- 05 เม.ย. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
ดูเหมือนการก่อสร้าง “รัฐสภาแห่งใหม่” บริเวณถนนทหาร (เกียกกาย) จะกลายเป็นมหากาพย์แห่งการยืดเยื้อ และพบ “ปัญหาสารพัด” จนต้องขอขยายเวลาแล้วขอขยายเวลาอีก ทั้งที่กำหนดการเดิมต้องแล้วเสร็จในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2558 หรือกว่า 2 ปีก่อน
เรื่องนี้ทางด้าน บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นคู่สัญญาของรัฐฯ และเป็นผู้รับผิดชอบในงานก่อสร้างอ้างว่า ทางสำนักงานเลขาธิการสภาผ ู้แทนราษฎร ส่งมอบพื้นที่ในการก่อสร้างให้ล่าช้ากว่ากำหนด และจะนำเรื่องนี้ยื่นฟ้องสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ต่อศาลปกครองกว่า 1,673 ล้านบาท ฐานที่ทำให้บริษัทขาดทุนกว่า 3 พันล้านบาท จากการที่บริษัทต้องเสียค่าจ้างพนักงานและค่าทำงานในพื้นที่เพิ่มกว่าวันละ 1 ล้านบาท รวมระยะเวลาที่ผ่านมารวมแล้ว 1,400 กว่าวัน
เรื่องนี้เป็นความจริงแค่ไหน เพราะลำพังข้ออ้างของ "ซิโน-ไทย" อาจไม่สามารถรับฟังได้ฝ่ายเดียว เพราะจากการสืบค้นข้อมูลพบว่า คำอ้างของ "ซิโน-ไทย" นั้นเป็นจริงแค่ครึ่งเดียว เพราะในรายงานความคืบหน้าของกระทรวงมหาดไทย ต่อกรณีโครงการก่อสร้างดังกล่าวที่ล่าช้า ซึ่งแจ้งต่อคณะรัฐมนตรีรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อเดือน พ.ค.2558 นั้น ระบุปัญหาเอาไว้ 4 เรื่อง คือ
1. ผลงานสะสมทำได้ร้อยละ 11.25 ล่าช้ากว่าแผนร้อยละ 65.30 โดยมีความก้าวหน้าแค่ในงานก่อสร้างชั้นใต้ดิน ได้แก่ งานขุด-ขนดิน งานประกอบโครงสร้างเหล็ก งานฐานราก งานพื้นและเสาชั้น B2 งานติดตั้งเสาเหล็กชั้น B1
2. การส่งมอบพื้นที่ก่อสร้าง ยังไม่มีการส่งมอบพื้นที่เพิ่มเติม โดยส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างอาคารแล้ว 102-3-76 ไร่ (คิดเป็นร้อยละ 83.5) ครอบคลุมพื้นที่ก่อสร้างอาคารหลักทั้งหมด เหลือพื้นที่ยังไม่ได้ส่งมอบ 20-0-60 ไร่
3. การขนย้ายดินออกจากพื้นที่ก่อสร้าง ได้ขนย้ายดินออกจากพื้นที่ 777,228 ลบ.ม. (คิดเป็นร้อยละ 75,25) เหลือดินในพื้นที่ต้องขนออก 255,590 ลบ.ม. (คิดเป็นร้อยละ 24.75)
และ 4. ปัญหา/อุปสรรค ได้แก่ ปัญหาเรื่องการขนส่งมอบพื้นที่ที่เหลือ ยังส่งมอบไม่ได้ตามสัญญาก่อสร้าง ปัญหากรณีผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการนี้ ในพื้นที่ชุมชนบ้านพักองค์การทอผ้าร้องเรียนไปยังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และนายกรัฐมนตรี เพื่อขอรับการชดเชยที่อยู่อาศัยเพิ่มเติม และปัญหากรณีชาวบ้านรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่การก่อสร้างบริเวณก่อสร้างเขื่อนริมแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นอุปสรรคต่องานก่อสร้างเขื่อนริมแม่น้ำ
โดยกระทรวงมหาดไทย ระบุว่าทั้งหมดคือ 4 ปัญหาที่ทำให้การก่อสร้าง “รัฐสภาใหม่” ล่าช้ากว่าแผนถึง 65%
อย่างไรก็ตาม ที่น่าสังเกตเป็นอย่างยิ่งก็คือ ในเรื่องการส่งมอบพื้นที่ ซึ่ง "ชิโน-ไทย" หยิบมาเป็นข้ออ้าง และจะใช้มันเรียกร้องค่าเสียหายจากสำนักงานเลขาฯ เป็นเงินกว่า 1.6 พันล้านบาทดังกล่าวนั้น ในรายงานของ กระทรวงมหาดไทย ก็ระบุอย่างชัดเจนว่า ส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างอาคารแล้ว 102-3-76 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 83.5 ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ก่อสร้างอาคารหลักทั้งหมด เหลือพื้นที่ยังไม่ได้ส่งมอบแค่ 20-0-60 ไร่ หรือคิดเป็นส่วนที่ยังไม่ส้่งมอบแค่ 16.5 % เท่านั้น
