ขอดเกล็ด"นายทุนแอ๊บไพร่ธนาธร+คู่หู"? พล่ามบ้านศาล อ้างวุ่นเพราะคนไม่เท่ากัน-มีอภิสิทธิ์ชน ดันลืม"นายใหญ่เจ้าของเสื้อแดงที่ตนปลื้ม"ทิ้งขี้ไว้

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

เงิบหลายรอบ-ยัง"โชว์ร่าน"ได้อีก?! "นายทุนแสร้งเป็นไพร่-ธนาธร+คู่หู"  ผู้ร่วมก่อตั้ง "พรรคอนาคตใหม่" ผู้ชูประเด็น "เสรีนิยมใหม่" เต็มตัว เฟซบุ๊กไลฟ์พล่ามบ้านพักศาลตีนดอยสุเทพที่กำลังเป็นหนึ่งในประเด็นร้อนในขณะนี้ มาจากสาเหตุที่มันมีลักษณะของเอกสิทธิ์-อภิสิทธิ์ชน ที่มักจะมีบ้านพักอยู่ในจุดที่ดี ๆ บรรยากาศสวยงาม ซึ่งเขาอ้างว่าข้าราชการกลุ่มอื่นไม่มีบ้านพักลักษณะนี้ นอกจากศาล โดยทั้งคู่กล่าวทำนอง หากเป็นคนที่มีอาชีพอื่น คนที่มีอำนาจในการอนุญาตให้ใช้พื้นที่ คงจะไม่อนุญาตแน่ แต่ทำไมพอเป็นผู้พิพากษาขอไปเขาจึงอนุญาต...อะไรทำนองนั้น

 

โดยนายปิยบุตร ระบุ หลายคนมักอธิบายกันว่าทำตามข้อกฎหมาย แต่มันไม่เหมาะสม ตนขอยกตัวอย่างง่ายๆสมมุติว่าส่วนราชการที่ไปขอพื้นที่บริเวณดอยสุเทพ  เป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ตำรวจภูธรภาคใดภาคหนึ่ง  กระทรวงเกษตรฯ หรือเป็นกระทรวงศึกษาธิการไปขอบ้านพักของครู บ้านพักอาจารย์มหาวิทยาลัย บ้านพักของตำรวจให้ไปอยู่บนนั้น คิดว่าคนที่มีอำนาจในการอนุญาตให้ใช้ เขาจะอนุญาตหรือไม่ แต่ทำไมพอเป็นผู้พิพากษาขอไปเขาอนุญาต
"ผมขอเรียนอย่างนี้ นี่ไม่ใช่ที่เดียวที่เป็นอย่างนี้  ถ้าท่านใดไปตามต่อบ้านพักผู้พิพากษาในจังหวัดอื่นๆ จะมีจุดอยู่ในที่ดี ที่มีบรรยากาศสวยงาม ปัญหาก็คือว่าทำไมอาชีพอื่น ข้าราชการ กระทรวง ทบวง กรมอื่น เขาไม่ได้บ้านพักแบบนี้  ทำไมมีแต่บ้านพักผู้พิพากษาเท่านั้น ที่ได้อยู่แบบนี้  นี่เป็นปัญหาเบื้องต้นที่สุด  ยังไม่ต้องไปดูข้อกฎหมาย" " นายปิยบุตร อ้างผ่านการไลฟ์สด

