นึกว่าตายไปตั้งนานแล้ว?! "เปลว สีเงิน"ชำแหละ"เฒ่าเหนาะ" หลังฝัน"ทักษิณ"ได้กลับบ้าน บอกในรอบ 20ปี คนที่"จิตถึง-สันดานถึง"ทักษิณมีเสนาะคนเดียว

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

 

"นึกว่าตายไปตั้งนานแล้ว ที่แท้ "ยังอยู่" ดี.....  ไม่ใช่ใครอื่น "เฒ่าเสนาะ เทียนทอง" นักปั้นนายกฯ คนนั้นนั่นเอง" ...เป็นข้อเขียนย่อหน้าแรก ๆ ของคอลัมนิสต์อาวุโสระดับซือแป๋เรียกอาจารย์ "เปลว สีเงิน" แห่ง "หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์" ที่เขียนถึงกรณี "นายเสนาะ เทียนทอง" โผล่ไปให้สมาชิก "พรรคเพื่อไทย" รดน้ำดำหัวเมื่อ 2 - 3 วันก่อน แล้วอ้างว่า ตนเองฝันว่า ทักษิณต้องกลับเข้ามาประเทศไทยได้แน่น ทั้งยังบอกตนเองฝันแม่นเสียด้วย

 
โดย "ป๋าเปลว" ชำแหละสิ่งที่ "นายเสนาะ" พูดผ่านบทความ "ฝันของสองเรา 'ทักษิณ-เสนาะ" ซึ่งนำเสนอใน "คอลัมน์คนปลายซอย" ฉบับวันที่ 5 เมษายน 2561 ที่ผ่านมา โดย "ป๋าเปลว" นำสิ่งที่ "นายเสนาะ" เคยพูดถึง "ทักษิณ" ไว้ใน "หนังสือรู้ทันทักษิณ ๔" ที่ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง จัดพิมพ์ เมื่อปี ๒๕๔๘ บอกได้คำเดียวว่า...ลากไส้กันเองแบบเห็นทุกขด จน "ป๋าเปลว" ต้องใช้คำว่า "ในรอบ ๒๐ ปี คนที่ "จิตถึง-สันดานถึง" ทักษิณ มีเสนาะคนเดียว" ดังรายละเอียดที่ "ไทยโพสต์" ลงไว้ทั้งหมด คือ

"ฝันของสองเรา 'ทักษิณ-เสนาะ'"

 นึกว่าตายไปตั้งนานแล้ว!

      ที่แท้ "ยังอยู่" ดี.........

      ไม่ใช่ใครอื่น "เฒ่าเสนาะ เทียนทอง" นักปั้นนายกฯ คนนั้นนั่นเอง

      เมื่อวาน (๔ เม.ย.๖๑) ไปเป็นมงคลสูงสุดให้สมาชิก "พรรคเพื่อไทย" รดน้ำกราบไหว้

      เฒ่าเหนาะ บอกทุกคน ว่า

     "ฝันแล้ว-ฝันอีก ว่าท่านทักษิณต้องกลับเข้ามาประเทศไทยแน่นอน ความฝันของผมมักจะเป็นความจริง

      แม้ปีนี้ ผมจะอายุ ๘๔ ย่าง ๘๕ แต่ก็จะอยู่กับพรรคต่อไป

      มาร่วมกับพรรคนี้ ตั้งแต่สมัย 'ไทยรักไทย' วันที่จับมือกับนายทักษิณ เมื่อวันที่ ๑ เมษา ๔๓

      และจากนี้ ก็จะอยู่กันต่อไป เพื่อจรรโลงไว้ซึ่งพรรคไทยรักไทย ไม่ว่าจะเปลี่ยนชื่อเป็นอะไรก็ตาม"

      ๘๕ กระดูกยังแข็ง เว้นแต่ "ลิ้น" ที่อ่อน!

      คนอื่นฝัน ผมไม่เชื่อ..........

   

 

  

แต่เสนาะฝัน ผมต้องเชื่อ เพราะในรอบ ๒๐ ปี คนที่ "จิตถึง-สันดานถึง" ทักษิณ มีเสนาะคนเดียว

      ใครเคยอ่าน "รู้ทันทักษิณ ๔" ที่ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง จัดพิมพ์ เมื่อปี ๒๕๔๘ จะเห็นด้วยกับผม

      ช่วงนั้น "ทักษิณ-เสนาะ" ขัดผลประโยชน์กัน โกรธถึงขั้น "กูปั้นได้-ก็ทุบได้"

      ลาออกจากไทยรักไทยไปขึ้นเวทีพันธมิตรฉะทักษิณ และตั้งพรรค "ประชาราช"

      เฒ่าเหนาะเขียนเรื่อง จะเอา 'ทักษิณ' หรือ 'ประเทศไทย' " ลงในหนังสือ "รู้ทันทักษิณ" ๔

      เป็นที่ฮือฮา รองจาก "บุพเพสันนิวาส" ตอนนี้ นิดนึง!