คราวนี้คำถามจึงมีอยู่ว่า หากยึดข้อมูลจากมหาดไทยซึ่งแจ้งต่อ ครม.ในคราวนั้นคือ เดือน พ.ค. 2558 หลังโครงการก่อสร้างดำเนินมาแล้วกว่า 2 ปี และจะต้องแล้วเสร็จในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2558 หรืออีก 5 - 6 เดือนนับจากรายงานมหาดไทยถึงมือ ครม. ที่ระบุชัดว่า มีการส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างอาคารหลักแล้วถึง 83.5 % ซึ่งนั่นย่อมหมายถึง การก่อสร้างอาคารหลักย่อมสามารถดำเนินการได้เลย เพราะพื้นที่หน้างานครอบคลุมไปเกือบทั้งโครงการแล้ว ทว่างานสะสมกลับทำได้แค่ร้อยละ 11.25 ล่าช้ากว่าแผนถึง 65.30 % โดยมีความก้าวหน้าแค่ในงานก่อสร้างชั้นใต้ดิน ได้แก่ งานขุด-ขนดิน งานประกอบโครงสร้างเหล็ก งานฐานราก งานพื้นและเสาชั้น B2 งานติดตั้งเสาเหล็กชั้น B1...ตามที่มหาดไทยระบุ...ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
ใช่...หากตัวเลขที่มหาดไทยให้มาเป็นข้อเท็จจริง แล้วทำไมงานสะสมกลับทำได้แค่ร้อยละ 11.25 ล่าช้ากว่าแผนถึง 65.30 % กระทั่งนำมาสู่การขอขยายเวลาการก่อสร้างมาโดยตลอด เริ่มต้นจากการขยายเวลาครั้งแรกจำนวน 387 วัน จากกำหนดเดิมโครงการต้องสิ้นสุดในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2558 มาเป็น 15 ธันวาคม 2559 (โครงการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ ในความรับผิดชอบของบริษัท ซิโน-ไทย มูลค่า 12,280 ล้านบาท มีระยะดำเนินการ 900 วันตั้งแต่ 8 มิถุนายน 2556 - 24 พฤศจิกายน 2558)
ทว่าแม้ขยายเวลามาแล้ว แต่หลังจากนั้นการก่อสร้างก็ประสบปัญหาใหม่ ในเรื่องการระบายดินที่ขุดขึ้นมาเพื่อสร้างชั้นใต้ดินของอาคารรัฐสภาราว 5 แสนลูกบาศก์เมตร ทำทาง บริษัทซิโน-ไทย จึงขอขยายเวลาครั้งที่ 2 อีก 421 วัน กำหนดสิ้นสุดในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2561 ที่ผ่านมา แต่เอาเข้าจริงการก่อสร้างกลับไม่คืบหน้ามากนัก
เรื่องนี้สะท้อนชัดจากคำพูดของนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ที่ออกมาระบุหลังนำคณะฯ เข้าตรวจเยี่ยมงานก่อสร้างเมื่อต้นเดือนมีนาคม 2561 ที่ผ่านมา (หลังจากที่พ้นระยะการขอขยายเวลาการก่อสร้างรอบที่ 2 มาเดือนกว่า) ว่า ภาพรวมการดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จแค่ 50 เปอร์เซ็นต์
"จะดำเนินการเร่งรัดให้ก่อสร้างจุดที่สำคัญ คือ ห้องประชุมใหญ่ และห้องทำงานที่จำเป็นให้เสร็จก่อน เพื่อรองรับการเคลื่อนย้ายจากรัฐสภาปัจจุบันมายังรัฐสภาแห่งใหม่" ประธาน สนช. ระบุ
ตัวเลข 50 เปอร์เซ็นต์ ตามที่ประธาน สนช. ระบุนั้น ทำให้ต้องตั้งคำถามต่อ "ซิโน-ไทย" ต่อเนื่องมาว่า เมื่อต่อเวลามาถึง 2 รอบ ในส่วนที่ได้พื้นที่มากว่า 83.5 % นั้น เหตุใดจึงไม่จัดการให้งานมันลุล่วงไปมากกว่านี้ เพราะ "ซิโน-ไทย" ก็บอกเองว่า เหลือแค่ปัญหาการส่งมอบพื้นที่ในส่วนของโรงเรียนโยธินบูรณะ ทั้งตัวเลขของมหาดไทยก็บอกชัดว่าให้พื้นที่หลักมาแล้วกว่า 83.5 % แล้วใยงานก่อสร้างจึงคืบหน้าไปแค่ 50 % ตามที่ประธาน สนช. ระบุ
