ตัวอย่างของผู้กระหายอำนาจทุกลมหายใจ?"เสี่ยไก่ "กร้าวกลับมาใหญ่"เลิกเกณฑ์ทหาร"แต่คดีบ้านเอื้ออาทร ที่ตนเป็นตัวละครหลักกลับเบี้ยวอัยกาย

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

 

นี่แหล่ะตัวอย่างของผู้กระหายอำนาจทุกลมหายใจ?! "เสี่ยไก่ ศิษย์นายใหญ่" หรือ "นายวัฒนา เมืองสุข" อดีต ส.ส พรรคเพื่อไทย ขยับตี คสช.อีกครั้ง หลังมีรายงานข่าวเมื่อ 2 - 3 วันก่อนว่า เขาขอเลื่อนนัดเข้าพบอัยการในคดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร ที่ตัวเขาตกเป็นตัวละครหลักแห่งการทุจริตในคดีนี้ จากเดิมที่ต้องเข้าพบในวันที่ 20 เม.ย.61ที่ผ่านมา ออกไปเป็นวันที่ 2  พ.ค. 61 หรือต้นเดือนหน้า โดยเรื่องนี้ไม่เป็นข่าวมากนัก นอกจากที่ Tnews นำเสนอ ขณะที่ในเฟซบุ๊กส่วนตัวของ "นายวัฒนา" นั้นก็แทบปิดตายในเรื่องนี้...ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น..ราวกับไม่มีการโกงกินแบบมูมมามจากกรณีนี้

แต่ล่าสุดเขากลับไปหยิบประเด็น "การเกณฑ์ทหาร" ซึ่งถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่เกิดขึ้นทุกปีทั่วประเทศ มาโจมตีรัฐบาลทหาร คสช. โดยอ้างทำนอง "ปัญหาเรื่องการเกณฑ์ทหารถือปัญหาเชิงโครงสร้างของกองทัพที่ต้องปรับเปลี่ยน" โดยสิ่งที่นายวัฒนาอ้างก็ "เพื่อไม่ให้กองทัพถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง"  (แต่ลืมยุคนายใหญ่ที่นายวัฒนาเห็นว่า เป็นเทพเจ้าประชาธิปไตย รัฐบาลทักษิณแต่งตั้ง พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ควบทั้ง ผบ.ทบ. และผบ.สส. มาแล้ว-นั่นกลับไม่รู้สึกว่า กองทัพถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองตามที่ตนอ้าง)

 

เหนืออื่นใดก็คือ นายวัฒนา ระบุชัดว่า หากพวกตนชนะการเลือกตั้งเมื่อไหร่ สิ่งที่ต้องทำเป็นภารกิจแรก ๆ คือ “ยกเลิกเกณฑ์ทหาร”

โดยรายละเอียดทั้งหมดที่ นายวัฒนาโพสต์เอาไว้ ต่อกรณีนี้ คือ

“ยกเลิกเกณฑ์ทหาร”

ปัญหาเรื่องการเกณฑ์ทหารไม่ใช่เป็นปัญหาเฉพาะบุคคล หรือเป็นปัญหาของครอบครัวใดครอบครัวหนึ่ง แต่เป็นหนึ่งในปัญหาเชิงโครงสร้างของกองทัพ ทั้งนี้เนื่องจากภัยคุกคามประชาชาติได้เปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิงแล้ว การทำสงครามแบบเดิมที่ต้องเกณฑ์ไพร่พลจำนวนมากเพื่อทำศึกได้เปลี่ยนเป็นภัยคุกคามในรูปการก่อการร้าย การก่อวินาศกรรม และการใช้เทคโนโลยีด้วยการยิงขีปนาวุธพิสัยไกลที่มีอำนาจการทำลายล้างมหาศาล โลกปัจจุบันจึงเน้นนโยบายการสร้างความร่วมมือเพื่อลดเงื่อนไขการก่อสงคราม

หน้าที่ของกองทัพคือการป้องกันประเทศจากภัยคุกคามภายนอก กระทรวงกลาโหมจึงมีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า “Ministry of Defence” ส่วนการดูแลความมั่นคงภายในเป็นหน้าที่ของตำรวจและกระทรวงมหาดไทย ซึ่งตรงกับชื่อภาษาอังกฤษว่า “Ministry of Interior” แต่กองทัพกลับถูกใช้เป็นเครื่องมือทำรัฐประหาร จากนั้นใช้รักษาอำนาจเผด็จการด้วยการคุกคามสิทธิและเสรีภาพของประชาชน เช่น อุ้มคนเห็นต่างเข้าค่าย แจ้งความดำเนินคดีกับประชาชนที่ใช้สิทธิและเสรีภาพ หรือไปเยี่ยมบ้านของนิสิตนักศึกษาและผู้ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล เป็นต้น การมีกำลังพลมากเกินความจำเป็นทั้งยังถูกใช้งานผิดวัตถุประสงค์ กองทัพจึงกลายเป็นภัยคุกคามประชาธิปไตยเสียเอง

