ฟอกเงินกรุงไทย..ผลกรรม!(คง)รอดยาก "พานทองแท้" เลิกอ้าง"ถูกกลั่นแกล้ง" สร้างกระแสให้กองเชียร์คึกคัก ลุ้นตอนจบตามรอยพ่อและอา!

นี่เป็นหลักฐานที่ปรากฏขึ้นในการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงิน ถ้า"นายพานทองแท้"ไม่ผิดจะไปกลัวอะไร????

สืบเนื่องจาก เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 25 ก.ค.61 ที่สำนักงานอัยการคดีพิเศษ ชั้น 10 พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นำตัวนายพานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นางกาญจนาภา หงส์เหิน เลขานุการส่วนตัวของคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร และนายวันชัย หงส์เหิน สามีของนางกาญจนาภา ผู้ต้องหา 1-3 คดีฟอกเงิน พร้อมสำนวนคดีและความเห็นสมควรสั่งฟ้องผู้ต้องหากับพวกรวม 3 คน คดีความผิดในส่วนการฟอกเงินที่เกี่ยวกับการอนุมัติสินเชื่อโดยมิชอบของผู้บริหารธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ให้กลุ่มธุรกิจในเครือกฤษฎามหานคร

เบื้องต้นพนักงานอัยการคดีพิเศษรับมอบตัวผู้ต้องหา และสำนวนไว้ และอนุญาตปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาในชั้นพิจารณาสั่งคดีของอัยการโดยไม่ต้องมีหลักประกัน เนื่องจากผู้ต้องหาเข้ามารายงานตัวเอง พร้อมนัดผู้ต้องหาทั้งหมดมาฟังคำสั่งคดีในวันที่ 5 ก.ย.นี้ ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้ นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ จะมีการตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาสำนวน ก่อนที่จะมีคำสั่งต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายพานทองแท้กับพวกเข้ามารายงานตัวในวันนี้ และได้ทำเรื่องการปล่อยชั่วคราวในชั้นอัยการก็ได้เดินทางกลับในทันที

 

ที่ผ่านมาภายหลังการแจ้งข้อกล่าวหา นายพานทองแท้ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา  ซึ่งเคยระบุในทำนองว่ตนเองนั่นถูกลั่นแกล้ง

 

“เพียงเพราะว่าเป็นธุรกรรมทางการเงินของลูกอดีตนายกรัฐมนตรี ที่ตัวเองตั้งธงเอาไว้แล้วว่า จะต้องยัดเยียดความผิดให้ได้”

 

นายพานทองแท้ อ้างเรื่องเงินที่ได้รับจากกลุ่มกฤษดานครว่าแค่ 10 ล้านบาท เท่ากับ 0.1% ของเงินทั้งหมด

ฟอกเงินกรุงไทย..ผลกรรม!(คง)รอดยาก "พานทองแท้" เลิกอ้าง"ถูกกลั่นแกล้ง" สร้างกระแสให้กองเชียร์คึกคัก ลุ้นตอนจบตามรอยพ่อและอา!

 

ฟอกเงินกรุงไทย..ผลกรรม!(คง)รอดยาก "พานทองแท้" เลิกอ้าง"ถูกกลั่นแกล้ง" สร้างกระแสให้กองเชียร์คึกคัก ลุ้นตอนจบตามรอยพ่อและอา!

 

ประเด็นที่ "นายพานทองแท้" เข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีแบงก์กรุงไทยที่ติดคุกกันไปแล้วเป็นระนาว  ความจริงหลังจากที่ธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้บริษัทกฤษดานคร ไปร่วม 1 หมื่นล้านบาท มีการโอนเงินให้ พานทองทองแท้ กับพวกรวม 2 ชุด สั่งจ่ายเข้าบัญชีพานทองแท้ ที่ธนาคารกรุงเทพ สาขาบางพลัด รวม 36 ล้านบาท

โดยนายศิริชัย วัฒนโยธิน รองประธานศาลฎีกา และเจ้าของสำนวน 1 ใน 9 องค์คณะผู้พิพากษาในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีที่ธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้สินเชื่อเครือกฤษดานครโดยทุจริต ให้ความเห็นและวินิจฉัยเรื่องเส้นทางการเงินในคดีนี้เอาไว้ ดังนี้

“…เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.2546 นายธีรโชติ พรมคุณ พนักงานของจำเลยที่ 20 (บริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน)) ได้ซื้อแคชเชียร์เช็คธนาคารไทยธนาคาร 26 ล้านบาท โดยหักจากบัญชีของจำเลยที่ 25 (นายวิชัย กฤษดาธานนท์ ผู้บริหารเครือกฤษดามหานคร) สั่งจ่ายนายพานทองแท้ ชินวัตร และนำเข้าบัญชีของนายพานทองแท้ที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เลขที่บัญชี 184-0-47447-0 แต่ในวันเดียวกันมีการยกเลิกรายการ

