"กิตติธัช"จับโกหกเพจเสื้อแดงและ Voice TV วาทกรรมบิดเบือน งบประมาณ"กลาโหม"!

“จับโกหกเพจเสื้อแดงและ Voice TV และทำลายมายาคติและวาทกรรมบิดเบือนเรื่องงบประมาณประจำปีในเพจการเมือง”

นายกิตติธัช ชัยประสิทธิ์ อาจารย์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊ค "Kittitouch Chaiprasith" ชำแหละ ขบวนการบิดเบือนข่าวสาร โดยเฉพาะการหยิบยกขยายประเด็นงบประมาณ กระทรวงกลาโหม ว่า"สูงลิบลิ่ว" ในหัวข้อ “จับโกหกเพจเสื้อแดงและ Voice TV และทำลายมายาคติและวาทกรรมบิดเบือนเรื่องงบประมาณประจำปีในเพจการเมือง”

- พอดีวันนี้เห็นมีการแชร์ข้อมูลบิดเบือน จากเพจ #ไขลานความคิด ซึ่งเป็นเพจการเมืองของทางฝั่งเสื้อแดง (ที่พยายามทำให้ดูดีและมีข้อมูล-หลักการ)

- ทำให้ผมนึกถึงเรื่องที่เคยจะหาข้อมูลไว้ และจะเขียนอธิบายในโพสท์เป็นปีๆ แล้ว แต่ก็วุ่นๆ + ลืมเลยยังไม่ได้เขียนเสียที แต่พอเห็นการบิดเบือนเช่นนี้ ก็รู้สึกว่าคงต้องหยิบมาเขียนได้แล้ว

- ประเด็นคือ เพจเสื้อแดงเพจนี้ ได้จับกระแสการเมืองช่วงนี้ ที่ฝั่งเสื้อแดงและกลุ่มลัทธิตาสว่างกำลังไม่พอใจ ที่ไอดอลดังอย่าง เณอปราง หรือ ณเดชน์ แพนเค้ก และอื่นๆ ไปโปรโมตโครงการของรัฐบาล

- จึงได้ลงข้อความเสียดสีว่างบศึกษาธิการลดลง (4%) แล้วทำไมงบกลาโหม-มั่นคงเพิ่มขึ้นถึง 20-21%

 

"กิตติธัช"จับโกหกเพจเสื้อแดงและ Voice TV วาทกรรมบิดเบือน งบประมาณ"กลาโหม"!

 

1. บิดเบือนจาก 2% เป็น 20%

- ในขณะที่ความจริง งบกระทรวงกลาโหมปี 2562 นั้นอยู่ที่ 227,671 ล้านบาท เพิ่มมาจากปี 2561 ซึ่งอยู่ที่ 222,436 ล้านบาท หรือเพิ่มมาเพียงแค่ 2%!!!

- ไม่ใช่ 20-21% แบบที่เพจไขลานความคิดภาพบิดเบือน ซึ่งเพจนี้ใช้ข้อมูลโดยอ้างจากรายการ Wake Up Thailand ของช่อง Voice TV ของตระกูลชินวัตร ซึ่งบิดเบือนข้อเท็จริงอย่างน่ารังเกียจ

- ในคลิปรายการของ Voice TV นายชูวัส ฤกษ์ศิริสุข บก.เว็บไซต์ประชาไท ซึ่งเป็นพิธีกรในรายการ ได้พูดไว้ชัดเจนในนาทีที่ 3.20 ว่างบกลาโหม #เพิ่มมาหลักสิบ%

- ซึ่งเห็นได้ชัดว่านี่คือการบิดเบือนข่าวสาร และ เข้าข่ายเป็นความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ฯ ที่ให้ข้อมูลอันเป็นเท็จต่อสาธารณะ

https://www.youtube.com/watch?v=qPIH2I1IoPU

https://thaipublica.org/2018/06/prayuth-budgeting-2562/
https://workpointnews.com/

 

