เดียวจะหาว่าไม่เตือน!! เพื่อไทยบินตรง พี่น้อง“ตระกูลชินฯ”ล่อแหลม “ควบคุม ครอบงำ ชี้นำ” ผิดกฏหมาย..มีโทษถึงยุบพรรค!!!

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

 จากกรณีที่อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย(พท.) รวมทั้งอดีตรัฐมนตรี นำโดย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  ได้เดินทางไปพบพี่น้องตระกูลชินวัตร นายทักษิณ และน.ส.ยิ่งลักษณ์  ที่ประเทศสิงคโปร์ เมื่อช่วงระหว่างวันที่ 3-5 พฤษภาคม

 

 โดยนายทักษิณ ได้การพูดถึงเรื่องพลังดูดตอนหนึ่งว่า ไม่รู้สึกกังวลใจในเรื่องนี้เลย เพราะเป็นเรื่องธรรมดา ที่ผ่านมาอดีตส.ส. และคนในพรรคเพื่อไทย (พท.) ก็เคยเผชิญกับอะไรมามาก และรู้แล้วว่าอะไรเป็นยังไง ดังนั้น จึงไม่รู้สึกว่าจะต้องกังวลเรื่องพลังดูด แต่เป็นฝ่ายทหารเองมากกว่าที่ต้องระวัง เพราะดูดไปมากๆก็ระวังจะได้คนสีเทาๆ เพราะนิสัยของนักกาเมือง ได้ประโยชน์ก็ไป ดังนั้น คนที่ต้องระวังจึงไม่ใช่พรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์

 นายทักษิณยังเชื่อว่า พรรคพท.จะกลับมาได้คะแนนอย่างท่วมท้นแน่นอน และแลนด์สไลด์ที่เคยเป็นของพรรคก็จะยังคงเป็นของพรรค นอกจากนี้ นายทักษิณยังได้มีการพูดถึงทิศทางการเมืองไทย ทิศทางการเมืองของพรรคพท. และเรื่องบ้านเมือง โดยย้ำว่า เป็นการวิเคราะห์ในฐานะคนที่มีประสบการณ์ทางการเมืองมาเท่านั้น
 

ล่าสุดทางด้านพ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา รักษาการเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า การพบปะกันตามปกติไม่ผิดกฎหมายแต่อย่างใด แต่ก็มีความล่อแหลม และสุ่มเสี่ยงที่จะถูกกล่าวหาหรือร้องเรียนได้ว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายลักษณะเป็นการครอบงำหรือชี้นำได้ เนื่องจากตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ระบุไว้ว่า ห้ามมิให้พรรคการเมืองยินยอมหรือให้บุคคลอื่นซึ่งไม่ใช่สมาชิกกระทําการควบคุม ครอบงํา หรือชี้นํากิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทําให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม

 

"ดังนั้น ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ไม่อยากเห็นพรรคการเมืองกระทำผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง จึงอยากให้ศึกษาข้อกฎหมายให้มากๆ เพราะขณะนี้กฎหมายพรรคฉบับใหม่ มีเนื้อหามาก นักการเมืองและพรรคการเมืองจำเป็นที่จะศึกษาข้อกฎหมายต่างๆ ให้ดีและรอบคอบเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง" พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าว

 

อย่างไรก็ตามสำหรับกฎเหล็กกฎหมายพรรคการเมืองสกัด กลุ่มทุน-ผู้มีบารมีนอกพรรค พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญฉบับนี้ มีหลักการสำคัญ คือ ให้การเมืองเป็นสถาบันการเมืองมากขึ้น โดยขัดขวาง “กลุ่มทุน” และ “ผู้มีบารมีนอกพรรค” แทรกแซงการดำเนินกิจการของพรรคดังที่เกิดขึ้นในอดีต โดยมีบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องดังนี้

ห้ามไม่ให้พรรคการเมือง สมาชิก หรือผู้ใด เรียกรับ หรือยอมจะรับเงินทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด เพื่อให้ผู้นั้นได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือตำแหน่งใดในการบริหารราชการแผ่นดิน หรือในหน่วยงานของรัฐ

สำหรับการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งนั้น กฎหมายระบุว่า ห้ามไม่ให้บุคคลที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของพรรคการเมืองเข้ามาแสดงความคิดเห็นในที่ประชุมหรือออกเสียงลงคะแนนในการดำเนินการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง

รวมไปถึง ห้ามมิให้พรรคการเมืองยินยอมหรือกระทําการใดอันทําให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่สมาชิกกระทําการอันเป็นการควบคุม ครอบงํา หรือชี้นํา กิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทําให้ พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม

บทบัญญัติดังกล่าว ทำให้พรรคการเมืองต่างเป็นกังวลกับคำว่า “ควบคุม ครอบงำ ชี้นำ” ว่านิยามของคำเหล่านี้เป็นการตีความกว้างหรือแคบมากน้อยเพียงใด เพราะบทลงโทษของการกระทำดังกล่าวถึงขั้นยุบพรรค

นอกจากนี้ ในส่วนรายได้ของพรรคการเมืองนั้น ได้กำหนดให้พรรคการเมืองจะต้องประกาศรายชื่อผู้บริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดที่มีมูลค่าไม่น้อยกว่า 5,000 บาท ให้ประชาชนรับทราบโดยทั่วกัน พร้อมทั้งวัตถุประสงค์การบริจาค และแจ้งให้นายทะเบียนรับทราบด้วย