ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

   วันที่ 7 พ.ค.61  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. เดินทางมาถึงสนามช้าง อารีนา จ.บุรีรัมย์ เพื่อพบปะประชาชนจำนวน 3 หมื่นคน โดยมีนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด นางกรุณา ชิดชอบ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ร่วมถึงผู้ว่าฯ และภาคส่วนราชการให้การต้อนรับ 
   ซึ่งก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะเดินทางมาถึง นายเนวิน กล่าวกับประชาชนชาวบุรีรัมย์ประมาณ 30,000 คนบนอัศจรรย์ที่มาร่วมต้อนรับว่า พวกเราตากแดดมาชั่วชีวิตในการทำงาน แต่จะตากแดดต้อนรับลุงตู่ไม่ได้หรือ คนบุรีรัมย์ตากแดดไม่นานเพื่อให้กำลังใจลุงตู่ได้อยู่แล้ว เพราะการที่ ครม.จะมาประชุมที่บุรีรัมย์นั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย 8-9 ปีมานี้เราเชียร์ฟุตบอลมาตลอด และได้แชมป์จนเบื่อ และวันนี้มาทำเพื่อจังหวัดอีกครั้ง
พร้อมกันนี้ นายเนวิน ยังได้ซักซ้อมการเปล่งเสียงของประชาชนบนอัศจรรย์ เพื่อส่งเสียงต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยคำว่า “ลุงตู่ ลุงตู่” ตามจังหวะกลอง พร้อมบอกว่า วันนี้จังหวัดบุรีรัมย์ได้ของบประมาณกับรัฐบาล โดยต้องได้ไม่ต่ำกว่าหมื่นล้านบาท 
    "ขอให้อดทนต่อแสงแดดดและความร้อนเพื่อตอนนี้นายกฯลุงตู่ที่เดินทางมาบุรีรัมย์ และจะให้ส่งเสียงดังๆเพื่อให้นายกฯลุงตู่อนุมัติงบประมาณลงพื้นที่บุรีรัมย์หมื่นล้าน ขอให้ร่วมกันให้กำลังใจ" นายเนวินกล่าว 
 


   ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามเรื่องการเมือง นายเนวิน ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม โดยกล่าวว่า “ วันนี้ไม่มีวาระเรื่องการเมือง มีแต่วาระประชาชน ไม่มีการเมือง ไม่ต้องถามอะไร” 
จากนั้น เมื่อมาถึง พล.อ.ประยุทธ์ เดินทาง มาถึงได้เดินรอบสนามโบกมือทักทายประชาชน ขณะที่ประชาชนต่างส่งเสียงเชียร์ด้วยการเปล่งเสียงว่า “ลุงตุ่ ลุงตู่” ดังกึกก้องทั่วทั้งสนาม
    จากนั้น นายกฯ มอบเอกสารสิทธิการใช้การใช้ประโยชน์ที่ดินพื้นที่ป่าในจ.บุรีรัมย์ ให้กับตัวแทนผู้นำชุมชน และก่อนกล่าวกับประชาชน นายกฯได้แนะนำครม.ที่ร่วมคณะมาวันนี้ พร้อมกับแนะนำตัวนายเนวินด้วย โดยระบุว่า เมื่อตอนตนเป็นประธานสโมสรอาร์มี่ ยูไนเต็ด แข่งกับบุรีรัมย์ ทีไรแพ้ทุกที ซึ่งยังจำรอยแค้นนี้ได้อยู่ แต่กีฬาก็คือกีฬา เมื่อสู้ไม่ได้ ก็ต้องพยายามกันต่อไป

   พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มาวันนี้รู้สึกตื่นเต้นและดีใจ โดยได้เห็นความเจริญของจ.บุรีรัมย์เป็นไปในทิศทางที่ดี และยินดีที่ได้เห็นความรักของพวกเราชาวบุรีรัมย์ ที่คนบุรีรัมย์ไม่มีการทะเลาะขัดแย้ง แบ่งสีเสื้อกัน เราจะต้องสร้างความเป็นหนึ่งเดียว เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง ตลอดเวลาที่เป็นนายกฯ มา4 ปี ไม่เคยเห็นความขัดแย้งในบุรีรัมย์เลย ซึ่งเป็นเรื่องที่ตนและคนทั้งประเทศต้องการ ขอให้รักษาเรื่องเหล่านี้ไว้ ร่วมมือกันทำทุกอย่าง บุรีรัมย์เป็นเมืองแห่งความรื่นรมย์ เมืองแห่งคงามสุข มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ของอารยะธรรมเขมรโบราณ คนทั่วโลกมาเยี่ยมชม 
 

