- 30 ก.ค. 2561
แกนนำ กปปส.ต้องต่อสู้คดีในข้อหากบฏ ก่อการร้าย มีโทษจำคุก ประหารชีวิต มิใช่ความผิดอาญาที่เป็นความผิดลหุโทษ หรือความผิดฐานหมิ่นประมาท รวมถึงคดียึดสนามบิน ที่แกนนำพันธมิตร ยังต้องหาเงินมาชดใช้ค่าเสียหาย 522 ล้านบาท ไม่แน่ใจว่านายสุเทพจะถือเอาจุดนี้มาเป็นเสน่ห์หรือ?
จากกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ได้ออกมาวิเคราะห์ทิศทางการเมืองที่จะการขึ้นหลังจากการเลือกตั้ง โดยนายสุเทพมั่นใจว่า พรรครปช. จะได้เป็นรัฐบาลแน่นอน เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้จะไม่มีพรรคการเมืองใดได้เสียงข้างมากเด็ดขาดเพียงพรรคเดียว ดังนั้นการจัดตั้งรัฐบาลจึงต้องเป็นพรรครัฐบาลผสม ดังนั้นพรรคการเมืองที่มีเสน่ห์ที่สุดและเป็นตัวแทนของประชาชนอย่างแท้จริง ในขณะนี้ก็มีเพียงพรรคเราเพียงพรรคเดียวที่ใครก็อยากจะเชิญไปร่วมรัฐบาลมากที่สุด พร้อมยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่ได้เป็นรัฐบาลอย่างแน่นอน
ล่าสุดทางด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีดังกล่าว พร้อมระบุพรรคเพื่อไทยจะไม่ได้เป็นรัฐบาล ในขณะที่ รปช.มีเสน่ห์ที่สุด ใครๆ ก็อยากเชิญไปร่วมรัฐบาล ว่า ประชาชนตัดสินใจได้ว่าคำพูดของนายสุเทพมีความน่าเชื่อถือหลงเหลืออยู่เพียงใด นายสุเทพเคยบอกจะไม่เล่นการเมือง ก็ยังตระบัดสัตย์ลงเล่นการเมือง และไม่รู้หลังจากนี้จะตระบัดสัตย์อะไรอีกหรือไม่ พรรค รปช.จะมีเสน่ห์หรือไม่ อยู่ที่ประชาชนตัดสิน ไม่ใช่สมคบคิดกันระหว่างผู้ถืออำนาจรัฐกับพรรคการเมืองฝ่ายเดียวกันหรือไม่ และไม่ควรปรามาสหรือดูหมิ่นว่าประชาชนคนไทยลืมง่าย
"ประชาชนจำได้ดีว่าใครไม่เชื่อมั่นระบบรัฐสภา เป่านกหวีดชัตดาวน์ประเทศ ชัตดาวน์ระบบราชการ ก่อจลาจลล้มการเลือกตั้ง จนนำพาประเทศมาถึงจุดนี้หรือไม่ เท่าที่ดูรายชื่อผู้ร่วมก่อตั้งพรรคกับนายสุเทพ ก็ถือว่าเป็นพรรครวมดาว เพราะมีทั้ง กปปส.ทั้งพันธมิตรหรือไม่ นึกไม่ออกว่าประชาชนที่จะเลือกจะมองกลุ่มบุคคลเหล่านี้มีเสน่ห์ตรงไหน อย่างไรแกนนำ กปปส.ต้องต่อสู้คดีในข้อหากบฏ ก่อการร้าย มีโทษจำคุก ประหารชีวิต มิใช่ความผิดอาญาที่เป็นความผิดลหุโทษ หรือความผิดฐานหมิ่นประมาท รวมถึงคดียึดสนามบิน ที่แกนนำพันธมิตร ยังต้องหาเงินมาชดใช้ค่าเสียหาย 522 ล้านบาท ไม่แน่ใจว่านายสุเทพจะถือเอาจุดนี้มาเป็นเสน่ห์หรืออย่างไร"
นายอนุสรณ์ กล่าวด้วยว่า การจะได้เป็นหรือไม่ได้เป็นรัฐบาลของพรรคใด ต้องไปดูที่ผลการเลือกตั้ง และถือเป็นสิทธิโดยชอบที่ประชาชนจะตัดสินใจเลือกใครหรือพรรคใดเป็นตัวแทนของตัวเองเข้ามาบริหารประเทศ ซึ่งคงไม่ได้ตัดสินกันที่ความมีเสน่ห์ในการสร้างปัจจัยเพื่อนำไปสู่การรัฐประหารให้สำเร็จหรือไม่ ความสามารถในการล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง คงไม่สามารถแปรเปลี่ยนไปเป็นความสามารถในการจัดตั้งรัฐบาลด้วยวิธีพิเศษ หรือบริหารประเทศให้มีประสิทธิภาพได้หรือไม่
อนึ่งหากพิจารณาตามที่นายอนุสรณ์กล่าวอ้าง คดีที่เกิดขึ้นกับผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย ที่ส่วนหนึ่งเป็นแกนนำจากกลุ่มกปปส. และกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ได้กระทำการเพื่อประโยชน์ส่วนตัว แต่เกิดขึ้นจากที่ออกมาต่อสู้เคลื่อนไหว กับรัฐบาลที่ใช้อำนาจโดยมิชอบและรัฐบาลที่กระทำการทุจริตคอร์รัปชั่นจนเป็นเหตุให้บ้านเมืองเสียหาย จนประชาชนจึงออกมาต่อต้าน
ขณะที่พรรคเพื่อไทย ก็มียังสมาชิกพรรคหรือ อดีตส.ส. ที่เข้าไปพัวพันกับเรื่องฉาว โดยเฉพาะเรื่องที่ทุจริต คอรัปชั่น แสวงหาผลประโยชน์กับตัวเอง ครอบครัว และพวกพ้อง
อาทิกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิด นายวัฒนา เมืองสุข กับพวก และส่งสำนวนสอบสวนกรณีทุจริต “โครงการบ้านเอื้ออาทร” ให้อัยการสูงสุด พิจารณา ตั้งแต่เมื่อต้นปี 2560
โดยอัยการสูงสุดเห็นชอบ ให้ส่งฟ้องนายวัฒนา ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง และยังอยู่ในขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม
หรือเรื่องราวทั้งหลายได้ข้อยุติและสังคมก็เห็นชัดเจนแล้ว โดยเฉพาะการทุจริตคอร์รัปชันของนายทักษิณ ชินวัตร ที่ศาลพิพากษาว่ามีพฤติกรรมกระทำความผิดจริงและได้ข้อยุติในหลายๆคดี ไปแล้ว จนต้องหลบหนีออกนอกประเทศ