คำกล่าวอ้างของ "ปิยบุตร" ไม่อาจตีความเป็นอื่น นอกจากเขาจงใจโจมตี "ศาล" ต่อกรณีนี้โดยเฉพาะ เพราะคำกล่าวของเขาที่ว่า "ทำไมอาชีพอื่น ข้าราชการ กระทรวง ทบวง กรมอื่น เขาไม่ได้บ้านพักแบบนี้  ทำไมมีแต่บ้านพักผู้พิพากษาเท่านั้น ที่ได้อยู่แบบนี้"  นั่นก็ชัดจนไม่ต้องตีความใด ๆ อีก ขณะเดียวกันก็เป็นความจริงแค่เพียงครึ่งเดียว เพราะข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ที่ผ่าน ๆ มาสังคมไทยต่างทราบกันดีว่า...หากไม่นับบ้านพักหลวงที่สร้างให้อยู่ ข้าราชการระดับสูงทุกกระทรวง ทบวง กรม ล้วนมีบ้านพักส่วนตัวลักษณะบ้านพักตากอากาศอยู่ในพื้นที่ที่มันหมิ่นเหม่ต่อการบุกรุกป่าสงวนฯ อุทยานแห่งชาติ และป่าอนุรักษ์ผืนต่าง ๆ ทั้งสิ้น...มากบ้างน้อยบ้างฏต่างกันไปในแต่ละกระทรวง ทบวง กรม แต่ที่ไม่อาจไม่กล่าวถึงก็ คือ ยิ่งในส่วนของนายตำรวจใหญ่ ๆ (รวมทั้งทหาร) ในพื้นที่จังหวัดท่องเที่ยวหลัก ๆ ทั่วประเทศด้วยแล้ว นั่นยิ่งน่าหวาดเสียว...แต่นายปิยะบุตรกลับมองไม่เห็น และโจมตีว่า "ทำไมมีแต่บ้านพักผู้พิพากษาเท่านั้น"

ชัดพอมั้ย-อยากลากไส้อีกมั้ย?"บ.ก.ดัง"เปลือยซ้ำที่มาบ้านศาลจากวงเสวนา ย้ำจะจะ"อนุมัติครบวงจรยุคนายใหญ่สันกำแพง" มัวไปแจ่มจันทร์อยู่ไหน-ไม่โวยอ่าน

ขณะที่ นายธนาธร เองก็หยิบเรื่องนี้มาตีในทันทีเช่นกัน โดยอ้างว่า พรรคของเขาปฏิเสธเรื่องแบบนี้แน่ เพราะยืนยันในเรื่องของความเท่าเทียม สิทธิและเสรีภาพของคนต้องเท่ากัน ไม่ว่าจะอาชีพไหน นามสกุลอะไร สีผิวชาติพันธุ์ ต้องเท่ากัน

"ถ้าประชาชนธรรมดาสร้างบ้านพักที่โน้นไม่ได้ศาลก็ทำไมได้" นายทุนผู้แสร้งตัวว่าเป็นไพร่ ระบุ

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนสิ่งที่ "คู่หูอนาคตใหม่" พล่ามโดยเฉพาะประเด็นโจมตีศาลที่ว่า..."หากเป็นคนที่มีอาชีพอื่น คนที่มีอำนาจในการอนุญาตให้ใช้พื้นที่ คงจะไม่อนุญาตแน่ แต่ทำไมพอเป็นผู้พิพากษาขอไปเขาจึงอนุญาต" จะกลายเป็นการถ่มน้ำลายรดหน้าตนเองอยู่ไม่น้อย เพราะในข้อเท็จจริงหลายฝ่ายคงทราบกันดีแล้วว่า ผู้อนุมัติโครงการล้วนอยู่ในวังวน "เครือข่ายนายใหญ่แห่งสันกำแพง" ซึ่งผู้เกาะติดการเมืองต่างรู้ซึ้งกันดีว่า "เขาคือเจ้าของคนเสื้อแดง" ที่ ธนาธรและปิยบุตรหลงใหลได้ปลื้ม และออกตัวชัดเจนว่า...เคยหนุนหลังอยู่

ยิ่งปิยบุตรบอกว่า "ทำไมพอเป็นผู้พิพากษาขอไปเขาจึงอนุญาต" จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องกล่าวในที่นี้ว่า "โครงการนี้เริ่มต้นอนุมัติให้ใช้พื้นที่ของ "พล.อ.ชัยสิทธิ์​ ชินวัตร" อดีต ผบ.ทบ. ญาติสนิทของ "นายทักษิณ ชินวัตร" ซึ่งเสนอแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการทหารบกช่วงปลายปี 2546 ถึง ต.ค. 2547 เป็นช่วงที่อดีตผู้บัญชาการทหารบกท่านนี้ ให้ความเห็นชอบอนุมัติโครงการจากการชงของฝ่ายการเมือง....

