ไม่มีอะไรใหม่-ไม่เหนือการคาดเดา? "นายใหญ่-หนูปู"โผล่โตเกียว แค่“อยากเป็นข่าว-เลี้ยงกระแสชาวแดง” แต่ต้องสะอึกเมื่อถูกเรียกโต้งๆ"นักโทษหนีคดี"

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

 

 การไปปรากฎตัวที่ญี่ปุ่นของ "นายทักษิณ ชินวัตร" และ "น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร"อดีต 2 ศรีพี่น้องนายกฯ 2 ผู้อื้อฉาวชาวไทย เพื่อร่วมงานเปิดตัวหนังสือของอดีตรัฐมนตรีญี่ปุ่นรายหนึ่งเมื่อสัปดาห์ก่อน ดูจะทำให้หลายคนออกมาฟันธงตรงกันว่า เรื่องนี้ไม่มีอะไรใหม่ ไม่เหนือการคาดเดา เพราะทักษิณมักออกมาทำอะไรเช่นนี้เสมอ...เมื่อเขาต้องการเลี้ยงกระแส หรือส่งสัญญาณอะไรบางอย่างไปถึงสาวก และลิ่วล้อที่เมืองไทย

 

ครั้งนี้ก็เช่นกัน "เขา" หนีบ "หญิงปู" ผู้น้องสาวไปโผล่ที่ญี่ปุ่น ในห้วงยามเดียวกับที่ คสช.ไฟเขียวให้พรรคการเมือง (เก่า) ทำกิจกรรมของพรรค โดยเฉพาะการยืนยันตัวตนสมาชิกพรรรคได้อย่างพอดิบพอดีทีเดียว เรื่องนี้หลายคนมองไปในทางเดียวกันว่า ทักษิณต้องการเช็คความชัวร์ และส่งสัญญาณไปถึงสนุมของเขาไม่ให้แตกแถว-อย่าคิดย้ายค่ายอะไรทำนองนั้น

 

เพราะการที่เขาให้สัมภาษณ์กับสื่อแดนปลาดิบในงานดังกล่าว ด้วยคำคุยโวตามลักษณะเฉพาะของเศรษฐีขี้โอ่ว่า "ยังไงตนก็มั่นใจว่าเพื่อไทยจะชนะอย่างถล่มทลาย และได้ ส.ส.มากเป็นอันดับ 1 นั้น" ก็ชัดเจนในตัวเองอยู่แล้วว่า ลูกพรรคเพื่อไทย...อย่าได้คิดฆ่าตัวตายตีจากเพื่อไทย...ที่จะเป็นฝ่ายกำชัยในการเลือกตั้งที่จะมาถึง...ทำนองนั้น


แม้ก่อนหน้าจะคุยโว เขาจะออกตัวก่อนว่า ตนไม่เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทยแล้วก็ตาม แต่นั่นก็แค่คำแก้เกี้ยวป้องกันการถูกร้องให้ยุบพรรค เพราะหลังรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันประกาศใช้...และกำหนดชัดว่า หากผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องมาบงการพรรค (ซึ่งทักษิณถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองจากคดีทุจริต) แล้วหากมีใครสักคนไปร้องว่า นายใหญ่มายุ่มย่ามกับพรรคเหมือนในอดีต ก็อาจทำให้พรรคเพื่อไทยที่เขาหมายมั่นปั้นมือจะนำตนเองกลับสู่อำนาจอีกครั้งอาจถูกยุบได้ เขาจึงต้องแก้เกี้ยวด้วยคำพูดเช่นนั้น เพราะแต่ไหนแต่ไรมาผู้คนต่างรับรู้กันดีว่า "นายใหญ่” นั้นถือเป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทยตัวจริง

และครั้งนี้ต่อให้เขาปฎิเสธไม่เกี่ยวข้องกับพรรคเช่นไร แต่ด้วยคำพูดที่ว่า "ยังไงตนก็มั่นใจว่าเพื่อไทยจะชนะอย่างถล่มทลาย และได้ ส.ส.มากเป็นอันดับ 1 นั้น" ก็สะท้อนความจริงว่า...แท้แล้วเขาอยู่ตรงไหนของพรรคเพื่อไทย

นอกจากนี้ หลายคนยังมองต่อไปว่า การปรากฎตัวของเขาและผู้น้องสาวที่ญี่ปุ่นนั้น ถือเป็นการฉวยจังหวะสร้างแรงกดดันต่อ คสช. อีกทางหนึ่ง หลังปล่อยให้ลิ่วล้อเด็ก ๆ อย่าง "แก๊งละอ่อนอยากเลือกตั้ง" เป็นหัวหมู่ทะลวงฟันเรียกร้องเรื่องนี้มาหลายต่อหลายสัปดาห์ติดต่อกัน เพราะเขาเองก็พูดเรื่องนี้ที่โตเกียวในวันนั้น โดยหยิบเรื่องเศรษฐกิจมากล่าวอ้างแบบแผ่นเสียงตกร่องว่า "ตนหวังว่าประเทศไทยที่อยู่ภายใต้การปกครองของทหารจะหวนคืนสู่ประชาธิปไตยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เสรีภาพในการแสดงออกนั้นจำเป็นสำหรับประเทศไทย ประชาธิปไตยจำเป็นสำหรับเศรษฐกิจ”

...นั่นก็ชัดเสียจนไม่ต้องตีความใด ๆ อีก แต่นอกเหนือไปจากวกไปเรื่องการอยากเลือกตั้งแล้ว ผู้รู้บางคนมองต่อไปว่า ทักษิณน่าจะส่งสัญญาณบางอย่างต่อคดี "ฟอกเงินกรุงไทย" ที่ "เสี่ยโอ๊ค" ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเขาตกเป็นผู้ถูกกล่าวหา และหลักฐานก็ค่อนข้างแน่นหนาเสียด้วย

