“อภิสิทธ์” ซัด แก้”ไพรมารี่” เอื้อผู้มีอำนาจ -จับตา “บิ๊กตู่”ประกาศท่าทีทางการเมือง

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวภายหลังจาก นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35  ยื่นหนังสือ เพื่อให้กำลังใจในการผลักดันอนุสรณ์สถานพฤษภา 2535

 

ว่าการที่จะไม่ทำให้ประเทศไทยเกิดวิกฤตทางการเมืองเหมือนในอดีตทุกฝ่ายต้องช่วยกันทำให้การเลือกตั้งมีความบริสุทธิ์ยุติธรรม เพื่อให้ได้ประชาธิปไตยที่เป็นมาตรฐานขณะที่ผู้มีอำนาจต้องไม่ใช้อำนาจไปในทางที่ไม่ชอบ การเอาเปรียบ

 

ส่วนกกต.ก็ต้องทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง ในการแก้ปัญหาการซื้อสิทธิ์ขายเสียง ปล่อยข่าวเท็จใส่ร้ายกัน ต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ ขณะเดียวกันแม้รัฐธรรมนูญจะกำหนดให้สวมีส่วนเรื่องนายกรัฐมนตรีแต่พรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้แสดงจุดยืนมาตลอดว่าให้ส.ว.เคารพเสียงของประชาชน ที่ได้ทำการเลือกตั้ง ซึ่งพรรคการเมืองใดที่รวบรวมเสียงได้เกินครึ่งหนึ่งของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก็ควรที่จะได้จัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเป็นไปตามหลักการของประชาธิปไตยสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของประชาชน ในการต่อสู้เมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2535

 

สำหรับจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ ต่อการสนับสนุนหรือไม่สนับสนุนเผด็จการนั้น พรรคประชาธิปัตย์มีจุดยืนชัดเจน ในการเสนอต่อประชาชน ว่ายึดหลักประชาธิปไตย การกระจายอำนาจการวางบทบาทของรัฐที่เหมาะสม ในวิถีของประชาธิปไตยแบบเสรีนิยม หากใครที่ไม่ได้มีแนวคิด ตรงกันในจุดนี้ พรรคประชาธิปัตย์ก็จะไม่ไปร่วม

 

“อภิสิทธ์” ซัด แก้”ไพรมารี่” เอื้อผู้มีอำนาจ -จับตา “บิ๊กตู่”ประกาศท่าทีทางการเมือง

 

ส่วนกรณีที่กำลังจะมีการคลายล็อกทางการเมืองโดยใช้มาตรา 44  หลังจากมีกฎหมายลูกส.ส.และส.ว.ประกาศใช้ นายอภิสิทธิ์ระบุว่าทางพรรคได้เตรียมตัวเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายอยู่แล้ว เมื่อมีการคลายล็อกพรรคประชาธิปัตย์จะเร่งประชุมพรรคทันที แต่ขณะนี้ทราบว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายอีก ซึ่งหากเปิดให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมทางการเมืองและปฏิบัติตามกฎหมายได้ ก็เป็นการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองอยู่แล้ว จึงแปลกใจว่าทำไมจะต้องมีการแก้ไข กฎหมายบางข้ออีก 

 

ส่วนการทำไพรมารีโหวตที่รัฐบาลเตรียมงดเว้นบางข้อนั้น รัฐบาลควรพูดความจริงกับประชาชน เพราะการหยั่งเสียงแบบไพรมารีโหวต ไม่ใช่ลักษณะเดียวกับที่จะไปบอกว่าคณะกรรมการบริหารพรรคหรือคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครส.ส. ได้ไปรับฟังความคิดเห็นจากสมาชิก เพราะบทบัญญัตินี้รัฐธรรมนูญปี 2550 ก็มี ก็ไม่เห็นว่าจะมีใครเรียกว่าไพรมารีโหวต

 