2. ความจริงเพียงเสี้ยวเดียว

- โพสท์ที่ผมอยากเขียนมาเป็นปีๆ แล้ว แต่ดองไว้ก็คือ คนไทยจำนวนมาก ตกเป็นเหยื่อของสื่อการเมือง ที่เลือกจะอธิบาย #ความจริงเพียงเสี้ยวเดียวให้คนเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องงบกลาโหมที่เพิ่มมากขึ้น

- เทคนิคหนึ่งของสื่อพวกนี้คือ การรายงานแต่การเพิ่มขึ้นของงบประมาณแต่ละปี เพื่อให้เห็นว่างบกลาโหมเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ แบบน่าเกลียด และเบียดบังงบจากกระทรวงอื่น
........................

- ในขณะที่ความจริงก็คือ งบประมาณประจำปีของประเทศไทยนั้น เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี ตามอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศตลอดเวลา 20 กว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งก็เติบโตมาตลอด

- ไม่ว่าจะรัฐบาลไหน รัฐบาลแดง ฟ้า ทหาร เลือกตั้ง ไม่เลือกตั้ง ระบบการเงินการคลัง การบริหารประเทศโดยหลัก คนที่ทำงานคือข้าราชการและปลัดในกระทรวง ส่วนนักการเมืองมาเพียงคอยกำกับและตัดสินใจลงนามเท่านั้น

- เช่น แผนพัฒนาคมนาคม 4 ล้านล้านของเรา ที่พรรคฟ้า พรรคแดง พรรคทหาร เอามาโชว์ มันก็ชงมาจากกระทรวงคมนาคมและสภาพัฒน์ทั้งนั้น แต่รัฐบาลแต่ละยุคชอบเอามาโม้เป็นผลงานตัวเอง ประหนึ่งว่า "ถ้าไม่มีพวกข้าแล้วประเทศนี้จะทำงานไม่ได้" (ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ใช่คนทำงานหลักจริงๆ เลย)

 

3. งบเพิ่มไปพร้อมกับ GDP

- จะเห็นว่างบประมาณประจำปีของประเทศไทยปี 2540 เรายังมีแค่ 9.4 แสนล้านเท่านั้น ในขณะที่ปัจจุบันเรามีงบประมาณถึง 2.9-3 ล้านล้าน ตาม GDP ที่เรามีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

- จากปี 2540-41 ที่เรามี GDP อยู่แค่ 113,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ พอมาถึงปี 2016 เรามี GDP อยู่ที่ 406,800 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 4 เท่าจากในอดีตเมื่อ 20 ปีที่แล้ว หรือง่ายๆ ก็คือเศรษฐกิจของประเทศไทยขยายตัวมากทุกปีๆ

(และไม่เกี่ยวกับการโม้และมาเคลมผลงานของนักการเมือง แต่เป็นเพราะภาคเอกชนทุกฝ่าย และการกำกับดูแลของรัฐ ที่ทำให้ประเทศขยับตัวขึ้น จนเรามั่งคั่งขึ้น จนติดกับดักรายได้ปานกลางแล้ว...)

 

4. ดูงบประมาณต้องดูที่ %

- งบหนึ่งที่สื่อการเมืองเอามาเล่าความจริงเพียงเสี้ยวเดียว เพื่อใช้ปลุกปั่นมากที่สุดก็คือ #งบกลาโหม ซึ่งการเอาตัวเลขที่เพิ่มทุกปีมาให้มวลชนดู โดยไม่บอกว่างบทุกกระทรวงมันก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศเช่นกัน

#นั่นคือเทคนิคที่พวกเขาใช้กัน

- ทีนี้เรามาดูกันว่า งบกลาโหมประเทศไทยนั้น "มหาศาล" แบบที่สื่อและพวกนักบิดเบือนเพื่อประโยชน์ทางการเมืองเหล่านี้พล่ามมานั้น มีรายละเอียดอย่างไร
.......................