   นายกฯ กล่าวว่า การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจหรือจีดีพีของบุรีรัมย์อยู่ในขั้นน่าเป็นห่วง แต่ประเทศไทยมีศักกยภาพเพราะอยู่ตรงกลางอาเซียน เราจึงต้องยึดมั่นเพื่อประเทศ ใครจะมาแบ่งแยกไม่ได้ เพราะตามรัฐธรรมนูญไทยต้องเป็นหนึ่งเดียว แบ่งแยกไม่ได้ทั้งทางพฤตินัยและนิตินัย พรุ่งนี้จะมีการประชุมครม.สัญจร มีเรื่องให้พิจารณากว่า 200 โครงการ ร่วมกว่า 2หมื่นล้าน โดยรัฐบาลจะอนุมัติในบางส่วนตามโครงการเร่งรัด วันนี้ไม่ได้มาการเมืองอย่างที่หลายคนพูดไม่มีอะไรกับใครทั้งสิ้น ตนรักทุกคน ต้องการทำให้ประเทศเข้มแข็ง และบุรีรัมย์เองก็เป็นหนึ่งใน12เมื่องต้องห้ามพลาด สิ่งสำคัญคือจะทำอย่างไรที่จะทำให้บุรีรัมย์ไม่ใช่เมืองทางผ่าน คิดว่าการท่องเที่ยวจะมาช่วยทำให้ทุกอย่างดีขึ้น เพราะเมืองนี้มีคนมีชื่อเสียงทั้งนักมวยนักกีฬา และยังมีสนามฟุตบอลที่ทุกคนสามารถมาเยี่ยมได้ 

   "วันนี้ก็มีสนามช้างและสนามอื่นๆ แล้วทำไมสนามเหล่านี้ถึงมาอยู่บุรีรัมย์หมดก็ไม่เข้าใจ จังหวัดอื่นต้องช่วยด้วยเพื่อให้วันหน้ามีสนามเสือ สิงห์ และอื่นๆ เพราะประเทศต้องเจริญเติบโตไปพร้อมกัน วันนี้เราต้องการให้ไทยรู้จักในเวทีโลก เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว นอกจากนี้ตนได้สั่งการให้มีการจัดการท่องเที่ยวทั้งปีไม่ใช่ปล่อยให้โรงแรมต่างๆ มีห้องว่างอยู่จำนวนมาก เมื่อไม่มีการแข่งขันกีฬาใด หรือไม่ใช่ฤดูกาลท่องเที่ยว เพราะไทยถือว่าการกีฬาของเราดีที่สุดในอาเซียน และในการแข่งขันโมโตจีพีทุกคนต้องเป็นเจ้าบ้านที่ดี เพื่อต้อนรับนักแข่งขันระดับโลก " นายกฯ กล่าว

   พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ราคาที่ดินบางพื้นที่ในบุรีรัมย์ขึ้นจากราคาแสนห้า เป็นล้านห้า เพราะมีกีฬาเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้นเราจะต้องไปดูว่าจะสามารถพัฒนากีฬาอื่นๆ เช่น กีฬาทางน้ำ จักรยาน กีฬาเอ็กซ์ตรีม วิ่งมารามอน ไตรกีฬา ได้หรือไม่ เพื่อสร้างความแข่งแรงของจังหวัด ตนอยากให้บุรีรัมย์เป็นเมืองกีฬาครอบวงจร หรือสปอร์ตซิตี้ เพื่อต่อยอดเป็นเมืองแห่งสุขภาพ 

   พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เราต้องช่วยกันทำความดีแบบไทยนิยม หมายถึงคนไทยนิยมทำความดี โครงการไทยนิยมมีทีมขับเคลื่อน เพราะที่ผ่านมาหลายรัฐบาลกำหนดโครงการที่ไม่ตรงความต้องการของประชาชน ดังนั้นจึงมีทีมลงไปช่วยพัฒนาพร้อมงบประมาณส่วนหนึ่ง ยืนยันว่าไม่ใช่เอาเงินไปแจกใครอย่างที่กล่าวหากัน แต่เป็นโครงการที่ทำมาอย่างต่อเนื่อง แต่ช่วงนี้เป็นเวลาใกล้เลือกตั้ง จึงถูกกล่าวหา