ชัดเจน! "วัฒนา"เห็น "กองทัพ"คือศัตรู มีโอกาส จ้องปฏิรูป

ชัดเจน! "วัฒนา"เห็น "กองทัพ"คือศัตรู มีโอกาส จ้องปฏิรูป

เปิดประเด็นร้อนอีกแล้ว  สำหรับนายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย เมื่อได้เปิดเผยว่า ถึงแนวความคิดปฏิรูป โดยได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Watana Muangsook" วิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับกองทัพ โดยระบุว่า “หน้าที่ของกองทัพคือ การเตรียมกำลังและใช้กำลังเพื่อป้องกันภัยคุกคามต่อราชอาณาจักรซึ่งสอดคล้องกับชื่อภาษาอังกฤษของกระทรวงกลาโหม คือ "Ministry of Defense" อันหมายถึงการป้องกัน แต่ทุกครั้งที่มีการรัฐประหาร กระทรวงกลาโหมจะถูกขยายอำนาจ จนล่าสุดถึงขั้นมีอำนาจหน้าที่ในการพัฒนาประเทศ การป้องกันและแก้ไขปัญหาจากภัยพิบัติทั้งที่มีหน่วยงานอื่นรับผิดชอบอยู่แล้ว เพื่อเป็นข้ออ้างในการเพิ่มงบประมาณและขยายกำลังพล

ปัจจุบันกองทัพ มีกำลังประจำการประมาณ 335,000 นาย เมื่อรวมกับทหารเกณฑ์ปีนี้ที่สูงกว่า 100,000 นาย ทำให้มีกำลังประจำการมากถึง 440,000 นาย ซึ่งสูงมากเมื่อเทียบกับมหาอำนาจที่มีขนาดและประชากรใกล้เคียงกัน เช่น กำลังประจำการของสหราชอาณาจักร 150,000 คน ฝรั่งเศส 215,000 คน หรือเยอรมัน 180,000 คน ยิ่งเมื่อคำนึงถึงหน้าที่ของกองทัพคือการ "ป้องกัน" ไม่ใช่ "รุกราน" รวมถึงภูมิรัฐศาสตร์ของประเทศที่ตั้งอยู่ท่ามกลางมิตรประเทศได้แก่ ลาว กัมพูชา มาเลเซีย และเมียนมาร์ ซึ่งรวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียวคือ "ประชาคมอาเซียน" ดังนั้น การมีกำลังพลจำนวนมากจึงเกินความจำเป็นและเป็นภาระแก่งบประมาณ

 

นับจากการรัฐประหารในปี 2549 งบประมาณกระทรวงกลาโหมถูกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก 85,000 ล้านบาท ในปี 2549 เพิ่มเป็น 227,000 ล้านบาท ในปี 2562 หรือเพิ่มขึ้นถึง 167% งบประมาณจำนวนมากหมดไปกับการเพิ่มกำลังพลและการซื้ออาวุธที่ไม่สอดคล้องกับภารกิจและภัยคุกคาม เช่น การจัดซื้อเรือดำน้ำที่ยังไม่จำเป็นแต่กลับซื้อมาถึง 3 ลำ ดังนั้น ภารกิจเร่งด่วนหลังการเลือกตั้งคือการปฏิรูปกองทัพให้มีขนาดที่เหมาะสม มีความทันสมัยและมีขีดความสามารถต่อการป้องกันภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ให้เป็นกองทัพของประชาชนที่ปฏิบัติหน้าที่ตรงตามภารกิจ ไม่ช้ำซ้อน และไม่ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองจนกองทัพกลายเป็นภัยคุกคามเสียเอง

นับจากการรัฐประหารในปี 2549 งบประมาณกระทรวงกลาโหมถูกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก 85,000 ล้านบาท ในปี 2549 เพิ่มเป็น 227,000 ล้านบาท ในปี 2562 หรือเพิ่มขึ้นถึง 167% งบประมาณจำนวนมากหมดไปกับการเพิ่มกำลังพลและการซื้ออาวุธที่ไม่สอดคล้องกับภารกิจและภัยคุกคาม เช่น การจัดซื้อเรือดำน้ำที่ยังไม่จำเป็นแต่กลับซื้อมาถึง 3 ลำ ดังนั้น ภารกิจเร่งด่วนหลังการเลือกตั้งคือการปฏิรูปกองทัพให้มีขนาดที่เหมาะสม มีความทันสมัยและมีขีดความสามารถต่อการป้องกันภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ให้เป็นกองทัพของประชาชนที่ปฏิบัติหน้าที่ตรงตามภารกิจ ไม่ช้ำซ้อน และไม่ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองจนกองทัพกลายเป็นภัยคุกคามเสียเอง

 

ชัดเจน! "วัฒนา"เห็น "กองทัพ"คือศัตรู มีโอกาส จ้องปฏิรูป

 

ในวันนี้เป็นที่ชัดแล้วว่านายวัฒนาเอากองทัพเป็นเป้าหมาย  หลังจากระบอบทักษิณ นายวัฒา บูชาอยู่นั้นถูกกองทัพรัฐประหารโดยกองทัพมาแล้ว และนี่น่าจะเป็นเหตุถึงความอาฆาตแค้นที่เกิดขึ้น

 

นอกจากนี้แนวคิดดังกล่าว นายวัฒนา ได้พยายามสื่อสาร เผยแพร่อยู่สม่ำเสมอ ก่อนหน้านี้เคยออกมาตำหนิรัฐบาลทหาร โดอ้างว่าใช้กองทัพกดหัวประชาชน เห็นได้ชัดจากการแก้กฎหมายยกระดับ และเพิ่มอำนาจ กอ.รมน.ให้มีเพิ่มขึ้น เพียงหวังกรุยทางต่อการสืบทอดอำนาจ ทั้งนี้ นายวัฒนายังท้าให้รัฐบาลรีบจัดการเลือกตั้ง เพราะอ้างว่า ประชาชนจะไม่เลือกพวกที่กดขี่และปล้นอำนาจ ให้เข้ามาบริหารประเทศอย่างแน่นอน

 

ดังนั้นภายหลังการเลือกตั้งเกิดขึ้นแล้วพรรคเพื่อไทย หรือนายวัฒนากลับคืนสู่อำนาจขึ้นมาในการที่จะเปลี่ยนแปลง  ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าจับตาต่อไปว่าทางกองทัพจะว่าอย่างไร