"ระวัง-อย่าหลงกล"?จากนี้คดี"เอ็กซิมแบงก์"จะถูกบิดให้ไขว้เขวทำนอง"เงินกู้ได้คืนแล้ว"จะดำเนินคดีอะไรอีก เช่นกับที่วัฒนาใช้มาแล้ว-คดีเอื้ออาทร

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

 

"คนไทยระวัง-อย่าหลงกล"?! จากนี้คดี"เอ็กซิมแบงก์" ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ออกหมายจับ "นายใหญ่-ทักษิณ ชินวัตร" ปล่อยกู้รัฐบาลทหารพม่า 4,000 ล้าน (ขณะนั้น) มิชอบวานนี้ จะถูกลิ่วล้อปลายแถวบิดให้สังคมเข้าใจผิดไปในลักษณะ "เงินกู้" ก็ได้คืนแล้ว...และเป็นการช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านที่รั้วติดกัน...จะดำเนินคดีอะไรกันอีก...

...เรื่องนี้ถูกโยนหิน และพยายามทำให้เป็นกระแสมาพักหนึ่งแล้วเมื่อเดือนก่อน...หลัง "ระบอบทักษิณ" รู้แน่ชัดว่า...เรื่องนี้ขึ้นสู่ศาลแน่...ตาม พ.ร.บ.ฯ วิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560 ที่ประกาศใช้ใหม่ ก่อนที่ศาลฯ จะนัดพิจารณาคดีครั้งแรก และออกหมายจับ "นายทักษิณ" อดีตนายกฯ ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการวานนี้  

 

หากสังเกตให้ดีจะพบว่า การโยนหิน และบิดเบือน คดี "เอ็กซิมแบงก์" ที่กระเส็นกระสายออกมาเดือนก่อนนั้น...แทบไม่ต่างอะไรกับกรณีที่ "นายวัฒนา เมืองสุข" อดีต ส.ส พรรคเพื่อไทย-คนวงในของนายใหญ่ ผู้ถูกกล่าวหา "คดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร" ที่อัยการลากตัวเขายื่นฟ้องตัวต่อศาลนักการเมืองไปเมื่อกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แล้วเขาบิดเบือนคดีดังกล่าว โดยอ้าง...แบบคิดว่าคนไทย...โง่ และหลอกได้ง่ายเหมือนคนบางกลุ่มที่อยู่ฝ่ายเดียวกับเขาว่า...บ้านเอื้ออาทรขายหมด-ไม่มีความเสียหายอะไร แถมราคาขึ้นจาก 3 แสนเป็น 7 แสน...เลยสักนิด

 

นั่นเพราะ...มีความจงใจบิดเบือนทำให้สังคมไขว้เขว..."สาระสำคัญแห่งคดีทั้ง 2" แบบไร้ยางอายเป็นอย่างยิ่ง เพราะวิญญูชนย่อมรู้ดีว่า คดี "เอ็กซิมแบงก์" มีฐานความผิด..."จากการให้กู้ที่มิชอบ"....โดยคำฟ้องของ ป.ป.ช. ก็ระบุชัดแจ้งว่า "นายทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ  กรณีการปล่อยกู้ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือ "เอ็กซิมแบงก์" ให้รัฐบาลพม่าวงเงิน 4,000 ล้านบาท โดยคิดอัตราดอกเบี้ยในอัตรา 3% ต่อปี ซึ่งต่ำกว่าราคาต้นทุนของเอ็กซิมแบงก์ ขณะคดี "บ้านเอื้ออาทรของนายวัฒนา" ก่อนหน้า ก็ผิดที่ตัวเขา และพวกเรียกรับหัวคิว "ไม่ใช่...ก่อสร้างโครงการแล้ว..."ขายไม่ออก" กลายเป็นโครงการที่ "ไม่ก่อให้เกิดรายได้"...นั่นคนละเรื่องคนละประเด็นกัน

 

....บอกกันตามตรง....ความจงใจที่จะบิด 2 คดีนี้ของกลุ่มการเมืองดังกล่าว ชัดเสียจนไม่ต้องตีความใด ๆ อีก...โดยเฉพาะ คดี "เอ็กซิมแบงก์" นั้นแจ่มแจ้งว่า การปล่อยกู้ครั้งนี้ "มีความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ เพราะคิดอัตราดอกเบี้ยในอัตรา 3% ต่อปี ซึ่งต่ำกว่าราคาต้นทุนของเอ็กซิมแบงก์"

...ไม่นับกรณีเม็ดเงิน 4,000 ล้านที่รัฐบาลทหารพม่าได้ไปนั้น...ล้วนวนกลับมา "ช็อปปิ้ง" เครื่องไม้เครื่องมือ-ระบบโครงข่ายสื่อสารบริษัทของตระกูลนายใหญ่....จนเกิดข้อครหา และเป็นที่มาของคำว่า..."คอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย" ตามมาหลอกหลอนจนทุกวันนี้

