ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

 

เป็นที่แน่ชัด และคงไม่ต้องถกเถียงกันแล้วว่า ใครคือเจ้าของ "พรรคเพื่อไทย" ตัวจริงเสียงจริง หลังโลกออนไลน์ได้มีการเผยแพร่คลิปของ "นายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี 2 ศรีพี่น้องผู้อื้อฉาวจากคดีทุจริตที่ยุ่บยั่บไปหมด ได้มีการเผยแพร่คลิปที่คนทั้ง 2  กำลังวีดิโอคอลคุยกับปลายสายที่คาดว่า เป็นแกนนำพรรคเพื่อไทยบางคนที่กรุงเทพฯ  

 

โดยในคลิปนายทักษิณถึงกับระบุว่า มั่นใจว่า พรรคของตนเองจะชนะทุกเขต โดยเฉพาะภาคอีสาน แถมบอกจะทวิตเตอร์ขอบคุณคนที่ออกจากพรรค และประชดตามสไตล์ของตนว่า คนที่ออกไปเป็นคนที่เสียสละเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ขึ้นมาเป็นผู้แทน โดยเขายังเสียดเย้ยผ่านโทรศัพท์อีกว่า

 

ใครที่อยากออกจากพรรคมี 2 ประการ 1. คือ ไปเก็บสตางค์แล้วเลิกเล่นการเมือง ไปพักผ่อน เพราะว่าพวกนี้หน้าโง่จ่ายแพง ก็เก็บตังค์ไป แล้วไปพักผ่อนซะ 2. คือ พวกมั่นใจตัวเอง ลืมไปว่าคะแนนตัวเองสู้คะแนนพรรคไม่ได้ ซึ่งก็ดี ถึงเวลาจะได้ให้คนรุ่นใหม่ขึ้นมาแทนบ้าง โดยเฉพาะที่จังหวัดเลย นครราชสีมา จะต้องมีคนรุ่นใหม่ขึ้นมาแทนแน่นอน

ในช่วงท้ายนายทักษิณ ยังกล่าวด้วยว่า ตอนนี้ตนเป็นพวก "ไมค์ ภิรมย์พร" และจู่ ๆ ก็ร้องเพลงขึ้นมาว่า “ไปดีเถอะนะ พี่ขออวยพร” ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และบุคคลรอบข้างเคียง ก็ปล่อยเสียงหังเราะกันครื้นเครง

 

 

อาการประชดประเทียด เสียดเย้ยลูกสมุนเก่ากรณีย้ายพรรคของนายทักษิณข้างต้นนั้น...แทบไม่ต้องตีความเป็นอื่นว่า...เขาอยู่ส่วนไหนของพรรคเพื่อไทย...ที่อ้างว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยทุกกระเบียดนิ้ว...ยิ่งคำพูดระหว่างบรรทัดที่ว่า... "พรรคของตนเองจะชนะทุกเขต  พวกมั่นใจตัวเอง (ที่ย้ายพรรค-ผู้เขียน) ลืมไปว่าคะแนนตัวเองสู้คะแนนพรรคไม่ได้ ซึ่งก็ดี ถึงเวลาจะได้ให้คนรุ่นใหม่ขึ้นมาแทนบ้าง" ที่ทักษิณพูดนั้น...ยิ่งเท่ากับเป็นใบเสร็จยืนยันให้สังคมรับรู้ว่า...เขาคือใครในพรรคเพื่อไทย...เพราะไม่เช่นนั้นคงพูดไม่ได้ว่า... "ซึ่งก็ดี ถึงเวลาจะได้ให้คนรุ่นใหม่ขึ้นมาแทนบ้าง"


.

...คำถามคือ...ใครคือ "ผู้ตัดสินใจให้คนรุ่นใหม่ขึ้นมาแทนบ้าง" หลังพรรคเพื่อไทยออกอาการเหลือดไหลไม่หยุด และทำท่าว่าจะลามไปถึงบางเขตของภาคอีสาน และเหนืออันเป็นฐานที่มั่นใหญ่ของพรรคเพื่อไทย...หากไม่ใช่ตัวเขา...ซึ่งคือเจ้าของพรรคตัวจริงเสียงจริงแต่เพียงผู้เดียว...เพราะไม่เช่นนั้นคงไม่กล้าพูดในเชิงออกคำสั่งเช่นนั้น....

 

ส่วนกรรมการบริหารพรรคที่อุปโลกน์ให้นั่งกัน...และควรมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรง...นั่นเป็นแค่เพียง "พระอันดับ" และ "ตรายาง"  ที่ใช้ประทับ เพื่อให้คำสั่งนายใหญ่ดูชอบธรรม และไม่กระดากปากที่จะกล่าวอ้างว่า...พวกข้าคือ...ฝ่ายประชาธิปไตยแค่นั้น (ไม่ใช่ฟังคน ๆ เดียวแบบที่พูด ๆ กัน)

 

ความจริงหากสังเกตสักนิด จะพบว่าที่ผ่านมาหลังรัฐธรรมนูญปี 60 ประกาศใช้ "นายทักษิณ" ได้ออกตัวหลายต่อหลายรอบว่า...เขาไม่เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทยแล้ว...เหนืออื่นใดเขาระบุเองว่า...ไม่เป็นแม้แต่สมาชิกพรรคด้วยซ้ำ นั่นเป็นเพราะทักษิณหวาดผวาว่า...การเข้าไปยุ่มย่ามของตน อาจนำมาซึ่งการ "ยุบพรรคเพื่อไทย" อีกครั้ง เพราะ พ.ร.ป.พรรคการเมือง มาตรา 15 วรรคสาม ระบุเรื่องนี้เอาไว้ชัดว่า "พรรคต้องออกข้อกำหนต่างๆ และต้องเขียนห้ามไว้ด้วยว่า ไม่ให้บุคคลที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำกิจกรรมของพรรคการเมือง ที่ทำให้พรรคหรือสมาชิกขาดความเป็นอิสระ"