หลังไฟเขียวจากผู้นำกองทัพบก ตามมาด้วยรายการแจ่มจันทร์บานตะเกียงไชโยโห่หิวของฝ่ายการเมือง และข้าราชการประจำที่มีอำนาจในขณะนั้น ในยุคที่ "นายทักษิณ ชินวัตร" เป็นนายกฯ ทั้ง "นายจารุพงษ์ เรืองสุวรรณ" และ "นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์" สามีเจ๊แดง น้องสาวนายทักษิณ ในตำแหน่งปลัดกระทรวงยุติธรรม ตามมาด้วย "นายทนง พิทยะ" เป็น รมว.คลัง งบประมาณมาเคาะช่วงปี 56 สมัยที่ "นายชัยเกษม นิติสิริ" เป็นรัฐมนตรียุติธรรม ในช่วงที่มี "น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" เป็นนายกรัฐมนตรี"

...นั่นถือว่า...ตอบคำถามในประเด็น "ทำไมพอเป็นผู้พิพากษาขอไปเขาจึงอนุญาต" ที่อดีตอาจารย์จากธรรมศาสตร์ผู้เคลื่อนไหวกฎหมาย ม.112 ตั้งข้อสังเกตไว้ได้แจ่มชัดเพียงพอหรือยัง
ทั้งยังไม่ต้องเอ่ยถึง...มีข่าวลือให้แซ่ดว่า...ผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการนี้...ก็คือบริษัทผู้รับเหมาเครือข่ายนายใหญ่...ผู้กินรวบงานก่อสร้างในเชียงใหม่...และจังหวัดทางภาคเหนือ...ซึ่งว่าไปแล้ว...ก็ล้วนเครือ ๆ เดียวกับ...ธนาธรและปิยะบุตร...ในการถือหางทางการเมือง...ก่อนหน้าจะมาตั้งพรรคด้วยตนเองมิใช่หรือ

จริงอยู่...ในบางพื้นที่ที่สมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาตินั้น ไม่เหมาะที่จะนำสิ่งก่อสร้างใด ๆ เข้าไปกล้ำกราย แม้จะทำถูกต้องตามกฎหมายตามที่นายปิยุบุตรกล่าวอ้างนั้น...เรื่องนี้นับว่าจริง และไม่ว่าใครก็ไม่ควรละเมิดเรื่องนี้ทั้งนั้น แต่การทะเล่อทะล่าออกมา...โจมตีศาลโดยไม่ศึกษาที่มาที่ไปของโครงการให้รอบคอบ...นั่นกลับยิ่งสะท้อนว่า พวกเขาแค่หวังผลคะแนนทางการเมืองกับผู้ไม่รู้เท่าทันเท่านั้น เพราะการพูดถึงความเท่าเทียมกันทางกฎหมาย ความเท่าเทียมกันของสิทธิ-เสรีภาพ ย่อมดูดีในสายตาผู้ฟังอยู่เสมอ...ทว่าสิ่งที่สังคมต้องตระหนักก็คือ สิ่งที่คู่หูอนาคนใหม่หยิบมาพูดนั้น...มักเป็นการตีกินเพื่อสร้างภาพให้ตนเอง เพราะหากมองอย่างทะลุจะเห็นว่า มันสวนทางกับสิ่งที่พวกเขากระทำ หรือไม่ก็วกเข้าไปเกี่ยวข้องในทางอ้อมอยู่เสมอ...จริงไม่จริงก็ดูจากกรณีไล่คนงาน "ไทยซัมมิต" ออกก็ได้...เรื่องบ้านศาลนี่ก็เช่นกัน

 

อ่าน อ้าว..คนกันเองทั้งนั้นที่เซ็น?! กระชาก"ไอ้โม่งเซ็นสร้างบ้านพักศาลฯ" เจ้าปัญหา ที่แท้ล้วน"เครือข่ายนายใหญ่แห่งสันกำแพง" ทั้งนั้นที่เอี่ยว

ข้อมูลข้อมูลบางส่วนจาก : ไทยโพสต์