ต้าน"พงศ์พร"อิทธิพลของเครือข่ายอลัชชี?? และศึกเงินทอนวัด  ..เหตุที่การปฏิรูปวงการสงฆ์ กู้วิกฤตศรัทธาคณะสงฆ์ไทย?!

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

ข่าวฉาวที่สั่นสะเทือนต่อวงการสงฆ์มากที่สุดในรอบหลายสิบปี คงจะหนีไม่พ้นเรื่องที่พ.ต.อ.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) เข้าพบ พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผู้บังคับการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ(ผบก.ปปป.) เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษคดีเงินทอนวัดล็อตที่ 3 ในพื้นที่กทม. โดยมีพระผู้ใหญ่ 5 รูปมีส่วนเกี่ยวข้อง

 

 

จนล่าสุดเกิดความเคลื่อนไหว กลุ่มชาวพุทธพลังแผ่นดิน และภาคีเครือข่ายองค์กรชาวพุทธอีกหลายองค์กยื่นเรื่องร้องเรียนกล่าวหา พ.ต.ท.พงศ์พร ต่อปปป. ฐานความผิดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบและเป็นการกระทำนอกเหนืออำนาจหน้าที่ในตำแหน่งผอ.พศ. ซึ่งกฏหมายมิได้มอบอำนาจไว้จากกรณีที่เข้าร้องเรียนเมื่อวันที่ 11 ที่ผ่านมา ส่วนในการทุจริตเงินทอนวัดเป็นการกระทำที่เจตนาเจตนาปฏิบัติหน้าที่มิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดซึ่งเจ็ดตนาดังกล่าวเป็นการเล็งเห็นผลเพื่อให้คณะสงฆ์เกิดความเสียหายอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 จากนั้นจะยื่นร้องเรียนไปยังป.ป.ช. ในฐานความผิดเดียวกัน

 

 

ทั้งนี้ในเรื่องการตรวจสอบงบประมาณนั้นจะมีหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงอยู่แล้วคือสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินอย่างไรก็ตามแม้ว่าพ.ต.ท.พงศ์พรจะเคยถูกโยกย้ายไปแล้วครั้งหนึ่งแต่ก็สามารถกลับมาเป็น ผอ.พศ.อีกครั้งก็ไม่ต้องวนเพราะในการยื่น ข้อร้องเรียนในครั้งนี้มั่นใจว่าเป็นประเด็นในการร้องเรียนชัดกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาอย่างแน่นอน

 

การเคลื่อนไหวของกลุ่มชาวพุทธพลังแผ่นดิน เกี่ยวกับปมฉาวเงินทอนวัดไม่ใช่ครั้งแรก  เมื่อช่วงกลางปีที่แล้วได้ ยื่นหนังสือถึงประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) เพื่อขอให้ทบทวนมิติความเห็นชอบตรวจสอบทรัพย์สิน 37,000 วัด ความว่า  สืบเนื่องมาจากปปป.ได้ตรวจพบข้าราชการสังกัดสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.)มีการทุจริตเงินอุดหนุนงบประมาณบูรณะและปฏิสังขรณ์วัดจำนวน  12 วัด  มีความเสียหาย 60 ล้านบาท  หรือล็อตแรก นั้นเอง

ทั้งนี้เครือข่ายองค์กรเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาที่ออกโรงปกป้องพระเถระผู้ใหญ่ 5 รูป  มีทั้งหมด 8 กลุ่ม 8 องค์กรด้วยกัน ได้แก่

- กลุ่มชาวพุทธพลังแผ่นดิน นำโดย ดอกเตอร์ จรูญ วรรณกสิณานนท์

- องค์กรส่งเสริมและปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนา นำโดย นายวิชัย ประเสริฐสุดสิริ

