- 04 เม.ย. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
ถือเป็นหนึ่งโครงการที่มีงบฯลงทุนสูงถึงกว่า 1.2 หมื่นล้าน แต่กลายเป็นว่า “โครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่” หรือ “สัปปายะสภาสถาน” ที่มีแนวคิดเริ่มต้นจัดสร้างมากว่า 20 ปีกลับยังไม่แล้วเสร็จสิ้นสมบูรณ์ โดยเฉพาะตั้งแต่ปี 2556 หรือเมื่อ 4 ปีทีผ่านมา หลังจากได้บริษัทก่อสร้างยักษ์ใหญ่ อย่าง บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เข้ามารับผิดชอบ แต่กลายเป็นว่าจนถึงปัจจุบัน โครงการนี้ก็ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ ซ้ำร้ายบริษัทเอกชนรายดังกล่าว ประกาศจะเรียกร้องค่าเสียหายจากสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เป็นเงินกว่า 1.6 พันล้านบาท โดยโยนความผิดทั้งหมดให้กับสำนักงานเลขาธิการสภาฯ
ทั้งนี้จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า ประเด็นดังกล่าวเริ่มต้นมาจาก นาย พีระ นาควิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการบริษัทซิโน-ไทย ซึ่งมีอีกสถานะหนึ่งเป็น ผู้อำนวยการโครงการก่อสร้างรัฐสภา ออกมาเปิดเผยว่า บริษัทเตรียมพิจารณาข้อสรุปและความเสียหาย เพื่อยื่นฟ้องสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ต่อศาลปกครอง ในฐานะที่ทำให้บริษัทขาดทุนกว่า 3 พันล้านบาท จากการดำเนินการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ เนื่องจากสำนักงานเลขาฯส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างมาให้ล่าช้ากว่ากำหนด เป็นผลทำให้บริษัทต้องเสียค่าจ้างพนักงานและค่าทำงานในพื้นที่เพิ่มกว่าวันละ 1 ล้านบาท รวมระยะเวลาที่ผ่านมารวมแล้ว 1,400 กว่าวัน ส่วนยอดเงินประมาณการณ์ค่าความเสียหายในการฟ้องร้องครั้งนี้จะอยู่ที่ 1,673 ล้านบาท และอาจสูงกว่านี้ ซึ่งถ้าได้ตัวเลขสุดท้ายเป็นเท่าไรก็อาจจะส่งฟ้องทันที
ประเด็นน่าสนใจก็คือ ทางด้าน นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้ออกมาให้สัมภาษณ์อย่างแข็งกร้าว โดยยืนยันว่า จะไม่จ่ายค่าเสียหายจำนวนกว่า 1,600 ล้านบาทอย่างที่มีการเรียกร้องอย่างแน่นอน และเท่าที่ทราบ ซิโน-ไทย ได้มีการเรียกร้องให้มีการจ่ายค่าเสียหายมาแล้วหลายครั้ง ในทางตรงข้ามตอนนี้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนความโปร่งใสที่มาที่ไปการดำเนินการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ในอดีตที่ผ่านมาเช่นเดียวกัน
สอดรับกับข้อมูลของ นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ออกพูดถึงเรื่องการขยายเวลาการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่เป็นรอบที่ 3 อีก 674 วัน ว่า การขยายเวลาการก่อสร้างรวมแล้ว 1,482 วัน จากเดิมในสัญญากำหนดไว้เพียง 900 วัน ทำให้ต้องใช้เวลาการก่อสร้างยาวนานถึง 2,382 วัน ส่วนตัวเชื่อว่าเหตุนี้ไม่ใช่เรื่องปกติแน่นอน จึงเตรียมยื่นหนังสือร้องให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เข้าไปตรวจสอบการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่นี้ต่อไป
“สำหรับตนเองต้องถือว่า ซิโน-ไทย เป็นบริษัทผู้รับเหมาที่ได้รับความเมตตาจากภาครัฐมากที่สุดให้สามารถขยายเวลาการก่อสร้างมาได้ถึง 3 ปี เริ่มต้นจากข้อสังเกตว่า การขยายเวลาครั้งแรกที่นายจเร พันธุ์เปรื่อง ตัดสินใจอนุมัติให้ขยายเวลาไม่ครบตามจำนวนบริษัทแจ้งขอมา กลายเป็นนายจเรกลับถูกคำสั่ง ม.44 ให้ย้ายไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จึงน่าสงสัยว่าการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทเอกชนหรือไม่ ประเด็นสำคัญก็คือบริษัทรับเหมาก่อสร้างเองก็ทราบอยู่แล้วว่า ทางสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรจะส่งมอบพื้นที่แต่ละส่วนไม่พร้อมกัน เหตุใดจึงไม่มีการวางแผนก่อสร้างเพื่อรองรับเหตุการณ์ ถือเป็นข้อน่าสงสัยจนสุดท้ายก็เกิดปัญหาเช่นทุกวันนี้”
