โคตรจำอวด-คิดว่าคนไทยโง่?! “ราเมศ” เย้ย“อำมาตย์เต้น”แสร้งเป็นคนจรจัด-หวังแซะคดีสลายแดง ตะเพิดไปสู้คดีล้มประชุมอาเซียนดีกว่า

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

 

ทีมกฎหมาย ปชป. "ราเมศ รัตนะเชวง" เย้ย “อำมาตย์เต้น” ถึงขั้นแสร้งจัดฉากเป็นคนจรจัด หวังกดดัน ป.ป.ช. คดีสลายแดงปี 53 ระบุชัด ที่อ้างมีพยานหลักฐานใหม่ล้วนบิดเบือนทั้งสิ้น เพราะนายบัณฑิต ศิริพันธ์ ทนายความได้ยื่นคำร้องให้มีการวินิจฉัยชี้ขาดข้อกฎหมายแล้ว ตะเพิดไปสู้คดีล้มประชุมอาเซียนดีกว่า เพราะคดีนี้ค้างอยู่ที่อัยการนานมากแล้ว หลังสงกรานต์ตนจะทำหนังสือสอบถามความคืบหน้าของคดี

 

วันนี้ (10 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกและคณะทำงานด้านกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ "นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" แกนนำ นปช. และพวกแต่งตัวเป็นคนจรจัด โดยอ้างว่าเพื่อทำบุญเลี้ยงเพลพระสงฆ์จำนวน 10 รูป และถวายสังฆทานและอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้เสียชีวิตเนื่องในโอกาสครบ 8 ปีเหตุการณ์สลายการชุมนุม นปช.ปี 53 ที่ศาลาพระเทพ วัดพระศรีมหาธาตุ กรุงเทพฯ
และเดินทางไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อทวงถามคดีเกี่ยวกับการสลายการชุมนุม ปี 2553 ว่า ไม่น่าเชื่อว่านับแต่ คสช.ห้ามทำกิจกรรมทางการเมือง นายณัฐวุฒิจะลำบากขนาดนี้ รอปลดล็อกเชื่อว่าได้จัดสักเวทีสองเวทีก็ดีขึ้น และเรื่องนี้ตนได้ออกมาชี้แจงนายณัฐวุฒิหลายครั้งแล้วว่าให้เคารพกฎหมายและเคารพกระบวนการยุติธรรม

 

"คดีนี้ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษายกฟ้อง เพราะศาลเห็นว่าคดีนี้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช.เป็นผู้วินิจฉัย เพราะเมื่อเป็นการฟ้องว่ากระทำการจากการออกคำสั่งบริหารราชการในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี ก็ถือว่าเป็นผู้ดำรงตำแน่งทางการเมือง ซึ่งกฎหมายระบุเจตนารมณ์ไว้ชัดเจนให้กระบวนการพิจารณาคดีในลักษณะนี้เป็นอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช. ก็ต้องมาดูว่าผลการไต่สวนพิจารณาของ ป.ป.ช.เป็นอย่างไร เมื่อ ป.ป.ช.พิจารณาโดยละเอียดแล้วก็มีคำวินิจฉัยว่าไม่มีความผิดแต่อย่างใด ตามหลักกฎหมายต้องถือว่าคดีถึงที่สุด" นายราเมศ ระบุ

คณะทำงานด้านกฎหมาย ปชป. ยังระบุด้วยว่า การที่นายณัฐวุฒิชอบอ้างว่า มีพยานหลักฐานใหม่ตามคำพิพากษาศาลฎีกานั้น ถือเป็นการบิดเบือนทั้งสิ้น เพราะคดีที่ศาลฎีกาได้ยกฟ้องนั้น นายบัณฑิต ศิริพันธ์ ทนายความ ได้ยื่นคำร้องให้มีการวินิจฉัยชี้ขาดข้อกฎหมาย ยังไม่มีการพิจารณาในข้อเท็จจริง ไม่มีการสืบพยาน และต่อมาศาลฎีกาได้ยกฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ นี่คือความเป็นจริงที่นายณัฐวุฒิบิดเบือน


"ที่จริงแล้วนายณัฐวุฒิควรไปตามคดีล้มประชุมผู้นำอาเซียน ปี 2552 ว่าคดีที่นายณัฐวุฒิถูกดำเนินคดีฐานผู้ใช้ ผู้สนับสนุน ไปถึงไหนแล้ว คดีนี้น่าจะเป็นตัวการร่วมด้วยซ้ำ เพราะแบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจน ผู้บุกไปล้มการประชุมมีความผิดก็จะดูว่านายณัฐวุฒิจะสู้คดีอย่างไร คดีนี้ค้างอยู่ที่สำนักงานอัยการนานมากแล้ว ดังนั้น หลังสงกรานต์ตนจะทำหนังสือถึงอัยการสูงสุดเพื่อสอบถามความคืบหน้าของคดี" นายราเมศ ระบุ