- สมาคมเปรียญธรรม 9 ประโยค นำโดย ดอกเตอร์ รักสยาม มานานุภาพ ในฐานะนายกสมาคมฯ

- ชมรมส่งเสริมพระพุทธศาสนาเถรวาท นำโดย อาจารย์ประสิทธิ์ แสงทับ

- เครือข่ายชาวพุทธเพื่อคุ้มครองส่งเสริมพระพุทธศาสนา นำโดย นายสมนึก ระฆัง โดยนายสมนึก และเครือข่ายเคยเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิ์ให้กับพี่น้องชาวพุทธที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย

- เครือข่ายสตรีพิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งชาติ นำโดย นางวราพร อรรถสุข

- สมาพันธ์ชาวพุทธแห่งประเทศไทย นำโดย เรือโท ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดอกเตอร์ บรรจบ บรรณรุจิ

- และชมรมเพื่อนร่วมอุดมการณ์ นำโดย นาวาเอก วินัย เสวกวิ

 

ต้าน"พงศ์พร"อิทธิพลของเครือข่ายอลัชชี?? และศึกเงินทอนวัด  ..เหตุที่การปฏิรูปวงการสงฆ์ กู้วิกฤตศรัทธาคณะสงฆ์ไทย?!

 

องค์กรเครือข่ายเหล่านี้ เคยออกมาเคลื่อนไหวปกป้องพระเถระผู้ใหญ่ซึ่งมีตำแหน่งในมหาเถรสมาคม แต่ถูกกล่าวหากระทำผิดกฎหมายมาแล้วหลายครั้ง เช่น "สมเด็จช่วง" หรือ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ ที่เคยถูกกล่าวหาเรื่องครอบครองรถหรูโบราณนอกจากนั้นบางคน 

 

และมีส่วนร่วมการในเคลื่อนไหวแสดงจุดยืนกดดันรัฐบาลในการเสนอตั้งสมเด็จช่วง ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช เครือข่ายสตรีปกป้องพระพุทธศาสนา  สมาพันธ์ชาวพุทธแห่งประเทศไทย  อีกทั้งสมาคมเปรียญธรรม 9 ประโยค เป็นหนึ่งในองค์การที่นำม็อบพระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนมาปิดล้อมพุทธมณฑล อีกด้วย

 

บางกลุ่มอย่างสมาพันธ์ชาวพุทธแห่งประเทศไทยเคยเคลื่อนไหวปกป้องพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ครั้งที่คสช.จะใช้มาตรา 44 ให้การตรวจค้นวัดพระธรรมกาย หากยังพอจำกันได้ ในการคว้านหาตัวพระธัมมชโย ได้การขนพระมาเคลื่อนไหวกดดันเจ้าหน้าที่ โดยมีทั้งวัดทางภาคเหนือ อีสาน ภาคกลาง และวัดทางภาคใต้ 323 วัด ซึ่งวัดส่วนใหญ่ที่ออกมานั้นมีทั้งมาจากสายที่ให้การสนับสนุนสมเด็จช่วงฯ และส่วนที่เคยได้รับประโยชน์จากวัดพระธรรมกาย อย่างวัดในภาคใต้ 300 กว่าวัดนั้นทางวัดพระธรรมกายจะมีถวายสังฆทานให้ทุกปี  จะด้วยเห็นผลประการใดก็ตามแต่ ทุกการชุมนุมทุกของพระและโยมของขบวนการนี้ ทุกครั้งย่อมได้รับการสนับสนุนจากมวลชนคนเสื้อแดง 

 

ต้าน"พงศ์พร"อิทธิพลของเครือข่ายอลัชชี?? และศึกเงินทอนวัด  ..เหตุที่การปฏิรูปวงการสงฆ์ กู้วิกฤตศรัทธาคณะสงฆ์ไทย?!

