ชัดแล้ว!! 9อดีตแกนนำกปปส. ซบประชาธิปัตย์ ..จับตาพรรคกปปส. "สุเทพ" เดินเกมสู้ เลียบค่าย"พันธมิตร"

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการเดินหน้าสู่การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ภายหลังจากที่ทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) 53/2560  ได้เปิดโอกาสให้พรรคการเมืองใหม่ ที่ได้รับการรับรองจากนายทะเบียนคือ กกต.แล้ว สามารถหาสมาชิกพรรค ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2561 หรือวันที่ได้รับการรับรองจดตั้งพรรคการเมืองทันที ส่วนพรรคการเมืองเดิม หรือ พรรคเก่า เพิ่งเริ่มดำเนินการดังกล่าว ได้เมื่อวานนี้ วันที่ 1 เมษายน 2561

 

สาระสำคัญของคำสั่งดังกล่าว  ตั้งแต่ 1 เมษายน 2561 แต่ละพรรคการเมืองต้องยืนยันสถานะสมาชิกพรรค โดยให้สมาชิกพรรคของแต่ละพรรค ทำหนังสือยืนยันสถานะต่อหัวหน้าพรรค พร้อมจ่ายค่าบำรุงพรรค ภายใน 30 วัน หากไม่ทันกรอบเวลาให้ถือว่า “สิ้นสภาพสมาชิกพรรคการเมือง”ไป

และกำหนดให้แต่ละพรรคการเมือง เตรียมความพร้อมเรื่องทุนประเดิม พรรคละ 1 ล้านบาท/หาสมาชิกพร้อมค่าบำรุงพรรค ไม่น้อยกว่า 500 คน ภายใน 180 วัน และนับ 1 เมษายน 2561 ภายใน 1 ปี ต้องมีสมาชิกไม่น้อยกว่า 5,000 คนพร้อมค่าบำรุง ภายใน 4 ปีต้องมีสมาชิกและค่าบำรุงไม่น้อยกว่า 10,000 คน

 

 

โดยความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองที่เก่าแก่และมีสามาชิกพรรคมากที่สุด  อย่างประชาธิปัยต์ บรรยกาศเป็นไปด้วยความคึกคัก โดยมีบรรดาสมาชิกพรรคจากทั่วประเทศทยอยเดินทางมายืนยันการเป็นสมาชิกเป็นจำนวนมาก พร้อมชำระค่าบำรุงพรรค ซึ่งสมาชิกแบบรายปี คนละ 100 บาท สมาชิกแบบตลอดชีพ คนละ 2,000 บาท โดยพรรคได้จัดเตรียมสถานที่ศูนย์ลงทะเบียนยืนยันการเป็นสมาชิกพรรค มีการตั้งเต็นท์ พร้อมด้วยการติดตั้งอุปกรณ์ เครื่องถ่ายเอกสาร และเจ้าหน้าที่ไว้คอยอำนวยความสะดวกกว่า 100 คน

 

เวลา 8.50 น.  นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางมายืนยันสมาชิกพรรค พร้อมด้วยแกนนำพรรค อาทิ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์  นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค นายจุติ ไกรฤกษ์  เลขาธิการพรรค นายกรณ์ จาติกวณิช  อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รวมทั้งมีอดีตส.ส. อดีตสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร(ส.ก.) อดีตสมาชิกสภาเขต(ส.ข.) และสมาชิกพรรคจากพื้นที่ต่างๆ ทยอยเดินทางมาแสดงตนอย่างพร้อมเพรียง 

และเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า 9 อดีตส.ส.ที่เคยเป็นแกนนำ กปปส. ร่วมกับเดินขบวนร่วมนายสุเทพ เทือกสุบรรณ โดยไม่ได้มีการโยกย้ายพรรคไปอยู่กับ พรรค “มวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข” ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าเป็นพรรคของกลุ่ม กปปส. ตามกระแสข่าวนี้เแต่อย่างใด อีกทั้งได้นัดหมายกันมาร่วมงานลงทะเบียนอย่างพร้อมเพียงกัน นำทีมโดย นายถาวร เสนเนียม อดีตรองหัวหน้าพรรคปชป. นายสกลธี ภัททิยกุล อดีตส.ส.กรุงเทพฯ แต่ในส่วนของผู้ที่ไปอุปสมบทกับนายสุเทพ จนต้องพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคโดยปริยายนั้น เนื่องจากตอนนี้ติดคำสั่งคสช.ที่ห้ามเปิดรับสมัครสมาชิกพรรคการเมือง  จึงทำให้ขณะนี้ยังไม่สามารถสมัครสมาชิกพรรค จึงทำได้เพียงมาแสดงตัวกับหัวหน้าและสมาชิกพรรคคนอื่นๆ เพื่อยืนยันว่าตัวเองยังทำงานอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป อาทิ นายวิทยา แก้วภราดัย นายอิสสระ สมชัย  นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม  นายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์  นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์