- อ้างอิงข้อมูลจากธนาคารโลก (World Bank) ตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมาประเทศไทย คงระดับงบประมาณกลาโหมต่อ GDP อยู่ที่ 1.2-1.5 มาตลอด ช่วงปี 2004-2005 จะต่ำสุดอยู่ที่ราว 1.1 จากนั้นก็กลับค่อยๆ มาคงระดับที่ 1.5 ในปี 2008 และ 1.7 ในปี 2009

- แล้วก็กลับลงมารักษาระดับอยู่ที่ 1.4% ต่อ GDP ตั้งแต่ปี 2010 มาจนถึงปัจจุบัน (8 ปี) ซึ่งคาดว่าเป็นระดับที่ทางรัฐมองแล้วว่าสมเหตุผล

https://data.worldbank.org/indicator/MS.MIL.XPND.GD.ZS

 

5. งบ 1.4% แล้วประเทศอื่นละ?

- คำถามที่ตามมาก็คือ แล้ว 1.4% ต่อ GDP นั้นสูงมากไหม? ประเทศไทยบ้าคลั่งซื้ออาวุธและกำลังทหาร แบบที่สื่อ/เพจการเมืองเอาไปแชร์ต่อกันจริงไหม?

- โอเคครับ...เรามาดูกันว่าระดับง[กลาโหมต่อ GDP ของประเทศอื่นเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งผมทำมาเปรียบเทียบให้เห็นทั้งที่เทียบกับในระดับภูมิภาค ASEAN เทียบกับ ASIA เทียบกับ EU (และประเทศแสกนดิเนเวียนที่เราชอบยกยอกัน) เพื่อให้เห็นกันชัดๆ

A. เทียบกับระดับ ASEAN

- สิงคโปร์ 3.2% 
- บรูไน 2.9% 
- พม่า 2.5% 
- เวียดนาม 2.3%
- กัมพูชา 2.1%
- ไทย 1.4%
- มาเลย์ 1.1%

(มาเลย์ปกติจะอยู่ใกล้กับไทย คือ 1.4% และรักษาระดับมาเกือบ 10 ปีแต่ปีที่แล้วลดมาเหลือแค่ 1.1 อาจเพราะปัญหาหนี้สินที่มากขึ้น)

B. เทียบกับระดับยุโรป (ผมจะเอาประเทศที่คนไทยรู้จัก ซึ่งเป็นยุโรปตะวันตกกับแสกนดิเนเวียละกันนะครับ)

- ฝรั่งเศส 2.2%
- อังกฤษ 1.8%
- โปรตุเกส 1.7%
- นอร์เวย์ 1.7%
- ฟินแลนด์ 1.4%
- สเปน 1.2%
- เดนมาร์ก 1.2%
- เยอรมัน 1.2%
- สวีเดน 1.0%

ทั้งนี้ยุโรปโดยรวมจะค่อนข้างมีการสวิงขึ้นลง ตามการเมืองในภูมิภาค แต่โดยเฉลี่ยยุโรปจะอยู่ที่ราว 1.2-1.7% ยกเว้นฝรั่งเศสที่สูงกว่าประเทศอื่น คือ 2%+ และอังกฤษที่แตะระดับ 2%

C. เทียบในระดับเอเชียตะวันออก

- เกาหลีใต้ 2.6%
- อินเดีย 2.5%
- จีน 1.9%
- ญี่ปุ่น 0.9%

(ญี่ปุ่นโดนบีบโดยรัฐธรรมนูญจากสมัยแพ้สงครามโลก ให้เป็นที่ตั้งฐานทัพอเมริกา และถูกบีบให้ลดขนาดกองทัพ แต่ให้ต้องจ่ายค่าบำรุงให้กับกองทัพอเมริกาที่ตั้งอยู่ในญี่ปุ่นแทน โดยจ่ายสูงถึง 5.5 พันล้านเหรียญ หรือ 1.8 แสนล้านบาท

