ใครชำแหละ “ธนาธร” ก็ไม่มันเท่า “ใจ อึ๊งภากรณ์” อ่านแล้วซี๊ด..ชี้ชัดไม่ใช่ของจริง.. เรื่องแรงงานมุมมองนายทุน..แค่สร้างภาพเพื่อดูดี!!

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

พูดถึงเรื่องของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งดุเหมือนว่าจะกลายเป็นหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ไปแล้วเสียมั่ง.. แม้จะมีการพูดหรือประกาศว่าพรรคนี้จะมีลักษณ์การเป็นประชาธิปไตย อย่างสูงที่จะมีการเลือกตำแหน่งหัวหน้าพรรคจากเสียงส่วนใหญ่ของสมาชิกพรรคก็ตาม

 

สาระสำคัญขณะที่กระแสของธนาธรกำลังเกิดขึ้นในหมู่คนรุ่นใหม่ กับแนวคิดที่แหกออกไปจากวิถีปกติธรรมดา แต่สิ่งที่หนึ่งที่น่าสนใจในแนวคิดของธนาธรอันเกี่ยวเนื่องกับเรื่องของสังคมไทยนั้นสอดคล้องจริงและมาจากความคิดแท้จริงหรือไม่ จนมีผู้คนออกมาชำแหละอยู่มากมาย แต่ใครชำแหละก็ไม่มันเท่ากับ “ใจ อึ๊งภากรณ์” บุตรชายคนสุดท้องของ ศาสตราจารย์ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์  นักเคลื่อนไหวทางวิชาการและการเมืองสัญชาติไทย-อังกฤษ เคยประกาศตนเองว่าเป็นพวกนิยมสาธารณรัฐ

นายใจเคยถูกออกหมายเรียกในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามมาตรา 112 กรณีเขียนหนังสือเชิงวิชาการเรื่อง “A Coup for the Rich”? มีเนื้อหาบางส่วนพาดพิงการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549? และพาดพิงถึงสถาบัน เบื้องต้น เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาแล้วสอบปากคำไว้เป็นหลักฐาน จากนั้น นัดสอบปากคำเพิ่มเติมในภายหลัง แต่นายใจตัดสินใจหลบหนีคดี อาศัยอยู่ในสหราชอาณาจักร

ก่อนหน้าใจเคยชำแหละธนาธรมาแล้วในเรื่องบริษัท ซัมมิท ของตระกูลจึงรุ่งเรื่องกิจ เคยปราบปรามสหภาพแรงงาน-ละเมิดสิทธิเสรีภาพพื้นฐานในการรวมตัวกันของลูกจ้าง ขัดแย้งนโยบายที่ประกาศว่าจะพาคนไทยออกจากยุคเผด็จการ บางช่วงระบุว่า...

 

ในปี 2549 พนักงานบริษัท ไทยซัมมิท อีสเทิร์น ซีบอร์ด ออโต้พาร์ท อินดัสตรี จำกัด จำนวน 260 คน ถูกเลิกจ้างงาน เพราะได้ไปสมัครเป็นสมาชิกของสหภาพแรงงานฟอร์ดและมาสด้าประเทศไทย ต่อมาในปี 2557บริษัท ซัมมิท มีการกดดันให้พนักงานทำงานล่วงเวลา แทนที่จะจ่ายค่าจ้างในระดับเพียงพอและรับสมัครคนงานเพิ่ม และบริษัทก็ลงโทษพนักงานที่ไม่ให้ความร่วมมือในการทำงานล่วงเวลา นอกจากนี้ทางบริษัทได้ออกคำสั่งให้กรรมการสหภาพ 4 ท่าน คือ ประธาน รองประธาน กรรมการพื้นที่แหลมฉบัง และกรรมการพื้นที่ระยอง หยุดปฏิบัติงาน เพื่อหวังปลดออก สรุปแล้วบริษัท ซัมมิท ของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ มีประวัติการปราบปรามสหภาพแรงงาน และละเมิดสิทธิเสรีภาพพื้นฐานในการรวมตัวกันของลูกจ้าง สิ่งเหล่านี้จะขัดแย้งกับนโยบายของพรรคคนรุ่นใหม่ที่ประกาศว่าจะพาคนไทยออกจากยุคเผด็จการหรือไม่? หรือพรรคจะไม่สนใจประชาธิปไตยในสถานที่ทำงาน? นอกจากนี้ พรรคจะมีนโยบายที่ดีกว่ารัฐบาลอื่นๆ ในเรื่องการขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำหรือไม่? จะมีนโยบายในการลดชั่วโมงการทำงานของคนทำงานเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตหรือไม่?