      "บุพเพสังวาส" การเมืองตอนนั้น........

      ต้นและหน่อพันธุ์ผลไม้พิษเพื่อไทยวันนี้ อาจได้อ่านมั่ง-ไม่ได้อ่านมั่ง

      ส่วนผมอ่านจนเบื่อ.........

      วันนี้ จะนำ "บางท่อน" มาเผื่อแผ่ เป็นการสมโภชฝันเฒ่าเหนาะที่ว่า "ท่านทักษิณจะกลับเข้ามาประเทศไทยแน่นอน"

      เฒ่าเหนาะเขียน "ปฐมบท" ว่า.......

      "รู้จัก พ.ต.ท.ทักษิณ ตั้งแต่ปี ๒๕๒๙ แบบผิวเผิน ตั้งแต่เป็นนายตำรวจติดตามรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณพยายามสร้างความสัมพันธ์กับหัวหน้าพรรค คือทำธุรกิจกับการเมือง วิ่งเต้นเข้าทางผู้ใหญ่สูงสุดของพรรค"

      .............ฯลฯ.............

      หากต้องการจะรู้ทันทักษิณ ต้องเข้าใจเสียก่อนว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนอย่างไร เพราะลักษณะเฉพาะและตัวตนของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นตัวกำหนดพฤติกรรม

      การใช้อำนาจและบริหารราชการแผ่นดินของทักษิณทั้งหมดนั้น ประกอบขึ้นมาเป็นระบอบทักษิณ  ซึ่งมีทั้งระบบการใช้อำนาจและการแสวงหาผลประโยชน์อยู่ร่วมกัน

      พ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนมีวุฒิการศึกษา แต่ขาดวุฒิภาวะการเป็นผู้นำ ไม่มีสภาวะผู้นำโดยเฉพาะในระดับประเทศ เป็นคนไม่มีประสบการณ์ในการบริหารราชการ แม้เคยรับราชการตำรวจ ก็อยู่ไม่นาน และใช้เวลาว่างไปกับการประกอบธุรกิจ

      พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนักเสี่ยงโชค ขาดความรอบคอบ เคยประสบปัญหาทางธุรกิจ แลกเช็คและถูกฟ้องเช็คเด้ง นิยมบริหารธุรกิจแบบคิดไวทำไว โดยใช้การตลาดเป็นเครื่องมือ

      การจดทะเบียนคนจนนั้น ผมเคยแนะนำว่า มันทำไม่ได้ ไปประกาศเฉยๆ ไม่ได้ เอามาขึ้นทะเบียนเฉยๆ คนที่เป็นหนี้สินอยู่ที่ไม่ใช่คนจนก็ไปจดทะเบียนด้วย

      มันจะบานปลายไปใหญ่ พี่ไม่เห็นด้วย มองด้วยจิตสำนึกมันปฏิบัติไม่ได้ มันได้แค่โชว์ตัวเลขตอนเลือกตั้ง จากนั้นไม่มีผลจริง

      แต่ทักษิณตอบว่า

      โธ่...พี่เหนาะ คนตาบอดมันกลัวเสือเหรอ ถ้าเราไม่พูดแบบนี้เราจะได้เสียงเหรอ

      เขาพูดอย่างนี้ แสดงว่าไม่ได้จริงใจกับนโยบาย ประกาศไปก่อนค่อยหาวิธีการทำการตลาดทีหลัง  ไปเสี่ยงเอาข้างหน้าขอให้ได้คะแนนเสียงไว้ก่อน ไม่สนวิธีปฏิบัติราชการ

      แม้แต่โครงการ เอสเอ็มแอล ผมก็เตือนว่าเข้าข่ายซื้อเสียง เพราะอยู่ในภาวะเลือกตั้ง

      ทักษิณตอบว่า โธ่...อำนาจอยู่ที่เรา กกต.ก็ของเรา คนก็บอกเรา

      ล่าสุด ก่อนการเลือกตั้ง ๒ เมษายน ๒๕๔๙ มีการกระทำผิดกฎหมาย คือขนคนมาฟังการปราศรัยโดยจ้างมา มันผิดกฎหมายแน่นอน แต่ กกต.กลับเฉย       