ส่วนอเมริกาก็ชอบ เพราะนอกจากมีเงินสนับสนุนแล้ว ตัวเองยังได้ตั้งฐานทัพและคงอิทธิพลทางอาวุธในประเทศแถบเอเชีย (จ่อขีปนาวุธเข้าจีน เกาหลี และรัสเซีย)

*** เป็นอย่างไรบ้างครับ งบประมาณกลาโหมไทย "สูงลิบลิ่ว" แบบที่เอาไปบิดเบือนด้วยการเล่าความจริงเพียงเสี้ยวเดียวกันบ้างไหม?

*** ในขณะที่ประเทศไทยรักษางบกลาโหมแตะระดับที่เกือบต่ำสุดในอาเซียน และระดับเดียวกับประเทศในยุโรป โดยเฉพาะแถบแสกนดิเนเวีย ที่คนไทยชอบยกยอกันนั่นแหละ

(มีแค่ฝรั่งเศสกับอังกฤษที่มันใช้งบเยอะถึง 2-2.2-2.5%)

และนี่ยังไม่รวมงบประมาณที่รัฐบาลพวกนี้ต้องเจียดเงินมาลงกับกองทัพของ EU ที่เป็นกองกำลังกลางด้วยนะครับ

- เพิ่มเติมนิดนะครับ ถ้าใครสังเกตตัวเลขงบประมาณประจำปีทุกปี จะพบว่า การจัดงบกลาโหมของประเทศไทย จะจัดไว้ระดับใกล้เคียงกับ "งบการคลัง" เสมอ บางปีแทบจะตัวเลขเดียวกัน บางปีต่างกันหลักพันล้าน (จากยอดหลักแสนล้าน)

อันนี้ไม่ทราบว่าเป็นแนวคิดเรื่องการจัดงบประมาณให้สมดุลระหว่างการคลังกับการทหารหรือไม่ (คงต้องให้ผู้เชี่ยวชาญหรือคนในกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมาตอบเอง)

 

 

6. วิธีดูการเพิ่ม-ลดงบประมาณ

- เวลาที่เราจะดูว่างบเพิ่มมากน้อย ให้คิดเป็น % จาก GDP หรือจากงบประมาณทั้งหมด ไม่ใช่เอาตัวเลขมาดูกระทรวงเดียว เพราะประเทศเราเติบโตทางเศรษฐกิจขึ้นทุกปี + อัตราเงินเฟ้อ

- ดังนั้นงบประมาณมันก็เพิ่มตามสัดส่วนไปทุกปีนั่นแหละครับ และเป็นทุกกระทรวงด้วย ยกเว้นว่าถ้าบางกระทรวงมีการปรับลด นั่นก็แสดงว่ามีนัยยะสำคัญ

- ซึ่งต้องมาดูกันต่อว่า การปรับลดนั้น เอางบไปเพิ่มที่กระทรวงหรือหน่วยงานไหน แต่ทั้งนี้ดูตัวเลขดิบไม่ได้ เพราะทุกปีงบแต่ละกระทรวงก็เพิ่มขึ้น
 

*** ดังนั้นวิธีการคือต้อง เอางบที่เพิ่ม-ลด หักออกจากงบกระทรวงที่เพิ่มตามสัดส่วนของงบประมาณประจำปี (ที่ขยายตัวตามเศรษฐกิจ+อัตราเงินเฟ้อ) จึงจะรู้ว่ากระทรวงไหนที่ได้งบจากกระทรวงที่ลดลงไป

- อย่างปี 2562 นี่ยิ่งสวนทางจากปกติเลย เพราะปกติงบกลาโหมจะเพิ่มมากปีละประมาณ 3.4-3.6% ตามอัตราเงินเฟ้อและการขยายตัวเศรษฐกิจ เพื่อรักษาระดับที่ 1.4% ต่อ GDP และ 7.2-7.5 ต่องบทั้งหมด

- แต่ปี 62 งบกลาโหมเพิ่มขึ้นมาแค่ 5000 ล้าน หรือ 2.5% ซึ่งถือว่าน้อยกว่าสัดส่วนปกติตามการเพิ่มของอัตราเงินเฟ้อเสียด้วยซ้ำ

https://thaipublica.org/2018/06/prayuth-budgeting-2562/
https://prachatai.com/journal/2018/06/77336