เพราะหลังเขาปรากฎตัวที่ญี่ปุ่นแค่ 2 - 3 วัน "เสี่ยโอ๊ค" ผู้ลูกก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กวานนี้ทำนอง ข้าจะผิดคนเดียวไม่ได้ โดยไปลากเอา พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ มาเกี่ยวข้องกับคดีด้วย โดยอ้างว่า มีเช็ค 2 ฉบับ และใบนำฝากของธนาคารว่าเป็นชื่อของ พล.อ.เปรม จำนวนเงิน 250,000 บาท ซึ่ง ป๋าเปรมสั่งให้นำเงินก้อนนี้ไปฝากเข้าบัญชีมูลนิธิรัฐบุรุษ ส่วนเช็คอีกใบสั่งจ่ายเงินสดเข้าบัญชี พล.ร.ท.พระจุณณ์ ตามประทีป นายทหารคนสนิทของ พล.อ.เปรมฯ ก่อนจะโดน "พล.ท.พิศณุ พุทธวงศ์" หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ ออกมาถลกหนังว่า นายพานทองแท้ มั่วข้อมูลจงใจใส่ร้ายป้ายสีมูลนิธิรัฐบุรุษเพราะเช็ค 2 ฉบับที่พูดถึงนั้นได้ส่งต่อเข้าการกุศลจริงๆ และพล.อ.เปรม ไม่ได้นำมาใช้ส่วนตัว

 

ขณะที่สื่อมวลชนหลายสำนักต่างชำแหละนายพานทองแท้ตรงกันว่า...เรื่องนี้ลูกชายนายใหญ่...เล่นใหญ่หวังผลทางการเมืองแน่ เพราะเรื่องเช็ค 2 ใบที่กล่าวอ้าง เป็นเรื่องเก่า และ DSI ก็พิสูจน์ทราบจนแน่ชัดไปนานแล้ว ขณะที่วิธีปฏิบัติมันก็ต่างกันอย่างสิ้นเชิง “ป๋าเปรม” ไม่ได้ทำธุรกิจ และเงินก็ถูกส่งต่อเข้ามูลนิธิฯ ต่างกับโอ๊คที่เข้าบัญชีตนเองโดยตรง...ก่อนจะยอมคืนให้ เพราะสำนึกได้ว่า...อาจโดนข้อหา...รับของโจรและฟอกเงิน

 

เรื่องนี้หลายฝ่ายยืนยันว่า...นายใหญ่อาจไฟเขียวให้โยนลูกชายประเด็นนี้ออกมาอีกครั้ง เพราะต้องการดิสเครดิต "ป๋า" พร้อม ๆ กับโบ๋ยความผิดของผู้ลูกไปทางอื่น เพราะหลังจากนั้นแค่ครึ่งวัน "อุ๊งอิ๊ง" ผู้น้องสาวก็รับลูกเรื่องนี้ในทันที โดยออกมาโพสต์ทำนองบิดเบือนข้อเท็จจริงว่า “ให้กำลังใจครับพี่ชาย! เงินก็คืนไปตั้งแต่แรกแล้ว หลักฐานก็ชัดเจนทุกสิ่ง ขอความเป็นธรรมสักครั้ง ให้ครอบครัวเราเหอะ สาธุ” (ที่บอกว่าบิดเบือนข้อเท็จจริง เพราะในทางกฎหมาย การอ้างว่าเงินก็คืนไปแล้วนั้น ไม่สามารถพ้นผิดไปได้...เพราะความผิดถือว่าสำเร็จแล้ว)

 

อ่าน โอ๊คไร้ราคา..เรื่องเก่าเล่าใหม่ กะแฉคนอื่นดันเข้าตัวเอง ยื้อชีวิตไปวันๆ

 

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าการปรากฎของ "ทักษิณ-หนูปู" จะมุ่งหวังสิ่งใด หรืออาจต้องการทุกอย่างตามที่ผู้สันทัดต้องข้อสังเกตข้างต้น แต่ทว่ารอบนี้กลับทำให้ "นายใหญ่" หน้าแหกอย่างหนัก เพราะหลังจากนั้นแค่ชั่วข้ามคืน  สื่อดังเมืองซามูไรอย่าง "Japan Today" กลับออกมาเปลื้องเปลือย "ทักษิณ" อย่างหมดเปลือก โดยพูดความจริงเรียก "ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ " โต้งๆ ว่า "นักโทษหนีคดี" เพราะ "Japan Today" ใช้คำว่า "both fugitives" ซึ่งแปลความได้ว่า "นักโทษหนีคดีทั้ง 2 คน" อย่างชัดแจ้ง และนับเป็นสื่อต่างประเทศที่ใช้คำนี้อย่างตรงไปตรงมา

 

เรื่องนี้...จึงกลายเป็นว่า...ตนโผล่หวังให้สาวกได้เห็น เพื่อเลี้ยงกระแส พร้อม ๆ กับกดดัน คสช. ปมเวลาเลือกตั้งที่ลงทุนลงแรงใช้เด็กมาพักใหญ่แล้ว แต่กลับถูกเปิดโปงความจริงว่า ทั้ง 2 คนเป็น "นักโทษหนี" ไปเสียได้...แบบนี้หากไม่ "หัวเสีย" คงไม่ใช่วิสัยนายใหญ่แน่

 

อ่าน โป๊ะแตกจังจัง! เพจดังเผย"Japan Today" สื่อยุ่นเปลือย"ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์" เรียกโต้งๆ"นักโทษหนีคดี" หลัง 2 ศรีพี่น้องโผล่ร่วมงานอดีต นกม.ตกยุค