 

ที่น่าสนใจก่อนหน้านี้ทางกลุ่มกปปส.มีความคาดหวังและสนับสนุนให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ได้ปฏิรูปประเทศให้เสร็จ เป็นนายกรัฐมนตรีคนนอก ตามที่รัฐธรรมนูญได้เปิดโอกาสเอาไว้ เพื่อให้ประเทศเดินหน้าตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข พร้อมขอเป็นกำลังใจและสนับสนุนทุกมิติ ส่วนประชาธปัตย์ ที่นำโดยนายอภิสิทธิ์ ไม่เคยเห็นด้วยกัน การคัดเลือกนายยกคนอื่น โดยส่วนตัวของนายอภิสิทธิ์แล้ววนั้นเชื่อว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ผิดหลักของประชาธิปัตย์ มีอุดมการณ์ทางประชาธิปัตย์ที่แตกต่างกัน

 

วันเดียวกัน (1 เมย.)นายอภสิทธิ์ ยังขู่คำราม ส่งสารถึงอดีตแกนนำย้ำชัดหากใครแตกแถว ไม่เลือกหัวหน้าพรรรค ไล่ไปอยู่พรรคอื่น อีกด้วย ล่าสุด ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์  กล่าวถึงบรรยากาศการยืนยันสมาชิกพรรคฯ ว่า นอกจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย  และนายธานี เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.สุราษฏร์ธานี ที่แสดงเจตนาว่าจะเป็นผู้ไปจดแจ้งพรรคการเมืองใหม่ ก็ยังไม่มีอดีต ส.ส.คนอื่น มาบอกว่าจะไม่อยู่ร่วมงานกับพรรค ส่วนบางคนที่ไปบวชจึงพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรค ต้องรอสมัครสมาชิกพรรคใหม่

 

อย่างไรก็ตามสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่า ยังสนับสนุนหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว ไม่ว่าหัวหน้าพรรคจะเป็นใครก็ตาม ส่วนใครที่จะออกนอกแถวไปสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ขอให้ไปทางเลือกอื่น ไม่ต้องมาที่นี่ เพราะมีพรรคการเมืองอีกมากที่รองรับ ถ้าถามถึงความเป็นไปได้ที่พรรคประชาธิปัตย์จะสนับสนุนทหารเป็นรัฐบาลนั้น ต้องไปดูว่าทหารเข้ามาได้อย่างไร และมีกี่เสียง

 

นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า การจัดตั้งรัฐบาลต้องเคารพเสียงของประชาชน โดยพรรคประชาธิปัตย์ต้องการจะเป็นหลักของประชาชน โดยขอความสนับสนุนกับประชาชนให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นหลักเดินหน้า ส่วนข้อสังเกตที่ว่าหากเกิดวิกฤติแล้วจำเป็นจะต้องให้ทหารอยู่ในอำนาจต่อนั้น ผมมองว่าการจะเดินหน้าเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งจำเป็นจะต้องรักษาคำพูดเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น หากทำอะไรที่ทำให้ประชาชนคิดว่ามีการบิดพลิ้ว หรือไม่เป็นไปตามที่ได้บอกไว้ก็จะทำให้เกิดความขัดแย้ง ดังนั้นทุกฝ่ายต้องช่วยกันให้บ้านเมืองเดินไปได้

 

“ผมยืนยันด้วยว่าพรรคประชาธิปัตย์ จะเดินตามวิถีทางประชาธิปไตย หากสนับสนุนพรรคก็ต้องสนับสนุนหัวหน้าพรรคให้เป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนหากใครจะสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ต้องมาที่นี่ เพราะมีทางเลือกอื่นให้เลือกอยู่แล้ว และแต่ส่วนตัวผมไม่สามารถตอบแทนพรรคได้ว่าหากพล.อ.ประยุทธ์ หรือทหารมาเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป แล้วจะเข้าร่วมรัฐบาลหรือไม่ แต่ผมขอให้ส.ว.ที่มาจากการสรรหาเคารพเสียงของประชาชนที่ได้เลือกมาด้วย”

 

 

ทั้งนี้ก็ต้องจับตาดูต่อไปว่า หลังจากนี้ทางพรรคกปปส. จะมีหนทางในการแก้เกมนี้อย่างไร และการเคลื่อนไหวของนายสุเทพ ที่โดดมาป้องออกมากล่าวไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กให้กำลังใจ 13 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ถูกบังคับคดีอายัดทรัพย์หลังศาลแพ่งพิพากษาให้ชดใช้ค่าเสียหายจากการชุมนุมปิดสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อปี 2551 ในการขับไล่รัฐบาลพรรคพลังประชาชน จะสานสัมพันธ์ ในครั้งนี้ จะเกิดการรวมตัวระหว่างคนกปปส.กับคนพันธมิตรเกิดขึ้นหรือไม่ ก็ต้องติดตามต่อไป