 

 ที่น่าสนใจคือ เลขาธิการสมาพันธ์ชาวพุทธแห่งประเทศไทย  ที่ชื่อว่า “กรณ์ มีดี ” ซึ่งเป็น "อดีตเเกนนำเเดงปทุมธานี-นนทบุรี” เคยนำกลุ่มคนเสื้อแดง จ.นนทบุรี รวมตัวกันบริเวณหน้าเทศบาลนครนนทบุรี พร้อมตะโกนสนับสนุนรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลังเกิดวิกฤติม็อบ กปปส.มาก่อนในช่วงปลายปี 2556

 

ต่อมาได้ใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือในการเคลื่อนไหว และมาแนวทางการทำงานยังสอดรับไปกับแนวทางของธรรมกายและศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนา คือ โจมตีต่างศาสนา มักใช้เหตุการณ์ความรุนแรงในภาคใต้ของไทยโยงเป็นเรื่องความขัดแย้งทางศาสนา ตำหนิการดำเนินงานของรัฐบาล ต่อต้านสิ่งปลูกสร้างของศาสนาอื่น รวมถึงยังเคยปกป้องอดีตพระมหาอภิชาติ พระหัวรุนแรงที่นิยมแนวทางของพระวีระธุ พระชื่อดังของพม่าที่ปลุกระดมจนเกิดปัญหาผู้อพยพชาวโรฮิงญา

 

ต่อมาได้ออกมาเคลื่อนไหวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว กรณีที่ พระราชรัชมุนี (นิมิต ทิพย์ปัญญาเมธี) ปิ่นโตเถาเดียวกันกับสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดสวนดอก พระอารามหลวง จ.เชียงใหม่ และเจ้าคณะอำเภอเมืองเชียงใหม่ ถูกดำเนินคดีในข้อหาใช้หลักฐานเท็จยื่นคำขอมีบัตรประชาชน โดยมิได้มีสัญชาติไทย หลังถูกร้องเรียนว่า เลขที่บัตรประชาชนตรงกับเด็กชายท่เสียชีวิตไปตั้งแต่ปี 2538

 

ล่าสุดได้มีความเคลื่อนไหวอีกครั้งโดยให้สัมภาษณ์ "จอม เพชรประดับ สื่อคนแดงที่หลบหนีคดีในต่างประเทศ โดยโจมตี พ.ต.ท.พงศ์พร ทำนองการดำเนินคดีโกงเงินทอนวัดของ ผอ.พศ.นั้น เป็นเรื่อง “ความเเค้น และมีใบสั่งทางการเมือง”

 

เป็นที่สังเกตว่า "นายกรณ์ มีดี” ให้สัมภาษณ์กับ "จอม เพชรประดับ" หลังกลุ่มคนที่อ้างตัวว่าเป็น "ชาวพุทธพลังแผ่นดิน"  เข้ายื่นเอกสารต่อ พล.ต.ต.กมล เพื่อขอให้สั่งปลด  พ.ต.ท.พงศ์พร โดยอ้างการกระทำของพ.ต.ท.พงศ์พร มีเจตนาทำให้วงการสงฆ์เสื่อมเสีย เหตุฟ้อง 5 เจ้าคุณเอี่ยวโกงเงินทอนวัด 

 

อีกทั้ง ในการเดินสายปลดพ.ต.ท.พงษ์พรเมื่อวันที่24 ที่ผ่านมา ครั้งนั้นเองมีผู้จับภาพได้ว่า "วรัญชัย โชคชนะ" หนึ่งในคนเสื้อแดงที่เคลื่อนไหวทางการเมืองมาโดยตลอด และเคยถูกศาลอนุมัติหมายจับ พร้อมเครือข่ายวิทยุเสื้อแดง จากคดีบุก ป.ป.ช. เพื่อขู่ให้ยุติการไต่สวนคดีทุจริตจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อต้นปี 57 ก่อนการรัฐประหารคสช. ต่อมาถูกจับจริงเมื่อปลายเดือนกันยายน 2560 และยื่นประกันตัวออกไป...ได้เข้าร่วมวงในการยื่นหนังสือด้วย...