ดังนั้นการจะทำอะไรจึงควรให้ความจริงกับประชาชน ถ้าไม่อยากทำหรือไม่พร้อมที่จะทำก็ขอให้พูดตรงๆ เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความสับสน  แต่ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่ผู้มีอำนาจทำแต่เดิมบอกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงและปฏิรูประบบต่างๆให้ดีขึ้น และหลายครั้งแสดงความรังเกียจแนวทางแบบเดิม แต่ตอนนี้กลับจะมาทำรูปแบบเดิม แสดงให้เห็นว่าผู้มีอำนาจในปัจจุบันอยากเปลี่ยนสภาพ จากกรรมการมาเป็นผู้เล่น  พร้อมตั้งคำถามว่ากติกาไพรมารีโหวตจะเป็นอุปสรรคต่อการดูดทำให้การดูด ส.ส. ไม่สะดวก ใช่หรือไม่ 

 

เพราะไปรับปากใครไว้ก็ต้องมาผ่านกระบวนการไพรมารีโหวต ไปแอบตกลงว่าเดี๋ยวช่วงท้ายให้ทำแบบนั้นแบบนี้สุดท้ายก็ทำไม่ได้ เพราะผู้สมัครส.ส.ต้องผ่านกระบวนการ ไพรมารีโหวตก่อน ถึงจะลงรับสมัครรับเลือกตั้งได้ พร้อมย้ำว่า ปัญหากฎหมายวันนี้มีเพียงข้อเดียวและเกิดจากความผิดพลาดของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือสนช. ควรให้ กกต.สามารถแข่งเขตเลือกตั้งได้โดยเร็วเพราะจะสามารถทำให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมทางการเมืองได้ซึ่งทุกอย่างก็จะเดินหน้าได้

 

“อภิสิทธ์” ซัด แก้”ไพรมารี่” เอื้อผู้มีอำนาจ -จับตา “บิ๊กตู่”ประกาศท่าทีทางการเมือง

 

นายอภิสิทธิ์ระบุว่า ที่ผ่านมามีการแก้ไขกฎหมายพรรคการเมืองทั้งที่ประกาศใช้ไปแล้ว อย่างเรื่องผู้ตรวจการเลือกตั้งที่มีการเขียนขึ้นมา แล้วอยู่ๆก็จะมีการแก้ไข และตอนนี้ก็ยังจะมีเรื่องการมาแก้ไขเรื่องไพรมารีโหวตอีก สะท้อนให้เห็นว่าไม่มีจุดยืนในหลักการ เขียนเองแก้เอง  แม้กระทั่งมาตรา 44 ก็ขัด ขัดแย้งกันเอง การแก้ปัญหาจึงอยากให้พิจารณาตามหลักความเป็นจริงหากนำเรื่องได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมืองเข้ามาก็จะทำให้การแก้ปัญหานั้นยาก ส่วนความไม่แน่นอนของเรื่องกติกา ก็เป็นอีกหนึ่งปัญหา หากจะเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาได้ต้องทำให้การเลือกตั้ง เสรีเป็นธรรมและได้รับการยอมรับจากประชาชน

 

ทั้งนี้ตัวเองก็จะจับตาการประกาศท่าทีทางการเมืองของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่จะประกาศความชัดเจนในเดือนกันยายนนี้

 

ส่วนความได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมืองจะเกิดขึ้นหรือไม่เพราะรัฐบาลปัจจุบันมีแนวโน้มว่าจะไปเล่นการเมือง ยังทำหน้าที่อยู่ นั้น มองว่าแตกต่างกัน เพราะรัฐธรรมนูญเขียนไว้ต่างกัน โดยรัฐธรรมนูญเขียนว่าทันทีที่มีการเลือกตั้งจะมีการจำกัดอำนาจของรัฐมนตรี แต่ในบทเฉพาะกาลไม่ได้นำเรื่องดังกล่าวมาใช้กับรัฐบาลชุดนี้ โดยให้เหตุผลว่า หากใครอยากลงสมัครส.ส.จะต้องลาออกภายหลังจากที่รัฐธรรมนูญประกาศใช้ นั่นคือเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญซึ่งไม่สามารถแปลความเป็นอย่างอื่นได้

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ามีโอกาสที่พรรคประชาธิปัตย์จะจับมือกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่นายอภิสิทธิ์ระบุว่าจับทำไม และปฏิเสธให้สัมภาษณ์ต่อ