ครั้นวันรุ่งขึ้นนายธีรโชติ ซื้อแคชเชียร์เช็ค 26 ล้านบาท สั่งจ่ายบริษัท หลักทรัพย์ธนชาต จำกัด (มหาชน) เพื่อชำระค่าหุ้นในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของ นางเกศินี จิปิภพ มารดาของนางกาญจนาภา หงส์เหิน เลขาส่วนตัวของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร

ต่อมานางเกศินี ได้สั่งจ่ายเช็คจำนวน 1.8 ล้านบาท เข้าบัญชีของนายพานทองแท้ ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สำนักรัชโยธิน

อย่างไรก็ดี นายพานทองแท้ ชี้แจงเป็นหนังสือต่อ คตส.ว่า จำเลยที่ 26 (นายรัชฎา กฤษดาธานนท์ บุตรนายวิชัย กฤษดาธานนท์) ฝากนายวันชัย หงส์เหิน (สามีนางกาญจนาภา หงส์เหิน) ซื้อหุ้นบริษัท ช.การช่าง จำกัด ผ่านบัญชีของ นางเกศินี ครบกำหนดชำระหุ้นเมื่อวันที่ 31 ธ.ค.2546

ซึ่งก่อนครบกำหนดชำระค่าหุ้น เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.2546 จำเลยที่ 26 โทรศัพท์มาแจ้งว่า ได้ให้เจ้าหน้าที่นำแคชเชียร์เช็คค่าหุ้น 26 ล้านบาท เข้าบัญชีของตนเพื่อฝากโอนให้บริษัท หลักทรัพย์ธนชาต ตนเกรงว่าอาจล่าช้าชำระไม่ทันกำหนด จึงแนะนำให้จำเลยที่ 26 ชำระเงินให้แก่บริษัทหลักทรัพย์ธนชาต โดยตรง จำเลยที่ 26 จึงยกเลิกธุรกรรมที่นำแคชเชียร์เช็คฝากเข้าบัญชีของตน

พิเคราะห์แล้วเห็นว่า เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า ทางปฏิบัติในการซื้อขายหลักทรัพย์กับบริษัทหลักทรัพย์นั้น ผู้จะซื้อขายหลักทรัพย์จะต้องเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์กับบริษัทหลักทรัพย์ และจะต้องแจ้งเลขที่บัญชีธนาคารให้บริษัทหลักทรัพย์ทราบ เพื่อให้บริษัทหลักทรัพย์โอนเงินเข้าบัญชีเมื่อมีการสั่งขายหลักทรัพย์ หรือให้บริษัทหลักทรัพย์หักเงินจากบัญชีเมื่อมีการสั่งซื้อหลักทรัพย์

ข้อเท็จจริงได้ความว่า ทั้งนายพานทองแท้ และจำเลยที่ 26 มีความสนิทสนมกัน ต่างก็มีบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของตนเอง

หากจำเลยที่ 26 ได้ฝากนายวันชัย ซื้อหุ้นตามที่อ้าง จำเลยที่ 26 ย่อมสามารถโอนเงินค่าหุ้นเข้าบัญชีธนาคารของ นายวันชัย หรือโอนเข้าบัญชีธนาคารของบริษัทหลักทรัพย์ได้โดยตรงอยู่แล้ว

ไม่มีเหตุผลที่จำเลยที่ 26 ต้องนำเงินไปซื้อแคชเชียร์เช็คฝากเข้าบัญชีธนาคารของนายพานทองแท้ เพื่อฝากชำระค่าหุ้นให้นายวันชัย อีกทอดหนึ่ง

ข้ออ้างของนายพานทองแท้ จึงฟังไม่ขึ้น…

 

 

 

นี่เป็นหลักฐานที่ปรากฏขึ้นในการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงิน ถ้า"นายพานทองแท้"ไม่ผิดจะไปกลัวอะไร????

 

ใครแกล้งก็ฟ้องกลับให้ติดคุกหัวโตไปเลยเหมือนที่ "นายอภิสิทธิ์" และ"นายสุเทพ" ฟ้องนายธาริต ที่แกล้งดำเนินคดีอย่างไม่เป็นธรรม!

 

ไม่ต้องมาตีสำนวนฝีปากที่ให้ดูเหมือนว่าปากกล้าขาไม่สั่น สร้างกระแสให้กองเชียร์คึกคัก แล้วสุดท้ายก็เดินตามรอยพ่อและอา!