"ไม่เลือกเรารอไปก่อน"? "เสี่ยอ๋อย"สะดุ้งหวังตี"บิ๊กตู่จว.ไหนไม่ให้ดูดไม่ได้งบ"ดันลืมวลีเด็ด"นายใหญ่"ฉีกทึ้งปท.เป็นชิ้น"ไม่เลือกเรารอไปก่อน"

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

 "ใครไม่เลือกไทยรักไทยรอไปก่อน"?! "เสี่ยอ๋อย" สะดุ้งหวังตี "บิ๊กตู่" จิกแรง "จังหวัดไหนไม่ให้ดูดไม่ได้งบใช่หรือไม่" ดันลืมวลีเด็ด "นายใหญ่" พูดไว้เมื่อปี 48 และแทบจะเป็นการฉีกทึ้งประเทศออกเป็นชิ้น ๆ ด้วยผลการเลือกตั้ง เพราะเทพเจ้าประชาธิปไตยของคนเสื้อแดง (ขณะนั้นยังไม่มีเสื้อแดง) กล่าวไว้ว่า "ใครไม่เลือกเราให้รอไปก่อน"  


ดูเหมือนจะความจำสั้นไปหน่อย สำหรับ "เสี่ยอ๋อย จาตุรนต์ ฉายแสง" หนึ่งในบุคคลที่พยายามจะเข้าสู่ไลน์แคนดิเดตหัวหน้าพรรคเพื่อไทยของนายใหญ่ (แม้ทักษิณจะปฏิเสธเรื่องนี้คือความสัมพันธ์กับพรรคก็ตาม) เพราะเมื่อ 2 วันก่อนเจ้าตัวได้โพสต์ข้อความ หวังตี "บิ๊กตู่" โดยล้อไปกับกระแส "พลังดูด" ของ "พรรคทหาร" ที่นายกฯ เดินสาย ครม.สัญจรต่างจังหวัด ล่าสุดบุรีรัมย์ที่เป็นไปอย่างเอิกเกริกชื่นมื่น และมีข่าวว่าอาจไปต่อที่ จ.สระแก้วก่อนเปลี่ยนหมายกำหนดการ

โดยนายจาตุรนต์ พยายามหยิบเรื่องนี้มาตั้งคำถามทำนอง "ที่เลื่อนไปสระแก้วเพราะการดูดไม่เข้าเป้าใช่หรือไม่" เหนืออื่นใดก็คือ เข้าตั้งคำถามแบบจงใจ...ให้ผู้ฟังที่ไม่รู้เท่าทันเข้าใจผิดได้ว่า ต่อจากนี้ไปท่านจะมีหลักเกณฑ์อย่างไร ในการที่จะเลือกไปประชุมครม.ที่จังหวัดไหน หรือท่านจะต้องดูเสียก่อนว่า จะสามารถไปดูดนักการเมืองหรือพรรคการเมืองมาสนับสนุนท่านให้ได้เสียกอ่น ใช่หรือไม่

"ถ้าท่านมีหลักเกณฑ์เช่นนั้น ในหลายสิบจังหวัดที่ไม่มีใครเขายอมให้ดูด ท่านจะไม่ไปประชุมครม.ที่จังหวัดเหล่านั้นแล้วใช่หรือไม่? และจังหวัดเหล่านั้นจะไม่ได้รับงบประมาณลงพื้นที่แล้ว ใช่หรือไม่?" อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุ

โดยรายละเอียดทั้งหมดที่ นายจาตุรนต์ ระบุไว้ คือ

ประยุทธ์ เพ้อ

ลองอ่านที่พล.อ.ประยุทธ์พูดที่ทำเนียบเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมากันหน่อยเถอะครับ

 


"ไม่เลือกเรารอไปก่อน"? "เสี่ยอ๋อย"สะดุ้งหวังตี"บิ๊กตู่จว.ไหนไม่ให้ดูดไม่ได้งบ"ดันลืมวลีเด็ด"นายใหญ่"ฉีกทึ้งปท.เป็นชิ้น"ไม่เลือกเรารอไปก่อน"

มีตอนหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ พูดว่า “.....ฝากให้ทุกคนรั บรู้ รับทราบ และช่วยกันบอกด้วยว่า เวลาผมไปต่างจังหวัด ไปประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็ไปทุกจังหวัด จะไปที่ไหน เขารับตรงไหนก็ได้เจอตรงนั้น ไม่ใช่ไปเจอคนแบบจัดให้เจอ ก็จะไปเจอตรงไหนที่มากที่สุด ที่เขาจะจัดให้เจอกับประชาชนได้ จะพูดคุยกับเขาเอง ไม่ต้องการให้เป็นคำครหาอะไรทั้งนั้น”

อ่านแล้วเข้าใจมั้ยครับ เข้าใจว่ายังไง ?ตกลงเวลาที่พล.อ.ประยุทธ์จะไปพบประชาชนนี้ มีการจัดประชาชนมา หรือไม่มี?

ผมยังมีคำถามต่อไปอีกว่า เคยสังเกตกันมั้ยว่า พล.อ.ประยุทธ์มักพูดอะไรแบบไม่อยู่กับร่องกับรอยอยู่เสมอ แต่ทำไมก็ยังพูดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่ได้เป็นประจำ

ที่ผมพูดนี้ ก็แค่กระเซ้าเย้าแหย่กันเท่านั้นแหละครับ

แต่มีประเด็นที่อยากจะตั้งคำถามต่อพล.อ.ประยุทธ์โดยตรงสักคำถามสองคำถาม

ถามว่า ที่ท่านเลื่อนการไปประชุมและทำกิจกรรมที่จังหวัดสระแก้วออกไปนั้นเป็นเพราะการดูดของท่านไม่เป็นไปตามแผนใช่หรือไม่ และต่อจากนี้ไปท่านจะมีหลักเกณฑ์อย่างไร? ในการที่จะเลือกไปประชุมครม.ที่จังหวัดไหนและจะให้งบประมาณลงพื้นที่มากน้อยเพียงใด ท่านจะต้องดูเสียก่อนว่า จะสามารถไปดูดนักการเมืองหรือพรรคการเมืองมาสนับสนุนท่านให้ได้เสียกอ่น ใช่หรือไม่

ถ้าท่านมีหลักเกณฑ์เช่นนั้น ในหลายสิบจังหวัดที่ไม่มีใครเขายอมให้ดูด ท่านจะไม่ไปประชุมครม.ที่จังหวัดเหล่านั้นแล้วใช่หรือไม่? และจังหวัดเหล่านั้นจะไม่ได้รับงบประมาณลงพื้นที่แล้ว ใช่หรือไม่?"

ข้อสังเกตข้างต้นของนายจาตุรนต์นั้น....สะท้อนชัดอยู่ในตัวเองว่า...เรื่องนี้เป็นการเมือง...และหวังโจมตี คสช.แน่ เพราะถ้อยคำล้วนเป็นการดิสเครดิตโดยตรง แม้เจ้าตัวจะออกปากก่อนหน้านั้นว่า "แค่กระเซ้าเย้าแหย่กันเท่านั้นแหละครับ" นั่นก็แค่ต้องการลดโทนความรุนแรงจากการตั้งคำถามเหล่านี้ลง

อย่างไรก็ตาม คำถามกึ่ง ๆ โจมตีของนายจาตุรนต์ ทำให้หลายคนไพล่คิดไปถึงวลีเด็ดของนายใหญ่ที่ว่า "จังหวัดไหนมอบความไว้วางใจให้เราต้องดูแลเป็นพิเศษ จังหวัดที่ไว้วางใจเราน้อยต้องเอาไว้ทีหลัง"

โดยเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน 2548 หรือเมื่อกว่า 13 ปีก่อนยุคทักษิณ 1 (ไทยรักไทย) โดยนายทักษิณ กล่าวระหว่างเป็นประธานมอบหนังสือแสดงสิทธิสัญญาเช่าที่ราชพัสดุให้กับประชาชนตามโครงการรัฐเอื้อราษฎร์ ที่หอประชุมโรงเรียนบรรพตพิทยาคม อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ หลังทราบผลการเลือกตั้งซ่อมใน 3 จังหวัดที่พรรคไทยรักไทยส่งผู้สมัครลงแข่งขันหลังผู้สมัคร 3 คนของพรรคได้รับใบเหลืองจาก กกต. แต่สามารถชนะการเลือกตั้งกลับเข้าสภามาได้เพียง 1 จังหวัด คือที่จังหวัดสิงห์บุรี ที่ชนะผู้สมัครจากพรรคชาติไทยกลับเข้ามาแบบฉิวเฉียด 700 กว่าคะแนน จากที่เคยชนะกว่า 2 หมื่นคะแนน ส่วนจังหวัดพิจิตรพ่ายแพ้ผู้สมัครจากพรรคมหาชนกว่า 17,000 คะแนน และแพ้พรรคชาติไทยในจังหวัดอุทัยธานี ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศว่าเป็นบ้านเกิดของพ่อตาที่จะต้องเอาชนะให้ได้ เกือบ 1 หมื่นคะแนน

โดยนายทักษิณถึงกับหัวฟัดหัวเหวี่ยง และเก็บอาการไม่อยู่ถึงกับระบุผ่านสื่อในวันนั้นว่า จังหวัดนครสวรรค์ มีพื้นที่ 900 กว่าตารางกิโลเมตร ใหญ่กว่าสิงคโปร์ 2 เท่า แต่พัฒนายังไม่ทั่วถึง จากการที่รัฐมนตรีไปลงพื้นที่ในแต่ละอำเภอคงจะได้ข้อมูลมาช่วยกันพัฒนาจังหวัดนครสวรรค์ให้ดีขึ้น ต้องถือว่า จ.นครสวรรค์ได้มอบความไว้วางใจให้กับรัฐบาล โดยเลือก ส.ส.รัฐบาลทั้งจังหวัด แน่นอน อันนี้ตรงไปตรงมา ต้องได้สิทธิดูแลเป็นพิเศษ

“ผมตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม จังหวัดไหนมอบความไว้วางใจให้เราต้องดูแลเป็นพิเศษ แต่เราต้องดูแลคนทั้งประเทศด้วย แต่เวลาจำกัด ต้องเอาเวลาไปจังหวัดที่เราได้รับความไว้วางใจมากเป็นพิเศษ จังหวัดที่ไว้วางใจเราน้อยต้องเอาไว้ทีหลัง ไม่ใช่ไม่ไป คิวต้องเรียงอย่างนี้ ผมเป็นคนพูดตรงไปตรงมา เปิดเผย สื่อมวลชนอยู่ต้องเปิดเผย ไม่มีความลับสำหรับผม วันนี้คิดกับประชาชนอย่างไร ก็อยากเห็นคนทั้งประเทศไม่ว่าอยู่ที่ไหน เลือกหรือไม่เลือกผม ก็อยากให้ทุกคนหายจน แต่เนื่องจากเวลาจำกัดก็ต้องไล่ลำดับกันไป แต่เจ้าหน้าที่ก็ทำเหมือนกันหมดทั่วประเทศ” อดีตนายกฯ ผู้อื้อฉาวแสดงอาการผ่านคำพูด


การแสดงความไม่พอใจผลการเลือกตั้งผ่านคำพูดของนายทักษิณในวันนั้น...ทำให้หลายคนถึงกับตั้งคำถามว่า...แก่นคิดเช่นนี้เป็นประชาธิปไตยตรงไหน...แม้จะพยายามแก้เกี้ยวว่า "เจ้าหน้าที่ก็ทำเหมือนกันหมดทั่วประเทศ" แต่คนระดับนายกฯ พูดในบางประโยคก่อนหน้าย่อมส่งผลต่อการปฏิบัติในพื้นที่แน่ บางคนมองว่า...จังหวัดไหนไม่เลือกไทยรักไทยห้วงยามนั้นจะกลายเป็น "พลเมืองชั้น 2" ที่ได้รับการดูแลทีหลังตามที่นายใหญ่พูดไว้เสียด้วยซ้ำ...และว่าไปหลายประเด็นที่พรรคเพื่อไทยพยายามหยิบมาโจมตี คสช. มักเป็นการ "ขว้างงูไม่พ้นคอ" เกือบจะทุกเรื่อง...ทั้ง "มหาเธร์ มาเลเซีย" หรือแม้แต่เรื่องนี้