ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

   จากกรณีเมื่อวันที่ 24 พ.ค. 2561 หลังการพิจารณาคำร้องฝากขังของพนักงานกองปราบปราม ในคดีพระพุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีปล้นทรัพย์และเป็นหัวหน้าอังยี่ ซ่องโจร ซึ่งถูกพนักงานสอบสวนเข้าจับกุมตัวเข้าจับกุมตัวและนำตัวมาฝากขังเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาโดยพนักงานสอบสวนยื่นคัดค้านการประกันตัว ซึ่งศาลได้ใช้เวลาในการพิจารณาคำร้องฝากขังนานกว่า  4 ชั่วโมงล่าสุดศาลอนุญาต ตามคำร้องขอของพนักงานสอบสวนรับฝากครั้งพระพุทธะอิสระผลัดแรกเป็นเวลา 12 วัน พร้อมให้นำตัวไปควบคุมที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ 
     โดยในเวลาต่อมานั้น ได้ปรากฏคลิปเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ได้เข้าไปจับ พระพุทธะอิสระ จนเกิดการวิพากวิจารณ์อย่างหนักสำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว และได้มีการแชร์คลิปถามถึงความเหมาะสมกับ พิธีกรชื่อดังอย่าง "เจ๊ปอง" หรือ อัญชะลี ไพรีรัก เพราะมีการด่าตำรวจออกอากาศกลางรายการ ว่า พฤติกรรมดังกล่าวของตำรวจนั้น ทั้ง สถุน ถ่อย กับการเข้าไปจับแบบนั้น

   ล่าสุดวันที่ 31 พ.ค.61  นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานที่ปรึกษาแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึงการจัดรายการข่าวของ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก ด้วยคำพูดหยาบคายว่า อยากรู้เหมือนกันว่าช่องอื่น ๆ ที่วิเคราะห์แบบเดียวกัน ไม่มีปัญหาหรือที่พิธีกรมีการใช้เฮทสปีท หยาบคาย กสทช.คิดอย่างไร อยากฝากถึง กสทช.ด้วยเลย เมื่อตอนที่มีการปลุกระดม ปลุกปั่นคนกัน หูไปอยู่ที่ไหน ปล่อยให้เฮทสปีทเต็มไปหมด
   นางธิดา กล่าวว่าช่องพีซทีวี ที่คุณไม่เห็นด้วยกับเรา แต่วาจาหยาบคาย ผู้คนพูดเท็จ เราไม่เคยมี เพราะฉะนั้น พวกองค์กรอิสระ ในประเทศนี้ โดยเฉพาะการควบคุมสื่อ ก็ต้องระมัดระวังว่า สิ่งที่พวกคุณทำทุกวันนี้ อาจจะได้รับการต่ออายุโดย คสช. แต่ถามว่าเกียรติภูมิในฐานะเป็น กสทช. ที่ควบคุมสื่อ คิดบ้างหรือไม่ ว่าเกียรติภูมิอันนี้ยังดำรงอยู่”
 

 

  ที่ปรึกษานปช. กล่าวต่อว่าส่วนกรรมการ กสทช. ระบุว่า จากกรณีการจัดรายการด้วยคำหยาบของ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก เท่าที่ตรวจสอบยังไม่มีอะไรที่เกินเลย และผิดกฎ กสทช. และการใช้คำหยาบคายขณะนี้ยังไม่พบมีการร้องเรียนเรื่องดังกล่าวนั้น คนร้องคือใคร อย่างคนร้องที่มาร้องเรียนช่องพีซทีวีเรา ก็คือคนมอนิเตอร์ของ คสช.ก็แปลว่า คสช.ไม่ร้องใช่หรือไม่
 

 “แล้ว กสทช.ตาบอด หูหนวกหรือ ภารกิจของ กสทช.ต้องดูแลสื่อให้ไม่มีเฮทสปีท ไม่ให้ยั่วยุคนมาตีกัน ถ้าอย่างนั้นแสดงว่า กสทช.ไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม บอกแต่เพียงไม่มีคนมาฟ้อง แล้ว กสทช.เกียรติยศอยู่ที่ไหน ถ้าอย่างนั้นอย่าทำเลย กสทช. เอาหน่วยมอนิเตอร์ของ คสช.มานั่งเต็มรูปแบบเลยดีกว่า ไม่ต้องเปลืองเงินเดือนหลายที่ ให้ทำงานกันตรง ๆ ตามที่ คสช.ต้องการเลย ไม่ต้องเอา กสทช.มาทำตัวเป็นตุ๊กตาเสียกบาล”
   นางธิดา แสดงความเสียใจกับ ทีวี 24 ได้ปิดกิจการว่า เป็นชะตากรรมเช่นเดียวกัน เพราะในอดีต เคเบิ้ลทีวีเคยรุ่งเรือง ดิจิตอลทีวีคิดว่าจะมาแทนที่เคเบิ้ลทีวี แต่ว่าความไม่รู้ของคน ทั้งตัวเจ้าของดิจิตอลทีวี และ กสทช. จนทำให้เกิดปัญหามากขนาดนี้ แต่ภาครัฐฯได้เปรียบ กสทช.เป็นแหล่งทำเงินของรัฐบาล แต่ตนมองว่า ดิจิตอลทีวีเป็นความอัปยศของความไม่รู้ ซึ่งต้องโทษทั้ง กสทช.และแม้กระทั่งเอกชนด้วย ที่เข้าไปประมูล แต่ตามไม่ทันเทคโนโลยี
   รวมทั้ง กล่าวว่า ขณะนี้โซเชียลมีเดีย ออนไลน์ มีพลังมากกว่า ถ้าปรับตัวไม่ทันก็แย่ เมื่อพูดถึง ทีวี 24 แม้เป็นเพียงเคเบิ้ลทีวี ทำกันแบบคนจน ไม่ต้องใช้เงินมากยังอยู่ไม่ได้ในเศรษฐกิจแบบนี้ บทเรียนครั้งนี้ คือ 1.การปรับตัวของเทคโนโลยี และผู้บริโภค 2.ภาวะเศรษฐกิจ และมีอีกมุมคือถูกปิดบ่อย เป็นอุปสรรคต่อการหาลูกค้ามาโฆษณา ก็ต้องมองอย่างเข้าใจว่าโลกเปลี่ยนไป ก็ต้องมีการปรับตัว ทั้งนี้ก็ขอแสดงความเสียใจมายังเจ้าหน้าที่ช่องทีวี 24 ทุกคนด้วย