 

 

  นี่เป็นเพียงข้อมูลประกอบพอสังเขป  ทำให้เห็นเห็นภาพชัดเจนว่า...ผู้ ของกลุ่มของกระบวนการปกป้องอลัชชี? และคน “เสื้อแดง" ที่ถือว่าเป็นพวกเดียวกัน

 

 

ทั้งนี้ทั้งนั้นแม้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะออกมายืนยันว่านาทีนี้จะไม่ได้ปลดพ.ต.ท.พงศ์พร ออกจากตำแหน่ง เพราะไม่ได้กระทำความผิดใด หรือเล่นนอกกติกาแต่อย่างใด ซึ่งเป็นเพียงขั้นตอนการนำเข้าสู่การตรวจสอบเท่านั้น ถือเป็นต้นทางของกระบวนการ  ที่สำคัญพล.อ.ประยุทธ์ได้เน้นย้ำว่า 

 

“เราก็ต้องหาคนดี คนซื่อสัตย์ คนที่ซื่อตรงมาทำงานตรงนี้และกระบวนการยุติธรรม”

 

นี่เป็นการแสดงให้เห็นแล้วถึงความไว้เนื้อเชื่อใจ ที่พล.อ.ประยุทธ์มีต่อ พ.ต.ท.พงศ์พร สมคำร่ำลือ มือปราบตงฉินจากรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มาเป็นผอ.พศ. ได้อย่างเฉียบขาด แต่ประเด็นที่น่าสนใจต่อจากนี ก็คือ ในขั้นตอนต่อไป ใครจะเป็นคนชงเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ครม. เพราะอย่าลืมการดำเนินการของกลุ่มดังกล่าวรวมแต่มีเครือข่าย ที่แซกซึมอยู่ทุกวงการ ทุกระดับ ดีไม่ดีอาจจะร่วมไปถึงในขณะรัฐมนตรีก็เป็นได้ 

 

ด้านนายไพศาล พืชมงคล กรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี(พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เปิดเผยผ่านเพจเฟซบุ๊ก Paisal Puechmongkolว่าเตรียมโห่อีกทีครับพี่น้อง!

ขบวนการเงินทอนโกงวัด โกง เงินอุดหนุนโรงเรียนพระปริยัติธรรม ทั้งหัวโล้นหัวดำลำพองหนัก กำลังเตรียมยื่นเรื่องถึงนายก ขอถอดถอน ผอ.พศ.ออกจากตำแหน่งอีกแล้ว

คอยจับตาว่าใครชงเรื่องถึงนายก ว่าจะเดินเกมอย่างไร

ยังไม่เข็ดๆ"

 

ต้าน"พงศ์พร"อิทธิพลของเครือข่ายอลัชชี?? และศึกเงินทอนวัด  ..เหตุที่การปฏิรูปวงการสงฆ์ กู้วิกฤตศรัทธาคณะสงฆ์ไทย?!

 

อย่าลืมว่าก่อนหน้านี้ด้วยอิทธิพลของเครือข่ายอลัชชีในคราบผ้าเหลืองมีการเคลื่อนไหวกดดันพ.ต.ท.พงศ์พร ด้วยวิธีการต่างๆ นานา อาทิ การรวมหัวกันคว่ำบาตรไม่เชิญ พ.ต.ท.พงศ์พร ไปทำหน้าที่ในพิธีสำคัญทางสงฆ์ ทั้งๆ ที่เป็นหน้าที่ของผอ.พศ. และจากพลังกดดันของขบวนการอิทธิพลในวงการผ้าเหลืองทำให้มีการเด้งฟ้าผ่า พ.ต.ท.พงศ์พร พ้นเก้าอี้ ผอ.พศ.มาแล้ว 

 

นี่คือหนึ่งในสาเหตุที่ต้องสนับสนุนพ.ต.อ.พงศ์พร ให้การปฏิรูปวงการสงฆ์ ให้ขาดจากการเมือง กู้วิกฤตวิกฤตศรัทธาคณะสงฆ์ไทย