*** ดังนั้นตัดเรื่องวาทกรรม "เอางบการศึกษาออก แล้วไปเพิ่มกลาโหม" ออกได้เลย 

- ส่วนใครที่ยังคงบิดเบือนอยู่ ก็ขอให้เข้าใจว่า เขามองว่ามวลชนของเขานั้นโง่เขลาเกินกว่าจะรู้ทันการบิดเบือนของพวกเขา และคนพวกนี้มวลชนของเขาไม่ได้ให้เกียรติต่อมวลชนผู้รับสารของเขาเลยแม้แต่น้อย

(แต่ดันพล่าม "คนเท่ากันๆๆๆๆ" เช้ากลางวันเย็น แต่พฤติกรรมสวนทางกับความจริงเลยที่ไม่เคยเคารพและให้เกียรติคนในสังคมที่เสพข้อมูลจากการบิดเบือนของพวกเขาเลย)

หมายเหตุ: ถ้าเมื่อไรงบกลาโหมมันพุ่งทะยานขึ้นมา ค่อยมาโวยวายครับ เดี๋ยวผมจะช่วยโวยด้วย แต่ทุกวันนี้มันไม่ใช่ มันเป็นเพียงการบิดเบือนและเล่าความจริงเสี้ยวเดียวของสื่อและกลุ่มการเมืองทั้งนั้น

 

7. งบกลางสูงสุดเป็นประวัติการณ์?

- หลายคนยังสงสัย แล้วงบศึกษาที่ลดลง เอาไปแปะเพิ่มตรงไหน?

- ถ้าเรานำตัวเลขมาดู เราจะพบว่าปี 2562 ส่วนที่ได้งบไปแปะเพิ่มมากที่สุดในปี 2562 คือ "งบกลาง" และ "คมนาคม" โดยงบกลางเพิ่มขึ้นถึง 47,848 ล้านบาท และคมนาคมที่เพิ่มมา 14,964 ล้านบาท ซึ่งอันนี้คือเพิ่มอย่างมีนัยยะ และน่าจะเป็นการโยกงบของกระทรวงศึกษามาลงที่จุดนี้

- ทีนี้มาทำความเข้าใจกันว่า "งบกลาง" มีไว้ทำอะไร งบกลางคือ งบที่รัฐบาลเอามาใช้บริหารจัดการนอกเหนือจากค่าใช้จ่ายปกติที่แต่ละกระทรวงขอมา

- เช่น เงินอุดหนุนกลุ่มจังหวัด เงินพัฒนากองทุนหมู่บ้าน บรรเทาภัยแล้งเกษตร เยียวยาเกษตรกร พักหนี้ เลื่อนเงินเดือนราชการ งานพระราชพิธี งานต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง เงินใช้จ่ายเพื่อสวัสดิการและโครงการประชานิยม ต่างๆ เป็นต้น

*** และมุมสำคัญที่สื่อการเมือง มักเอามาบิดเบือนก็คือ เรื่อง #งบกลางที่สูงสุดในประวัติการณ์ ในยุคนี้ ซึ่งก็เป็นการบิดเบือนด้วยการ "เล่าความจริงเสี้ยวเดียว" อีกเช่นกัน

- เพราะเกือบทุกรัฐบาลที่ผ่านมา ก็ล้วนแต่ตั้งงบกลางสูงสุดเป็นประวัติการณ์ทั้งนั้น (ยกเว้นรัฐบาลอภิสิทธิ์+คมช.ที่งบกลางต่ำกว่าสมัยรัฐบาลทักษิณเยอะ) เพราะงบกลางมันก็ขึ้นไปตาม GDP และงบประมาณประจำปีของประเทศที่ขยายตัวไปเรื่อยๆ 

