ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

ครบรอบ8 ปีเต็ม พฤษภา..เผาบ้านเผาของเมือง การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ในนามของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ นปช.

 

เป็นเรื่องปกติที่แกนนำอย่าง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เจ้าของวลีเด็ด “เผาไปเลยครับพี่น้อง...ผมรับผิดชอบเอง”   จะต้องออกมาเคลื่อนไหน และได้โพสต์ "บันทึกเปิดผนึก"ลงในเพจเฟซบุ๊กว่า 8 ปี เหตุการณ์ชุมนุมกลุ่มนปช. 19 พฤษภาคม 2553

 

บอกเหล่าว่าตนใน ฐานะแกนนำคนหนึ่ง ตนได้แสดงความรู้สึก รำลึก อาลัยต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในการชุมนุมครั้งนั้นสืบเนื่องมาทุกปี เพื่อยืนยันหลักการประชาธิปไตยและปกป้องจิตวิญญาณอันบริสุทธิ์ของประชาชนผู้ร่วมต่อสู้ ขณะเดียวกันตัวตนและพรรคพวกก็เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมพิสูจน์ทุกข้อกล่าวหา ซึ่งทุกคดีอยู่ในชั้นศาล

 

 

"ณัฐวุฒิ"ยกคำพิพากษาลั่นไม่เกี่ยวเผาเมืองกทม. แล้วเผาศาลากลางอีสาน..ใครคือผู้บงการ??

 

ในการโพสต์ครั้งนี้มีเนื้อหาที่เรียกได้ว่ายาวกว่าทุกครั้ง  สาระสำคัญประเด็นหนึ่ง ติดอยู่ในความทรงจำ รอยแผลลึกกลางคนไทยทั้งชาติไม่เคยจางหาย ไม่ว่าเวลาจะผ่านมาแล้ววกี่ปีต่อปีก็ตามแต่  นับเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองของประเทศไทย ที่ได้สร้างความเสียหายให้ชาติบ้านเมืองเป็นอย่างมาก  จากพฤติกรรมของเหล่าบรรดาแกนนำคนเสื้อแดง ได้ปลุกปั่นยั่วยุให้ จนนำพามาสู่เหตุการณ์ “เผาบ้านเผาเมือง”

 โดยในโพวต์ดังกล่าวของนายณัฐวุฒิ ได้ออกปฏิเสธว่าเหตุที่เกิดขึ้นนั้น ไม่เกี่ยวกับตนและพวก ระบุเอาไว้ในโพตส์ดังกล่าวตอนหนึ่งว่า....

 

มีการเผาบ้านเผาเมืองจึงต้องปราบปรามด้วยความรุนแรง

 

เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง เหตุการณ์เพลิงไหม้เกิดขึ้นหลังยุติการชุมนุม ทุกคนถูกฆ่าตายก่อนหน้านั้น และเหตุเพลิงไหม้ทั้งหมดรอบพื้นที่การชุมนุมในกรุงเทพฯศาลมีคำพิพากษายกฟ้องผู้ถูกกล่าวหาไปทุกรายแล้ว ข้อเท็จจริงเรื่องนี้เรารวบรวมหลักฐานไว้ครบถ้วน และจะได้นำสืบว่าฝ่ายไหนคือผู้ลงมือในการต่อสู้คดีก่อการร้าย

 

ขอยก "ปล่อยคนผิด 10 คน ยังดีกว่าลงโทษคนบริสุทธิ์ 1 คน" หลักกฎหมายบทนี้เป็นสากล เพราะฉะนั้นการตัดสินคดีอาญาจะต้องให้มีความผิดเคลียร์ ชัดเจนนั่นก็เป็นประเด็นหนึ่งทางข้อกฏหมาย 

 

"ณัฐวุฒิ"ยกคำพิพากษาลั่นไม่เกี่ยวเผาเมืองกทม. แล้วเผาศาลากลางอีสาน..ใครคือผู้บงการ??

 

 

แต่ข้อเท็จจริง กลุ่มคนเสื้อแดงที่เผาศาลากลางจังหวัดต่าง ที่ศาลตัดสินแล้ว อาทิ กรณีของ “ดีเจต้อย” แกนนำเสื้อแดงกลุ่มชักธงรบอุบลราชธานี ที่ศาลฎีกาตัดสินประหารชีวิต ในคดีเผาศาลากลางจังหวัดอุบล เมื่อปี 53 แต่ยังปรานีลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต 

เกิดเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 กลุ่มคนเสื้อแดงบุกทุบกระจก เผาเครื่องคอมเพรสเซอร์แอร์ และเผาอาคารสำนักงานเทศบาลนครอุดรธานี เพียงที่เดียวสร้างความเสียหายไปถึง 203 ล้านบาท 

 

หากย้อนไปดูถ้อยคำปราศัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น

“เผาไปเลยพี่น้อง ผมรับผิดชอบเอง” คำพูดของ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2553 

 

“ขอให้เสื้อแดงซึ่งอยู่ต่างจังหวัด ฟังภารกิจดังต่อไปนี้ ให้ไปรวมตัวกันอยู่ที่ศาลากลาง รอเวลาให้มีการปราบเมื่อไหร่ตัดสินใจได้ทันที” คำพูดของ จตุพร พรหมพันธุ์ เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2553 

 

“นัดกันคราวหน้า ถ้ารู้ว่าเขาจะปราบปราม ไม่ต้องเตรียมอะไรมาก มาด้วยกัน ขวดแก้วคนละใบ มาเติมน้ำมันเอาข้างหน้าบรรจุให้ได้ 75 ซีซี ถึง 1 ลิตร ถ้าเรามา 1 ล้านคน ในกรุงเทพมหานครมีน้ำมัน 1 ล้านลิตร รับรองว่า กทม. เป็นทะเลเพลิงอย่างแน่นอน” คำพูดของ อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2553 

 

นั่นเป็นคำพูดของพวกแกนนำคนเสื้อแดง ที่เคยพูดปลุกระดมคนเสื้อแดงในทำนองสื่อให้เกิดความรุนแรงตามมา เมื่อครั้งมีการชุมนุมเมื่อปี 2553 หรือก่อนหน้านั้น 

 

ยังไม่ได้พูดถึงคำพูดของ ทักษิณ ชินวัตร ที่ถือว่าเป็นหัวหน้าขบวนการใหญ่เคยพูดปลุกระดมในทำนองเดียวกันที่กล่าวว่า “ให้พี่น้องต่างจังหวัดไปที่ศาลากลาง ผมอยากฝากบอกคนเสื้อแดงทั่วประเทศอีกครั้งหนึ่งว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้นรุนแรงกับพี่น้องคนเสื้อแดงที่กรุงเทพฯ พี่น้องเสื้อแดงต่างจังหวัดไปที่ศาลากลางให้เต็มที่” เป็นคำพูดในเชิงปลุกระดมในปีเดียวกัน เหตุการณ์เดียวกัน 

 

แล้วใครแหละจะเป็นผู้บงการให้เกิดการเผาเมืองทั้งกทม. และศาลากลางจังหวัดในปี53