หนำซ้ำยังใช้มันเป็นข้ออ้าง ในการขอขยายเวลา ในรอบที่ 3 ไปอีก 926 วัน ทั้งจะใช้มันมาฟ้องรัฐฯ กว่า 1.6 พันล้าน ตามที่ นาย พีระ นาควิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการบริษัทซิโน-ไทย และเป็น ผู้อำนวยการโครงการก่อสร้างรัฐสภา เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า บริษัทเตรียมฟ้องเรียกค่าเสียหาย จากสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ต่อศาลปกครอง ในฐานะที่ทำให้บริษัทขาดทุนกว่า 3 พันล้านบาท จากการส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างมาให้ล่าช้ากว่ากำหนด ทำให้บริษัทเสียหายกว่า 1,673 ล้านบาท เพราะต้องเสียค่าจ้างพนักงาน และค่าทำงานในพื้นที่เพิ่มกว่าวันละ 1 ล้านบาท รวมระยะเวลาที่ผ่านมารวมแล้ว 1,400 กว่าวัน และตัวเงืนอาจสูงกว่านี้ ซึ่งถ้าได้ตัวเลขสุดท้ายเป็นเท่าไรก็อาจจะส่งฟ้องทันที...ทำไม
หรือต่อให้ "ซิโน-ไทย" จะอ้างอย่างกำปั้นทุบดินว่า ไอ้ตัวเลขพื้นที่กว่า 83.5 % ที่มหาดไทยระบุมานั้น ได้มาก่อนหมดระยะเวลาสิ้นสุดโครงการเฟสแรกแค่ 4 - 5 เดือน ก่อนจะสิ้นสุดโครงการในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2558 เท่านั้น (สัญญาฉบับแรก ระบุว่า ต้องก่อสร้างให้แล้ว 100 % ในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2558) และเวลาขนาดนั้นก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้มากนัก
แต่"ซิโน-ไทย" ก็จำเป็นต้องตอบว่า....เหตุใดการก่อสร้างจึงไม่ขยับ ทั้งที่ก็ขอขยายเวลาการก่อสร้างรอบแรกมาอีก 387 วัน หรืออีก 1 ปี กับ 1 เดือน จนโครงการไปสิ้นสุดในวันที่ 15 ธันวาคม 2559 ก็น่าจะเพียงพอแล้ว หรือเผื่อเหลือเผื่อขาดเอารอบ 2 อีก 421 วัน และทำให้โครงการทะลุไปจนถึงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2561 ก็น่าจะเพียงพอให้โครงการคืบหน้าไปได้ในระดับที่น่าพอใจ...ซึ่งไม่น่าจะใช่แค่ตัวเลข 50 % เช่นนี้
แม้นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ซึ่งกำลังเตรียมตัวเข้าสู่การเลือกตั้งในช่วงต้นปี 2562 อดีตกรรมการผู้จัดการ ซิโน-ไทย จะออกมากล่าวถึงเรื่องนี้ว่าปัญหาทั้งหมดไม่ใช่ความผิดพลาดของบริษัทอย่างที่มีการกล่าวหา และไม่เคยใช้อิทธิพลในการต่อสัญญา เพราะถ้าการส่งมอบพื้นที่เป็นไปตามกำหนด ทางบริษัทก็ต้องก่อสร้างให้เสร็จภายในเวลา 900 วันตามสัญญา
นั่นยิ่งทำให้ต้องคิดต่อไปว่า มีอะไรแอบแฝงเพื่อแก้เกี้ยวต่อกรณีนี้หรือไม่ เพราะตามสัญญาเดิมหาก "ซิโน-ไทย" ไม่สามารถก่อสร้างให้แล้วเสร็จใน 900 วัน คือเสร็จในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2558 บริษัทฯ จะต้องชำระค่าปรับให้กับรัฐฯ วันละ 12 ล้านบาท ดังที่ นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาพูดเรื่องนี้ หลัง "ซิโน-ไทย" ขอขยายเวลาการก่อสร้างเป็นรอบที่ 3 ว่า การขยายเวลาการก่อสร้างรวมแล้ว 1,482 วัน จากเดิมในสัญญากำหนดไว้เพียง 900 วัน ทำให้ต้องใช้เวลาการก่อสร้างยาวนานถึง 2,382 วัน ส่วนตัวเชื่อว่าเหตุนี้ไม่ใช่เรื่องปกติแน่นอน จึงเตรียมยื่นหนังสือร้องให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เข้าไปตรวจสอบการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่นี้ต่อไป
เหนืออื่นใดก็ นายวัชระระบุชัดว่า "ประเด็นสำคัญก็คือบริษัทรับเหมาก่อสร้างเองก็ทราบอยู่แล้วว่า ทางสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรจะส่งมอบพื้นที่แต่ละส่วนไม่พร้อมกัน เหตุใดจึงไม่มีการวางแผนก่อสร้างเพื่อรองรับเหตุการณ์ ถือเป็นข้อน่าสงสัยจนสุดท้ายก็เกิดปัญหาเช่นทุกวันนี้”
....ใช่ จริงดังที่นายวัชระตั้งคำถาม...และดูเหมือนสังคมก็คงรอคำตอบจาก "ซิโน-ไทย" ต่อกรณีนี้
ก็ในเมื่อ "บริษัทรับเหมาก่อสร้างเองก็ทราบอยู่แล้วว่า ทางสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรจะส่งมอบพื้นที่แต่ละส่วนไม่พร้อมกัน เหตุใดจึงไม่มีการวางแผนก่อสร้างเพื่อรองรับเหตุการณ์"....ทำไม??