“ทักษิณ ยังรัก-แต่ต้องทำมาหากินก่อน"? ถอดรหัสวาทะ"แดงสุรินทร์" วันที่ นปช.ระส่ำ-ฟัดกันเอง-ใบเสร็จชั้นดีนายใหญ่เขี่ยทิ้งสมุน-ตามเสียงเล่าอ้าง

“ทักษิณ ยังรัก-แต่ต้องทำมาหากินก่อน"? ถอดรหัสวาทะ"แดงสุรินทร์" วันที่ นปช.ระส่ำ-ใบเสร็จชั้นดีนายใหญ่เขี่ยทิ้งสมุน-ตามเสียงเล่าอ้าง

 

การออกมาประกาศโต้งๆ ว่า ตนเองคุยกับ "กลุ่มสามมิตร"จริง และเป็นฝ่ายเข้าหาเอง เพราะเห็นว่ากลุ่มฯ มีแนวความคิดที่ดี คือสร้างความปรองดอง และทำเพื่อคนส่วนรวมของ "นายเทพพนม นามลี"  แกนนำเสื้อแดงสุรินทร์  พร้อมทั้งระบุอย่างจะแจ้งด้วยว่า "ส่วนอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ก็เป็นเพียงอดีต และยังคงเป็นนายกฯ ในดวงใจของคนเสื้อแดง แต่ นปช. อย่างพวกตนก็คงต้องเดินหน้า เพื่อหากินเลี้ยงครอบครัวต่อไป" นั้น ดูจะทำให้เห็นเค้าลางอะไรบางอย่างในกลุ่มคนเสื้อแดงอีสาน...ที่ภักดี "ระบอบทักษิณ" มาอย่างยาวนาน...อย่างไม่อาจปฏิเสธใด ๆได้เลย

 

ยิ่ง"นายเทพพนม" บอกว่า "ทักษิณเป็นเพียงอดีต และ นปช. อย่างพวกตนก็ต้องเดินหน้า เพื่อหากินเลี้ยงครอบครัวต่อไป" นั่นยิ่งเข้าเค้าตามเสียงลือเสียงเล่าอ้างที่ว่า...นายใหญ่มักเขี่ยทิ้งคนที่ทำงานให้...และไม่เคยดูดำดูดี หลังหมดประโยชน์ให้แก่ตนแล้ว....อย่างที่พูด ๆ กันหรือไม่

 


ไม่นับกรณีที่ "นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์" อดีต ส.ส. และแกนนำแดงโคราช เจ้าของฉายา “แรมโบ้อีสาน”ออกมาสวน "นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" แกนนำแดงเบอร์ต้น ๆ ด้วยวาทะเผ็ดร้อนที่ว่า "ที่ผ่านมาตนได้ยื่นใบลาออกจากพรรคเพื่อไทยตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2557 ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทยมานานกว่า 5 ปีแล้ว และผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทยก็ไม่เคยเห็นคุณค่าของตน และไม่เคยติดต่ออะไรมาเลย ในยามที่ตนตกระกำลำบากตลอดระยะเวลา 4-5 ปี ตนลงพื้นที่มาตลอดไม่เคยทอดทิ้งประชาชน"

 

"ไม่ทราบว่าตอนที่กล่าวคำสาบานต่อหน้าย่าโมนั้น นายณัฐวุฒิ ได้มาฟังคำพูดของตนหรืออย่างไร ที่ผ่านมาตนได้ยื่นใบลาออกจากพรรคเพื่อไทยตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2557 ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทยมานานกว่า 5 ปีแล้ว และผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทยก็ไม่เคยเห็นคุณค่าของตน และไม่เคยติดต่ออะไรมาเลย ในยามที่ตนตกระกรรมลำบากตลอดระยะเวลา 4-5 ปี ตนลงพื้นที่มาตลอดไม่เคยทอดทิ้งประชาชน" สุภรณ์ อ้าง

 


คำพูดของนายสุภรณ์ ดูจะสอดคล้องและไปในทิศทางเดียวกับของ "นายเทพพนม" ราวกับเล่นดนตรีคีย์เดียวกัน...และถึงแม้ทั้งคู่จะไม่ใช่แกนนำที่ "บิ๊กเนม" อะไรนัก แต่ถ้อยคำของเขาในชั้นแรกตีความยังไง...ก็ไม่พ้นคำว่า..."พวกเขานั่นแหล่ะที่เป็นฝ่ายถูกทอดทิ้งก่อน...ไม่เคยมีผู้ใหญ่ในพรรคฯ มาแยแสสนใจ และเหนืออื่นใด...ยังต้องหากินเลี้ยงครอบครัวตนเอง"


...แล้วหากลงลึกไปอีกชั้น...ใช่หรือไม่ว่า...คำกล่าวที่ว่า "ท่อน้ำเลี้ยงนายใหญ่ตัน" มาเนิ่นนานแล้ว...หลังจากหมดอำนาจไป ทำให้ลูกน้องต้องแตกกระสานซ่านเซ็นอย่างกรณี 2 แกนนำแดงข้างต้นนั้น...แท้แล้วล้วนแต่เป็นเรื่องจริง

และเรื่องนี้...ทำให้สมาชิกพรรคเพื่อไทยบางคน (ที่ไม่ถูกดูด) ...หวั่นใจอยู่ลึก ๆ ถึงกับออกมาตีปลาหน้าไซ...และแขวะผู้ที่ถูกดูดหลายต่อหลายคนทีเดียว...เรื่องนี้ไม่มีอะไรมาก ไม่ต้องอธิบายเพิ่ม ทุกอย่างชัดเจนไม่ว่าจะมองมุมไหน...ลึก ๆ แล้วพวกเขา...กลัว


อย่างไรก็ตาม อาการ "แดงแตก" และ "เพื่อไทย" ระส่ำต้องดูว่าจะไปจบลงที่ตรงไหน...จะแผ่ลามไปหัวเมืองใหญ่ ๆ อันฐานที่มั่นสำคัญ ๆ ของเพื่อไทย และมีอดีต ส.
ส. หรือแกนนำแดง"บิ๊กเนม" คนไหน...บ๊ายบายจากนายใหญ่...และระบุว่า...ยังคงเป็นนายกฯ ในดวงใจ...แต่ตนต้องขอไปทำมาหากินก่อน ต่อไปอีกหรือไม่...เรื่องนี้อย่ากะพริบตา