*** วิธีการดูงบกลาง ก็เช่นเดียวกับงบอื่นๆ คือ ต้องดูเป็น % จากงบประมาณทั้งหมด ซึ่งจะเห็นได้ว่า งบกลางที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์คือ สมัยทักษิณ งบกลางปี 2547 อยู่ที่ 22.8% ของงบประมาณทั้งหมด ปี 2548 อยู่ที่ 20%

*** รัฐบาลยิ่งลักษณ์จัดงบกลางอยู่ที่ 17% ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน ถ้ามองแต่ตัวเลข แต่ถ้ามองสัดส่วนแล้ว ยังต่ำกว่ารัฐบาลทักษิณ ที่จัดงบกลางสูงสุดในประวัติการณ์ของจริง คือ 20-22.8%

*** ส่วนรัฐบาลปัจจุบันจัดงบกลางปี 2561 อยู๋ที่ 13% และปี 2561 อยู่ที่ 16% ซึ่งยังต่ำกว่าสัดส่วนงบประมาณของรัฐบาลยิ่งลักษณ์เสียอีก (และไม่ต้องเทียบกับรัฐบาลทักษิณที่สูงสุดในประวัติการณ์)

 

บทส่งท้าย

*** สิ่งที่ผมอยากจะทิ้งท้ายไว้ก็คือ #การวิพากษ์วิจารณ์การจัดสรรงบและการใช้งบประมาณนั้นทำได้ เพราะเงินต่างๆ ล้วนมาจากภาษีของประชาชน+การลงทุนของรัฐ (ที่ทำหน้าที่บริหารแทนประชาชน)

แต่ทุกการวิพากษ์วิจารณ์ต้องอยู่บนพื้นฐาน #ข้อมูลเชิงประจักษ์ มิใช่การบิดเบือนตัวเลข หรือเล่าความจริงเสี้ยวเดียว เพื่อให้เกิดความเข้าใจผิด และเอาไปหลอกมวลชนในทางการเมือง!!!

*** หมายเหตุ: ทิ้งท้ายไว้ให้สักนิดนะครับ เผื่อใครไม่ทราบ ว่ารัฐบาลปัจจุบันนี้ ลงงบพัฒนากลุ่มจังหวัดเยอะที่สุดในประวัติการณ์ของจริง และเยอะกว่าอัตราเงินเฟ้อมากเลย!!

จากปี 2558 มาถึงปี 2562 รัฐเพิ่มเงินดังนี้

- อีสานเพิ่มจาก 64,698 หมื่นล้าน ในปี 2558 มาเป็น 113,480 ล้าน ในปี 2562 (เพิ่มมา 48,782 หรือ 75%)

- เหนือเพิ่มจาก 58,903 ล้าน ในปี 2558 มาเป็น 78,144 ล้าน ในปี 2562 (เพิ่มมา 20,000 ล้าน หรือ 34%)

- กลางเพิ่มจาก 43,478 ล้าน ในปี 2558 มาเป็น 94,562 ล้าน ในปี 2562 (เพิ่มมา 41,000 ล้าน หรือ 94%)

- ตะวันออกเพิ่มจาก 26,747 ล้าน ในปี 2558 มาเป็น 54,658 ล้าน ในปี 2562 (เพิ่มมา 27,911 ล้าน หรือ 104%)

- ใต้เพิ่มจาก 39,207 ล้าน ในปี 2558 มาเป็น 70,708 ล้าน ในปี 2562 (เพิ่มมา 31,501 ล้าน หรือ 80%)

https://thaipublica.org/2018/06/prayuth-budgeting-2562/

อันนี้แหละครับที่เพิ่มขึ้นมาของจริง แบบมีนัยยะ ไม่ใช่เพิ่มตามอัตราเงินเฟ้อหรือตามขนาดเศรษฐกิจ!!!

 

อ้างอิง .FB  Kittitouch Chaiprasith
https://www.facebook.com/kittitouch.chaiprasith/posts/1973471379383678

 

ขอบคุณ  Kittitouch Chaiprasith