การปฏิรูปกองทัพผ่านกระบวนการทางรัฐสภาจึงมีความจำเป็นเร่งด่วน เพื่อสร้างวัฒนธรรมทหารมืออาชีพที่มีหน้าที่ป้องกันประเทศจากภัยคุกคามภายนอก การยกเลิกการเกณฑ์ทหารเปลี่ยนเป็นรับสมัครและการลดขนาดของกองทัพลงเพื่อให้มีกำลังพลเหมาะสมกับภารกิจ การย้ายหน่วยงานของกองทัพออกไปอยู่ตามหัวเมือง และการป้องกันไม่ให้กองทัพถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองจึงเป็นสิ่งที่ต้องทำ ไม่เพียงเพื่อรักษาประโยชน์ด้านงบประมาณและความมั่นคง แต่ยังเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการใช้อำนาจในทางที่ผิดอีกต่อไป นี่คือภารกิจสำคัญที่พวกเราจะต้องกระทำให้สำเร็จหากชนะการเลือกตั้ง

วัฒนา เมืองสุข
22 เมษายน 2561

แต่อย่างที่กล่าวไว้แต่ต้น "วัฒนา" หาช่องตีรัฐบาลทหารทุกครั้งที่มีโอกาส เรื่องนี้ก็เป็นผลมาจากการเข้ารับการเกณฑ์ทหารของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งรู้สึกเศร้าเสียใจหลังรู้ว่า "ตนโดนทหาร" เพราะมียาย และลุง ที่สุดแสนยากแถมพิการจนต้องคอยเลี้ยงดู...จนเรื่องนี้เป็นกระแสสังคมอยู่เล็ก ๆ ก่อนกองทัพจะออกมาประกาศว่า ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้...กองทัพจะดูแลให้เอง

แต่ก็ไม่วายที่ "วัฒนา" หาช่องตีรัฐบาลจนได้ ขณะที่ "คดีโกงบ้านเอื้ออาทร"  ที่เขาเป็นผู้ถูกกล่าวหาเบอร์ต้น ๆ นั้น ว่ากันว่าเป็นหนึ่งในโครงการที่อื้อฉาวที่สุดโครงการหนึ่งของ "ยุคประชาธิปไตยโกงได้แต่เอามาแบ่งกัน" แห่ง "ระบอบทักษิณ" ทีเดียว เพราะเอกสารการสอบสวนระบุชัดว่า เขาถูกกล่าวหาเรียกรับเงินจากผู้ประกอบการเอกชน โดยเริ่มจากการที่ "บริษัท พาสทีญ่า" ได้โควตาเป็นคู่สัญญากับการเคหะแห่งชาติ 7 โครงการ 7,500 ยูนิต มูลค่า 2,500 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการสวนพลูพัฒนา โครงการผดุงพันธ์ โครงการนนทบุรี (วัดกู้ 1) โครงการนนทบุรี (วัดกู้ 3) โครงการสมุทรปราการ (วัดคู่สร้าง 1) โครงการปทุมธานี ลำลูกกา คลอง 2 และโครงการกระทุ่มแบน 3 ทั้งที่ไม่มีคุณสมบัติในการเข้าเป็นคู่สัญญากับการเคหะแห่งชาติ แต่ได้มีการจ่ายเงินใต้โต๊ะเพื่อให้สามารถเข้าเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐได้หรือไม่
 
อีกทั้ งกระบวนการจัดหาที่ดินสร้างโครงการที่แพงเกินจริง การจัดซื้อจัดจ้าง การหาผู้รับเหมามาดำเนินโครงการ นอกจากนี้ยังมีการเรียกค่าหัวคิว 82 ล้านบาท เพื่อนำไปจ่ายให้กับนักการเมือง และบริษัทดังกล่าวยังเข้าข่ายการฟอกเงิน โดยจำนวนนี้มีการโอนเข้าบัญชีของคนขับรถ แม่บ้าน และพนักงานพิมพ์ดีด ฯลฯ ของนักการเมืองในยุคนั้น ซึ่งทุกอย่างล้วนเข้าข่ายทุจริตแบบไม่เห็นหัวประชาชนทั้งสิ้น...นั่นเองจึงเป็นเหตุให้ นายวัฒนา...ผวากับคดีนี้นักหนา...ถึงขั้นต้องขอเลื่อนนัดอัยการ เพื่อนำตัวเขาส่งฟ้องต่อศาลออกไปอย่างที่กล่าว  

....แต่ก็ยังไม่วายปากดี...เล่นบท "เดียวกับลิเบอร่านวัยละอ่อนพวกที่อ้างตัวว่าเป็นฝ่ายก้าวหน้าตามหมาวิทยาลัย" ที่เรียกร้องให้ “ยกเลิกเกณฑ์ทหาร” คีย์เดียวกันเป๊ะ....แต่เรื่อง "โกงของตนเอง" กลับเงียบ

 

ตัวอย่างของผู้กระหายอำนาจทุกลมหายใจ?"เสี่ยไก่ "กร้าวกลับมาใหญ่"เลิกเกณฑ์ทหาร"แต่คดีบ้านเอื้ออาทร ที่ตนเป็นตัวละครหลักกลับเบี้ยวอัยกาย