...ขณะที่ก่อนหน้าจะให้รัฐบาลทหารพม่ากู้นั้น...มีรองนายกฯ ที่คุมงานฝ่ายต่างประเทศของรัฐบาลทักษิณเองก็ทักท้วงอย่างหนักว่า..."ไทยไม่ควรให้พม่ากู้...กรณีนำเงินไปปรับปรุงโครงข่ายโทรคมนาคมในประเทศพม่า...เพราะครอบครัวของนายกฯ ไทย....ซึ่งมีอำนาจโดยตรงในการอนุมัติเม็ดเงิน ประกอบกิจการด้านสื่อสารโทรคมนาคมอยู่...เรื่องนี้ไม่เหมาะควรทางการเมืองเป็นอย่างยิ่ง"....แต่สุดท้ายคำเตือนก็เป็นเพียงแค่...เสียงนกเสียงกา...และปล่อยกู้ให้พม่าจนได้....แถมเพิ่มวงเงินจาก 3,000 ล้าน เป็น 4,000 ล้านให้เสียอีก...กระทั่งนำมาสู่หมายจับวานนี้


ทั้ง 2 กรณีนั้น พวกเขาจงใจบิดเบือน และลากพาคดีไปในมุมที่ตนเองต้องการโดยไม่ต้องอำพรางใด ๆ เลย


ในวันที่ถูกอัยการลากตัวขึ้นสู่ศาล...เพราะ "นายวัฒนา" ไม่อาจ...บิดพลิ้วได้อีกแล้ว เขาอ้างในวันนั้นเลยว่า

 

"โครงการบ้านเอื้ออาทรเป็นโครงการที่ขายหมด ไม่ได้รับความเสียหายใดๆ บ้านที่ประชาชนได้ไปหลังละกว่า 3 แสนบาท ปัจจุบันขึ้นเป็น 7-8 แสนบาทแล้ว ประชาชนมีความต้องการ แต่เป็นเรื่องการเมืองที่ต้องทำลาย เพื่อรับรองการยึดอำนาจ ฯลฯในชั้นศาลคงจะแสดงให้เห็นถึงความไม่ปกติของการดำเนินคดีตั้งแต่ในชั้นคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ก็มีการจูงใจข่มขู่พยาน มันเป็นความไม่ปกติ อย่างที่สองก็คือกระบวนการตั้งข้อกล่าวหาอย่างกระบวนการที่พยายามจะเอาเรา อ้างว่าทำสิ่งนี้ผิด อ้างว่าผมสั่งให้ออกทีโออาร์ที่ผิด แล้วคนที่ทำมันไม่ผิด แล้วผมจะไปผิดได้ยังไง ถ้าสิ่งที่ผมทำผิด คนที่รับไปปฏิบัติก็ต้องผิดด้วยถูกไหม แล้วทำไมทั้งหมดเหลือผมอยู่คนเดียว ปล่อยทุกคนหมด ถ้ามันไม่เป็นเรื่องทางการเมืองแล้วเป็นเรื่องของอะไร ก็แค่นั้นเอง ฯลฯ ” นักประชาธิปไตยสายพันธุ์ซูฮก...ทุนนิยมสามานย์ อ้าง

ไม่ต้องบอกก็คงเห็นได้เองว่า ความพยายามบิดเบือน และลากจูงคดีของทั้ง 2 คดีนั้น...เหมือนหรือแตกต่างกันเช่นไร...และผู้รู้หลายคนถึงกับกสมเพช ทั้ง "นายวัฒนา" และ "ลิ่วล้อนายใหญ่" ที่พยายามโยนหินเรื่องนี้ออกมา เพื่อหวังผลทางการเมือง...แบบอับปัญญาอย่างแท้จริง

และถึงแม้จนถึงนาทีนี้...นายวัฒนายังคงเป็นแค่ผู้ถูกกล่าวหา...และสามารถแก้ต่างในชั้นศาลได้อีกพักใหญ่...แต่หลายคนก็ยันว่า...เรื่องนี้รับรองไม่สนุกแน่...เพราะหลักฐานนั้นแน่นหนามาก

ขณะที่...คดี "เอ็กซิมแบงก์" ของนายใหญ่ ศาลวางเดดไลน์เอาไว้ว่า ใน 3 เดือน หากยังจับกุมตัวไม่ได้ สามารถพิจารณาคดีลับหลังได้เลย...และนั่นรับรองว่า...นับจากนี้...คดี "เอ็กซิมแบงก์" จะมี "วาทกรรม" แปลกๆ ทำนอง "เงินกู้" ก็ได้คืนแล้ว...และเป็นการช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านที่รั้วติดกัน...จะคิดดอกเบี้ยอะไรแพง...และจะดำเนินคดีอะไรกันอีก...ตามออกมาไม่หยุดหย่อนแน่

 

อ่าน กลับได้-ใครบอกกลับไม่ได้-กล้าหรือเปล่าแค่โดนคุก?! ด่วนหมายจับ"นายใหญ่" ใบที่ 4 ปล่อยกู้เอ็กซิมแบงก์ 4,000 ล้าน-เหตุเบี้ยวศาล