- 31 ก.ค. 2561
ชูต้นที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ 58 ชนิด เป็นหลักประกันทางธุรกิจ สามารถนำมาค้ำประกันกู้เงินได้
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา คณะ รัฐมนตรี (ครม.) สัญจร มีมติเห็นชอบให้ออกกฎกระทรวงฉบับใหม่ ภายใต้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) หลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ.2558 โดยได้เปิดทางให้ สามารถนำไม้ยืนต้นที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ ตามบัญชีท้ายกฎหมายว่าด้วยสวนป่า ถึง 58 ชนิด ใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจกับสถาบันการเงินเพื่อขอกู้ยืมเงิน เพื่อสนับสนุนและเพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการในการประกอบธุรกิจมากขึ้น
ล่าสุดทางด้าน “กุลณี อิศดิศัย" อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ให้สัมภาษณ์ รายการ“ชั่วโมงฐานเศรษฐกิจ เนชั่นทีวี”ถึงกรณีที่ครม.มีมติดังกล่าวว่า เเนวคิดที่ให้ครม.เปิดทางให้นำต้นไม้เป็นหลักประกันการกู้ยืมกับสถาบันการเงินนั้น เป็นความร่วมมือจากนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ ที่ผลักดันโครงการนี้และได้หารือกับคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสังคมที่มองว่า ทำอย่างไรให้ต้นไม้เป็นทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันทางธุรกิจเพื่อประโยชน์ของผู้ประกอบการรายย่อยที่มีทุนน้อยเเละส่งเสริมให้ประชาชนปลูกต้นไมีค่า เเละช่วยลดภาวะโลกร้อน
“ตอนนี้ครม.เห็นชอบเเละอยู่ระหว่างยกร่างกฎกระทรวงตามที่กฤษฎีกาพิจารณาเเละน่าจะบังคับใช้ได้ในช่วงเดือนก.ย. ชั้นต้นนั้นสถาบันการเงินเป็นฝ่ายประเมิน โดยตอนนี้ธกส.จะเป็นสถาบันการเงินเเรกที่ดำเนินโครงการธนาคารต้นไม้ โดยสมาชิกโครงการนี้สามารถนำต้นไม้เป็นหลักประกัน โดยธกส.จะเป็นฝ่ายประเมินราคา สถาบันการเงินรับต้นไม้เป็นหลักประกัน ตอนนี้ใช้ต้นไม้ 58 ชนิด ที่มีการหารือฝ่ายที่เกี่ยวข้องกันเเล้ว ส่วนอนาคตจะพิจารณาขยายไปในชนิดอื่นๆ”
“เบื้องต้นต้นไม้ต้องอายุหนึ่งปี ลำต้นตรงสองเมตร มีต้นไม้สี่ร้อยต้นในหนึ่งไร่เเละปลูกในที่ดินตัวเอง ฉะนั้นต้นไม้จะเป็นหลักประกันทางธุรกิจอีกประเภทหนึ่ง นอกจากหลักประกันประเภทอื่นๆกว่าสองเเสนคำขอ เเละมีหลักประกันกว่า4.8ล้านล้านบาท”
ขณะที่ "พงศา ชูแนม”ให้สัมภาษณ์รายการ “ชั่วโมงฐานเศรษฐกิจ เนชั่นทีวี”ถึงกรณีดังกล่าวเช่นกันโดบระบุว่า ในฐานะทื่ผลักดันเรื่องนี้ต้นเเต่ตนรับราชการ สิบสองปีที่ตนทำโครงการธนาคารต้นไม้ โดยเริ่มสามเเสนคนเมื่อปี2553 อดีตนายกฯสองท่านรับเรื่องนี้เเต่หลักการสำคัญโดนตัดทิ้งคือเเก้ไขให้เป็น”ต้นไม้เป็นหลักประกันทางธุรกิจ”จากที่ตนเสนอให้”ต้นไม้เป็นทรัพย์” เสมือนว่านำเงินไปแลกชิปในคาสิโน
“เหมือนเรามีโฉนด มันไม่มีค่า หากเราไม่นำโฉนดไปใช้ทางธุรกิจ เเละทำไมเลือกเเค่58 ชนิดตามพ.ร.บ.สวนป่า ทั้งที่เมืองไทยมีต้นไม้มากมาย ตรงนี้คิดง่ายไป คิดเเบบคับเเคบ เเละต้นไม้ที่เป็นหลักประกันทางธูรกิจนั้นรัฐบาลทำลายหลักการธนาคารต้นไม้ของประชาชน เพราะการประเมินจะมีบริษัทเอกชนมาประเมิน เช่น ...
ตนมีไม้พะยูงหนึ่งร้อยต้น ควรมีราคาต้นละหนึ่งล้านบาท เเต่ตามที่ครม.ดำเนินการ หากจะประเมินก็ต้องมีบริษัทประเมิน ทั้งๆที่ประชาชนด้วยกันประเมินต้นไม้ของตนได้ มันทำลายหลักการธนาคารต้นไม้ที่ตนเเละประชาชนร่วมกันดำเนินการหากทำเเบบนี้เกษตรกรจะมีหนี้เพิ่ม ธกส.เปลี่ยนหลักการเป็นสินค้าซื้อขายล่วงหน้า ไม่ใช่ต้นไม้เป็นหลักทรัพย์”