลไปถึงขั้นเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง และได้การหยิบเอา "ม.112 มาเป็นเครื่องมือ และหวังผลทางการเมือง" โดยกล่าวโจมตีรัฐบาลที่อยู่ขั้วตรงข้ามแล้วโยงอำนาจรัฐไปยังสถาบันฯ 

 

และในกรณีทอมดันดี ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเช่น ว่าทุกอย่างไม่มีใครพยายามกลั่นแกล้งใคร ทุกสิ่งเป็นไปตามเหตุและผลของการกระทำ!!