 

 

ขณะที่มาตรา 28 ก็เขียนไว้ชัดเจนว่า "ห้ามให้พรรค ยินยอมหรือกระทำให้บุคคลที่ไม่ใช่สมาชิกพรรค เข้าควบคุม ครอบงำ ชี้นำ กิจกรรมของพรรคการเมืองลักษณะที่ทำให้พรรคกาารเมืองหรือสมาชิกพรรคขาดความเป็นอิสระ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ส่วนมาตรา 29 ได้กำหนดบทลงโทษ ไว้ด้วยว่า หากใครที่ไม่เป็นสมาชิกพรรคแล้วมาจุ้นจ้านกิจกรรมของพรรคการเมือง ต้องโทษคุก 5-10 ปี ปรับ 1 แสน หรือทั้งจำและปรับ รวมถึงต้องถูกตัดสิทธิเลือกตั้ง 5 ปีและพรรคใดที่ทำผิด มีโทษถึงยุบพรรคการเมือง

 

เรื่องนี้สะท้อนชัดมาครั้งหนึ่งเมื่อช่วงต้นปี หรือเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เมื่อสมาชิกพรรคเพื่อไทยหลายคน พากันพาเหรดตบเท้าเข้าพบ "นายใหญ่" ที่ปักกิ่ง เพื่อหารือถกชื่อผู้นำพรรคตัวจริง หลังมีกระแสข่าวว่า "คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์" ขอถอนตัวในช่วงนั้น จน "นายภูมิธรรม เวชยชัย" รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และเปรียบดั่งพ่อบ้านพรรคฯ  ต้องรีบออกมาเคลียร์เรื่องนี้ว่า เท่าที่ทราบ และตรวจสอบพบว่า "อดีตนายกทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ มาปฏิบัติภารกิจส่วนตัว (ที่ปักกิ่ง-ผู้เขียน) และยังมิได้พบปะและนัดกับผู้ใด ข่าวที่เกิดขึ้นจึงอาจคลาดเคลื่อน ที่สำคัญพรรคยังมีผู้ทำหน้าที่หัวหน้าพรรคตัวจริงตามกฎหมาย และตามความเป็นจริงคือ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์"

 

นายภูมิธรรม ยังระบุด้วยว่า พรรคเพื่อไทย เป็นพรรคการเมืองซึ่งมีสถานะเป็นนิติบุคคล มีหัวหน้าพรรค รองหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และกรรมการบริหารพรรค ซึ่งทุกท่านล้วนเป็นตัวแทนของพรรคที่ได้รับเลือกตั้งจากสมาชิกพรรคตามกระบวนการทางกฎหมายและเป็นไปตามวิถีทางในระบอบประชาธิปไตย คณะกรรมการบริหารพรรค ประกอบด้วย หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรคและคณะกรรมการบริหารแต่ละชุดจึงถือเป็นผู้แทนพรรคการเมืองอย่างถูกต้องและชอบธรรมทั้งทางนิตินัยและพฤตินัย การตัดสินใจสำคัญใดๆ ของพรรคเพื่อไทย ล้วนดำเนินการและเกิดขึ้นโดยอาศัยกระบวนการตัดสินใจของคณะกรรมการบริหารอย่างมีระบบและแบบแผน อำนาจการตัดสินใจใดๆ ของคณะผู้บริหารพรรค จำเป็นต้องรับฟังความเห็นจากสาขาพรรค จากที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค และที่สำคัญต้องอยู่บนพื้นฐานการรับฟังความเห็นอย่างกว้างขวางจากสมาชิกพรรค รวมถึงความต้องการของประชาชน ที่จะเป็นฝ่ายเสนอและตรวจสอบการดำเนินการตามระบบของพรรค จึงไม่สามารถที่จะมีการบงการ สั่งการ หรือโน้มน้าวใดๆ จากปัจเจกบุคคลตามที่ถูกนำมากล่าวอ้างได้ 

 

..ไม่ต้องบอกก็คงจะเดาได้ว่า เหตุใดนายภูมิธรรม จึงออกมาปฏิเสธเรื่องนี้เป็นพัลวันในช่วงนั้น เพราะมันมีบทลงโทษ "ยุบพรรค" จ่อคอหอยอยู่รอมร่อ...หากมีลิ่วล้อบางคนปากโป้งแบบไม่รู้ทางลมว่า...ไปพบนายใหญ่เพื่อหารือเรื่องหัวหน้าพรรคจริง ๆ

 

เหตุนี้ หากนำมาเทียบเคียงกับคลิปล่าสุดที่ "นายทักษิณ" โชว์พาวเว่อร์ทำนองสั่งการในกิจการพรรคกลาย ๆ โดยเฉพาะคำพูดที่ว่า "ซึ่งก็ดี ถึงเวลาจะได้ให้คนรุ่นใหม่ขึ้นมาแทนบ้าง" นั้น...หากมีคนร้องทุกข์กล่าวโทษ แล้ว กกต. ซึ่งเป็นนายทะเบียนพรรคการเมือง...มองว่าเรื่องนี้มีที่มาที่ไป...และไม่อาจปล่อยผ่าน...ขยับต่อ....เราคงได้เห็นอะไรดีๆ และรับรองว่า...สนุกแน่