ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

เป็นที่ทอล์คออฟเดอะทาวน์กันมากสำหรับคลิปตำรวจสอบสวนกลาง โดยกองบังคับการปราบปราม นำกำลังบุกควบคุมตัวหลวงปู่พุทธอิสระ พระสุวิทย์ ธีรธมฺโม  คาห้องคากุฏิ  ไม่ว่าจะเป็นวิธีปฏิบัติใช้ค้อนทุบทำลายประตู ตะโกนลั่นสั่งหมอบคามุ้ง จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม และเป็นการกระทำที่รุนแรงเกินกว่าเหตุหรือไม่ 

 

จนทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะออกมากล่าวฝากขอโทษแทนตำรวจไปถึง “พุทธะอิสระ” ที่อาจได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ 

ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตักเตือน

 

ต่อมา กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย Democracy Restoration Group – DRG ซึ่งเป็นเพจของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง  ได้แชร์โพสต์ของ น.ส.วาสนา นาน่วม  ผู้สื่อข่าวสายทหาร พร้อมโพสต์ ข้อความระบุว่า ...

 

“แอดมินคิดว่ามาตรฐานในการ “ขอโทษ” ของประยุทธ์ และประวิตร (ในอีกโพสต์หนึ่งของคุณวาสนา) มีความตลกร้ายอย่างยิ่งกับกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง

 

ในขณะที่แม้กลุ่มคนอยากเลือกตั้งจะชุมนุมหรือเดินขบวน ก็จะพยายามไม่ให้เกิน 1 ช่องทางจราจร และพยายามปิดเท่าที่จำเป็นมาตลอด ไม่เคยเอากรวยมาปิดถนนหรือจับเอาตำรวจไปทำร้ายร่างกายจนสาหัสปางตาย และสิ่งที่เรียกร้องก็ถูกตามครรลองสากลโลก

 

แต่พวกเรากลับไม่เคยได้รับความเป็นธรรมและคำขอโทษจากชายชาติทหารระดับสูงเหล่านี้เลย ทั้งยังคอยใส่ร้ายป้ายสีต่างๆนานา

หรือที่ผู้มีอำนาจกล้าทำกับเราถึงขนาดนี้

ก็เพียงเพราะพวกเรามันเป็นม็อบไร้เส้น?

 

ล่าสุดวันนี้ (27พ.ค.) มีความเคลื่อนไหวจาก พล.อ.ประยุทธ์  อีกครั้งหนึ่ง โดยได้กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มการเมืองตั้งข้อสังเกตเรื่องนายกรัฐมนตรีกล่าวขอโทษประชาชนแทนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าจับกุมพระพุทธอิสระ ว่า 

 

“การกล่าวขอโทษของนายกฯ ไม่ได้เข้าข้างใคร แต่ขอโทษเพราะเจ้าหน้าที่ทำไม่เหมาะสม ไม่ว่าผู้ต้องหาจะเป็นใครก็ตาม เมื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้วจะถูกตัดสินโดยศาล รวมทั้งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเขตวัดหรือสังฆาวาส ซึ่งอาจทำให้กระทบต่อความรู้สึกของพุทธศาสนิกชนได้ โดยได้ตักเตือนให้เจ้าหน้าที่ยึดแนวทางปฏิบัตินี้แล้ว ดังนั้นจึงไม่อยากให้นำไปบิดเบือนสร้างเรื่องกันต่อไปโดยเฉพาะกลุ่มการเมืองและสื่อมวลชนบางสำนัก"

 

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียืนยันว่าไม่มีความสัมพันธ์ส่วนตัวใด ๆ กับนายสุวิทย์ และไม่เคยคิดนำเรื่องส่วนตัวไปปะปนกับการบริหารบ้านเมือง พร้อมทั้งย้ำว่ารัฐบาลยึดหลักกฎหมายและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย หากกระทำผิดต้องได้รับโทษเช่นเดียวกัน