       พ.ต.ท.ทักษิณเคยบอกรัฐมนตรีในรัฐบาลว่า ไม่ต้องคิดอะไรมาก ขอให้ทำตามก็พอ หากรัฐมนตรีของ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนที่คิดมาก รอบคอบ คอยตักเตือนจะอยู่ไม่ได้เลย คนที่อยู่ได้จะต้องตอบ “เยส”อย่างเดียว

      เช่น นายพินิจ เคยพูดว่า “ท่านนายกฯ ผมไม่เคยเห็นใครคิดได้ดีเท่านี้เลย” หรือนายเนวิน ก็มักพูดว่า “ดีนายๆ”

      ด้วยเหตุนี้ รัฐมนตรีบางคนในช่วงเทศกาลเลือกตั้ง มักมีบัตรเลือกตั้งที่พิมพ์เกินอยู่เต็มรถ จึงได้รับการฟูมฟักอย่างดี เหนียวแน่น ถูกเรียกใช้งานบ่อยๆ ในช่วงหลัง

      ยิ่งกว่านั้น ยังมีการใช้ระบบธุรกิจครอบครัวมาจัดการผลประโยชน์ในรัฐบาลแบบเบ็ดเสร็จ

      ตั้งแต่ขนคนที่เคยทำงานกับตัวเองในบริษัทแบบยกชุด วางคนของตัวเองไปในทุกกระทรวง โดยไม่จำเป็นต้องมีตำแหน่งที่มีอำนาจอย่างเป็นทางการ

      แต่ทุกคนในกระทรวงจะรู้ดีว่า คนคนนี้ คือคนของเขา จะทำอะไรก็ต้องผ่านคนคนนี้ เรียกว่ามี ๒-๓  คนไปดูแลผลประโยชน์ทุกกระทรวง เป็นเสมือนหลงจู๊

      แล้วยังส่งคนไปยึดตำแหน่งใน กมธ.ชุดต่างๆ ของสภาผู้แทนฯ ใน ครม.ก็ไม่ต่างกัน

      ทุกโครงการที่จะมีการอนุมัติ ถ้ารัฐมนตรีคนไหนเสนอเรื่องขอใช้งบกลางที่จัดสรรไว้มหาศาล ก็ต้องไปเคลียร์กับคนของเขาให้เรียบร้อยก่อน

      รัฐมนตรีหลายคนจะมีคนของเขาเข้ามาบอกว่า เดี๋ยวทำงบฯ จะเอากี่พันล้าน แต่ต้องเอาเข้าพรรค ๑๐ เปอร์เซ็นต์ หมายความว่าจะไปทำอะไรขึ้นมาก็ได้ ไปเขียนโครงการมา

       ถ้ารัฐมนตรีคนไหนทำไม่ได้ ก็อยู่ไม่ได้ เวลาทำโครงการก็ต้องจ้างที่ปรึกษาที่เป็นคนของตัวเอง แล้วใช้วิธีที่เก่งที่สุด คือ ยกเว้นระเบียบพิเศษ ยิ่งใช้วิธีขีดเส้นตาย ว่าต้องเสร็จวันนั้น-วันนี้

      เหมือนกรณีสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อจะได้ใช้วิธีจัดซื้อจัดจ้างแบบพิเศษ นโยบาย ๑๐ เปอร์เซ็นต์

      รัฐมนตรีต้องทำโครงการ โดยตบแต่งงบประมาณขึ้นมาก่อนว่า มูลค่าของโครงการจะครอบคลุม ๑๐ เปอร์เซ็นต์ ที่ต้องหักเข้าพรรค

      จากนั้น ไปตกลงกับคนของเขาผ่านคุณหญิง

      เมื่อเรียบร้อยเมื่อใดก็ส่งมาให้ตัวตาย-ตัวแทนทางการเมืองที่เขาไว้ใจ พอเข้า ครม.นายกฯ จะเสนอโครงการ และอนุมัติให้เองเสร็จสรรพ รัฐมนตรีไม่ต้องคิด ไม่ต้องสงสัย

      ทุกวันนี้ ยังไม่มีใครรู้-ใครเข้าใจ ว่า ๑๐เปอร์เซ็นต์ มีอยู่เท่าไร คงต้องไปถามคุณหญิง

      สิ่งที่สุดทนจริงๆ คือ กรณีผู้ว่าฯ สตง.ที่ถูกแทรกแซงการทำงาน แทรกแซงองค์กรอิสระ และละเมิดพระราชอำนาจ มันเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่สำคัญ ที่ทำให้ผมลุกขึ้นอภิปรายเมื่อ ๘ มิ.ย. ๒๕๔๘ การประกาศตัดขาดแตกหักกลางสภาฯ