 

และครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ใจชำแหละธนาธรอย่างถึงกึ๋นเผยแพร่ความเห็นเรื่อง "ธนาธรคุยเรื่องแรงงานจากมุมมองนายทุน"  ผ่าน turnleftthai.wordpress.com โดยระบุว่า "เมื่อวันก่อน ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้คุยกับ สุนทร บุญยอด และคุณบัวลอง เรื่องแรงงาน  แต่ส่วนใหญ่เป็นการสร้างภาพเท่านั้น และข้อเสนอไปไม่ไกลพอ จะขออธิบายเพิ่ม

ธนาธรพูดว่าธุรกิจต้องได้กำไรก่อนอื่น ถ้าบริษัทหนึ่งขึ้นค่าแรงหรือเพิ่มสวัสดิการ ก็จะแข่งกับคู่แข่งไม่ได้ ดังนั้นต้องทำทั้งประเทศ … แต่คำถามที่ตามมาคือเรื่องการแข่งขันกับต่างประเทศ ถ้าประเทศคู่แข่งของไทยกดค่าแรงและสวัสดิการ มันจะกลายเป็นข้ออ้างในการกดค่าแรงและสวัสดิการของคนงานไทยใช่ไหม? เพราะข้ออ้างของพวกเสรีนิยมกลไกตลาดแบบนี้ใช้กันทั่วโลก

 

ธนาธรบอกว่าต้องบังคับใช้ 40 ชม.ต่อสัปดาห์! แต่40 ชม.ต่อสัปดาห์มันมากเกินไปและแรงงานสากลเรียกร้อง 35 ชม.ต่อสัปดาห์มานานแล้ว ควรหยุดทั้งเสาร์อาทิตย์และเงินเดือนสำหรับการทำงาน 5 วันต่อสัปดาห์ควรจะพอสสำหรับวิถีชีวิตที่ดี

 

ธนาธรมองว่าแรงงานไม่มีความรู้ และเปลี่ยนชนชั้น ยกระกับตนเองไม่ได้ พูดตามสูตรพวกกลไกตลาด สร้างภาพว่าคนทำงานควรพยายามเป็นนายทุนน้อย และใครที่ทำไม่ได้ก็ต้องโทษตนเอง จริงๆ แล้วในโลกจริงชนชั้นกรรมาชีพทั้งชนชั้นแปรสภาพไปเป็นชนชั้นกลางไม่ได้ เราควรเรียกร้องให้สภาพความเป็นอยู่ของลูกจ้างทุกคนดีพอที่จะมีวิถีชีวิตที่ดี ผ่านการขึ้นค่าแรง ลดชั่วโมงการทำงาน เพิ่มวันลาพักร้อน และสร้างรัฐสวัสดิการต่างหาก คนทำงานธรรมดาจะได้ไปเที่ยวต่างประเทศเหมือนธนาธร

 

ธนาธรพูดถึงสวัสดิการค่าเลี้ยงดูบุตร สถานรับเลี้ยงเด็กก่อนเข้าอนุบาลในทุกชุมชน และการลดภาษีให้คนจน แต่ไม่แตะ “รัฐสวัสดิการ” แบบถ้วนหน้าผ่านการเก็บภาษีในอัตราสูงเป็นพิเศษจากคนรวยและกลุ่มทุน นอกจากนี้ข้อเสนอให้นำคนสูงวัยมาเลี้ยงลูกหลานในสถานรับเลี้ยงเด็ก เหมือนกับการบังคับให้คนชราต้องทำงานต่อโดยไม่สามารถเกษียณได้ ใช่หรือไม่? ต้องดูเงื่อนไขและรายละเอียด

 

ข้อเสนอให้รัฐมนตรีแรงงานเป็นตัวแทนแรงงานเคยถูกนำมาใช้ในฟิลิปปินส์และลาตินอเมริกา และถูกนำมาใช้เพื่อหลอกใช้แรงงานและควบคุมการเคลื่อนไหวของสหภาพแรงงานต่างหาก ไม่ใช่ว่าขบวนการแรงงานจะมีอำนาจคุมรัฐบาลแต่อย่างใด

 

ที่สำคัญคือธนาธรไม่แตะการเปลี่ยนแปลงหรือปฏิรูปกฎหมายแรงงาน เพื่อเพิ่มสิทธิกับสหภาพแรงงานในการเคลื่อนไหวและนัดหยุดงาน ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่อาจสร้างความเข้มแข็งให้กับขบวนการแรงงาน

 

ไม่มีการพูดถึงการต้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ซึ่งทำลายสภาพการจ้างของพนักงาน อีกด้วย

 

สุนทร บุญยอด หวังว่าแรงงานจะกำหนดนโยบายให้พรรค  แต่ธนาธรกลับพูดถึงทีมนักวิชาการ ที่จะเสนอนโยบายต่างหาก เช่นในเรื่องสวัสดิการ

 

สรุปแล้วเป็นการสร้างภาพเพื่อดูดี

 

ขบวนการแรงงานต้องสร้างพรรคของตนเองจากล่างสู่บน เพื่อไม่ให้ถูกนักการเมืองนายทุนหลอกใช้"

 

อย่างเนี่ยแหล่ะ...ที่บอกว่าใครชำแหล่ะ ธนาธรก็ไม่มันเท่าใจ เพราะใจคือคนที่คิดเรื่องราวของสังคมที่ขว้างกระแสสังคมไทยมาโดยตลอด เมื่อธนาธรออกมาในท่าทีที่คับคล้ายคับคลาที่จะขว้างกระแสสังคมไทย แต่ใจก็ทำให้รู้ว่า ธนาธรไม่ใช่ของจริง???