อย่างไรก็ตาม นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ซึ่งกำลังเตรียมตัวเข้าสู่การเลือกตั้งในช่วงต้นปี 2562 และอดีตกรรมการผู้จัดการ ซิโน-ไทย ได้ออกมาระบุว่าปัญหาทั้งหมดไม่ใช่ความผิดพลาดของบริษัทอย่างที่มีการกล่าวหา และไม่เคยใช้อิทธิพลในการต่อสัญญา เพราะถ้าการส่งมอบพื้นที่เป็นไปตามกำหนด ทางบริษัทก็ต้องก่อสร้างให้เสร็จภายในเวลา 900 วันตามสัญญา
ขณะที่จากการตรวจค้นข้อมูลเพิ่มเติม พบว่า โครงการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ ในความรับผิดชอบของ บริษัทซิโน-ไทย เริ่มต้นตั้งแต่ในเดือนมีนาคม 2556 เมื่อมีการเปิดประมูลคัดเลือกเอกชนเพื่อก่อสร้างอาคารและอาคารประกอบของรัฐสภาแห่งใหม่ ก่อนจะได้ บริษัท ซิโน-ไทย เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง เนื่องจากเสนอราคาต่ำสุดมูลค่า 12,280 ล้านบาท และ มีระยะดำเนินการ 900 วัน หรือตั้งแต่ 8 มิถุนายน 2556 - 24 พฤศจิกายน 2558
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา โครงการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ได้มีการขยายเวลามาโดยตลอด และด้วยเงื่อนไขเดิม ๆ คือผลกระทบจากการส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างล่าช้ากว่ากำหนด เริ่มต้นจากการขยายเวลาครั้งแรกจำนวน 387 วัน จากกำหนดสิ้นสุดในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2558 เป็น 15 ธันวาคม 2559
แต่หลังจากดำเนินการก่อสร้างมาได้ระยะหนึ่ง การดำเนินการประสบปัญหาเรื่องการระบายดินที่ขุดขึ้นมาเพื่อสร้างชั้นใต้ดินของอาคารรัฐสภาราว 5 แสนลูกบาศก์เมตร ทาง บริษัทซิโน-ไทย จึงขอขยายเวลาครั้งที่ 2 อีก 421 วัน กำหนดสิ้นสุดในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2561 ที่ผ่านมา
แต่ทุกอย่างก็เป็นไปตามข้อมูลปรากฏก่อนหน้า คือ มีการขอขยายแผนงานก่อสร้างอีกครั้งเป็นรอบที่ 3 โดยทาง บริษัทซิโน-ไทย อ้างถึงปัญหาการส่งมอบพื้นที่ในส่วนของโรงเรียนโยธินบูรณะ โดยขอขยายเวลาอีกจำนวน 926 วัน แต่สำนักเลขาธิการสภาฯ เห็นชอบให้ขยายเวลาเพียง 674 วัน ทำให้กำหนดสิ้นสุดการส่งมอบโครงการในวันที่ 15 ธันวาคม 2562
สรุป 3 ครั้ง บริษัท ซิโน-ไทยฯ ได้ขอขยายเวลาส่งมอบโครงการรวมระยะเวลาแล้ว 1,497 วัน หรือกว่า 4 ปี จากกำหนดเดิมต้องแล้วเสร็จภายใน 900 วัน หรือประมาณ 2 ปี 4 เดือน ขณะที่ในสัญญาเดิมระบุว่า หากการก่อสร้างไม่เป็นไปตามที่กำหนด ผู้รับเหมาต้องเสียค่าปรับวันละประมาณ 12 ล้านบาท ซึ่งถ้าคำนวณกันตามตัวเลขดังกล่าว บริษัทซิโน-ไทย จะต้องเสียค่าปรับถึงเกือบ 1.8 หมื่นล้านบาท แต่กลายเป็นว่าวันนี้ บริษัทซิโน-ไทย กำลังมีแผนจะฟ้องเรียกค่าเสียหายจาก สำนักงานเลขาธิการสภาฯ เป็นเม็ดเงินกว่า 1.6 พันล้านบาท
อย่างไรก็ตามเมื่อช่วงต้นเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในฐานะประธานรัฐสภา กล่าวภายหลังลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างสัปปายะสภาสถาน หรือ อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ว่า ขณะนี้การก่อสร้างมีความคืบหน้าเกือบร้อยละ 50 แล้ว ซึ่งที่ผ่านมามีการเร่งรัดการก่อสร้างโดยตลอด โดยเฉพาะห้องประชุมพระจันทรา สำหรับ ส.ว. ให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ ส่วนห้องประชุมพระสุริยันสำหรับ ส.ส. คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณเดือนมี.ค. 2562
ขอบคุณภาพ : FB ต่อตระกูล ยมนาค