      พูดได้ว่า ถ้ามันเอาชีวิตได้ มันเอาไปแล้ว มันแค้น แต่ก็ไม่กล้า ตอนหลังคนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ติดต่อมาหลายครั้ง ผมพูดตรงๆ ไปว่า เรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว เมื่อไม่ยอมลดละเอง จนเราต้องแตกหักไปสู่สาธารณชนแล้ว

      สิ่งสำคัญ นายกฯ ก็ต้องแก้ข้อกล่าวหาทั้งหมดให้ได้ และผมยังพูดอีกว่า ถ้าบอกจะกินข้าวกันตอนนี้ มันยังไงล่ะ ให้พี่เป็นผู้เป็นคนดีกว่า อย่าให้พี่เป็นหมาเลย

       ก่อนที่จะเกิดปัญหาทั้งหมด ผมก็พยายามไปเตือน แต่เรื่องที่เตือน ก็เป็นการขัดผลประโยชน์เขาทุกเรื่อง เช่นคิดว่า รัฐมนตรีคอร์รัปชัน ผมก็ไปเตือน เพราะคิดว่าไม่รู้ ที่ไหนได้....มันสั่งเอง

       ขนาดกลายเป็นว่า รัฐมนตรีคนไหนไม่ทำตามสั่ง ภายหลังก็อยู่ไม่ได้

      ความขัดแย้งในปัจจุบัน สาเหตุมาจากตัวปัญหาคนเดียวคือ พ.ต.ท.ทักษิณ คนคนนี้ โกงเพื่อเข้ามาสู่อำนาจ

      เมื่อมีอำนาจก็โกงอีก อันตรายต่อบ้านเมืองสุดๆ พ.ต.ท.ทักษิณน่ากลัว เพราะเป็นคนมีวุฒิการศึกษา จ้องวางแผนเอาเปรียบคนอื่น ถือว่าต่ำต้อยเหลือเกินในการเป็นผู้นำประเทศ

      ผมจำคำพูดของทักษิณที่เคยบอกว่า พี่เหนาะผมพร้อมแล้ว สมบัติส่วนหนึ่งผมให้ลูก อีกส่วนเก็บไว้สำหรับตายาย กินจนตายก็ไม่หมด สมบัติอีกส่วน จะทำเพื่อบ้านเมือง จะใช้หนี้แผ่นดิน

      คำพูดนั้นๆ ผมเคยหลงคิดว่าคนคนหนึ่ง รวยแล้วกลับใจ คิดใช้หนี้แผ่นดิน ตอนนี้ผมรู้ความจริงแล้วว่า

      รวยจากโกงชาติ กล้าทำแม้เผาบ้านเมืองเพื่อเอาประกัน

      คนรวยคนนี้ รวยแล้วไม่รู้จักพอ ไม่ใช้หนี้แผ่นดินยังไม่พอ มันยังโกงกิน ทรยศต่อแผ่นดิน

      ผมเคยพูดและเตือนกับคุณหญิงอ้อว่า

      “น้อง ถ้ามันได้มาอีกแสนล้าน เอาไปทำไม” เขาพากันตอบว่า

      “ก็รู้ แต่ในเมื่อเล่นการเมืองมันต้องควักเงิน ก็ต้องถือว่าเป็นธุรกิจ”

      เคยเตือนหนักๆ ถึงขั้นว่า

      “ในอนาคต ถ้ามันจะเดือดร้อนหนักๆ คือคนเป็นหัวนะ” เขาก็ตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน ว่า

      “ก็รู้ ถ้าพี่ทักษิณจะลง ต้องให้พรรคไทยรักไทยมีอำนาจอย่างน้อยสองสมัยถึงจะปลอดภัย”

      ครับ....อ่านแล้ว โหยหาประชาธิปไตย น้ำลายหกเลือกตั้งขึ้นมามั้ย?

      ผมว่า ดีนะ ทำให้รู้จักทั้งทักษิณ-ทั้งเสนาะมากขึ้น และที่สำคัญ เมื่อวาน เสนาะฝันว่าทักษิณจะกลับ

      วันนี้ ทักษิณก็คงฝันเหมือนกัน.........

      ฝันว่า "กูจะกลับมาตื้บมึง"?!

ขอบคุณพิเศษข้อเขียน :  "เปลว สีเงิน" ใน "คอลัมน์คนปลายซอย" หนังสือพิมพ์ "ไทยโพสต์"