ฟัง DSI พูดแล้วเสียวแทน! DSI ยันสอบเพิ่มคดี"โอ๊ค-ฟอกเงิน" เสร็จแล้ว ย้ำหลักฐานแน่นพอฟ้อง"ลูกชายนายใหญ่" แน่

แหย่ไปแล้วครึ่งขา! DSI ยันสอบเพิ่มคดี "โอ๊ค-ฟอกเงิน" ตามที่อัยการต้องการเสร็จแล้ว ยันหลักฐานแน่นหนาพอที่จะสั่งฟ้องผู้ต้องหาแน่

 

แหย่ไปแล้วครึ่งขา! DSI ยันสอบเพิ่มคดี "โอ๊ค-ฟอกเงิน" ตามที่อัยการต้องการเสร็จแล้ว ยันหลักฐานแน่นหนาพอที่จะสั่งฟ้องผู้ต้องหาแน่

 

วันนี้ (9 ก.ย.)  มีรายงานจาก แหล่งข่าวจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ  DSIเปิดเผยถึงความคืบหน้าการสอบสวนเพิ่มเติมในคดีฟอกเงินจากการทุจริตอนุมัติปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ให้กับเครือกฤษดามหานคร ซึ่งมีธุรกรรมการเงินจำนวน 26 ล้านบาท และ 10 ล้านบาท เข้าไปยังบัญชีเงินฝากกลุ่มของ "นายพานทองแท้ ชินวัตร" บุตรชายของ "นายทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี กับพวก หลังอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 4 สั่งสอบเพิ่มเติมในหลายประเด็นว่า หลังพนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษฯ ได้สั่งให้ดีเอสไอสอบสวนเพิ่มเติมใน 2 ประเด็น คือ 1 อัยการสอบถามถึงคดีฟอกเงินอื่นๆ จากการทุจริตอนุมัติปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทยให้กับกลุ่มกฤษดาธานนท์ ซึ่งคดีทั้งหมดดีเอสไอได้สรุปสำนวนสั่งฟ้องไปให้อัยการเกือบทั้งหมดแล้ว ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนอีก 2 สำนวน ได้แก่ กรณีนายวิชัย กฤษดาธานนท์ เซ็นเช็คบริจาคให้กับมูลนิธิแห่งหนึ่ง จำนวน 100,000 บาท และกรณีเซ็นเช็คค่าจัดเลี้ยงรุ่นวปอ. ที่บุคคลอื่นสำรองจ่ายไปให้ก่อน จำนวน 200,000 บาท

               

แหล่งข่าวระบุด้วยว่า ส่วนประเด็นที่ 2 อัยการสั่งสอบสวนเพิ่มว่า นายรัชฎา กฤษดาธานนท์ บุตรชายของนายวิชัยได้จดทะเบียนประกอบธุรกิจด้านในบ้าง มีการจัดตั้งบริษัทเพื่อจำหน่ายรถยนต์หรูหรือรถยนต์ซูเปอร์คาร์ บ้างหรือไม่ ซึ่งพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ได้สอบสวนเสร็จแล้ว ในสัปดาห์หน้าจะส่งสำนวนการสอบสวนเพิ่มเติมให้กับอัยการฝ่ายคดีพิเศษ

               

ทั้งนี้ แหล่งข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับคดีดังกล่าวดีเอสไอสรุปสำนวนมีความเห็นสั่งฟ้องนายพานทองแท้ , นางกาญจนาภา หงษ์เหิน เลขานุการส่วนตัวของ คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภริยานายทักษิณ , นายวันชัย หงษ์เหิน สามีของนางกาญจนาภา เป็นผู้ต้องหาในคดีฟอกเงิน ซึ่งดีเอสไอเริ่มต้นสอบสวนตามที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) นำชี้ธุรกรรมการเงิน

 

 

 

นอกจากนี้ ในการสอบสวนคดี มีพนักงานอัยการจากสำนักการสอบสวน ร่วมเป็นคณะพนักงานสอบสวน และยังเชิญพนักงานอัยการจากฝ่ายคดีการฟอกเงิน และตำรวจที่เป็นผู้สอบสวนคดีมาแต่ต้น เข้าร่วมเป็นที่ปรึกษาคดีพิเศษ รวมทั้งเชิญอาจารย์จากมหาวิทยาลัย ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการบัญชี มาเป็นที่ปรึกษาคดีพิเศษด้วย นอกจากนี้พนักงานสอบสวนยังได้สอบปากคำกรรมการ คตส. ไว้เป็นหลักฐานในสำนวนคดี จึงมั่นใจว่าสำนวนคดีที่สอบสวนและมีความเห็นสั่งฟ้อง ดำเนินการด้วยความรอบคอบรัดกุม มีหลักฐานสมบูรณ์เพียงพอที่จะสั่งฟ้องผู้ต้องหา ในส่วนของ นางเกศินี จิปิภพ มารดาของนางกาญจนาภาซึ่งเป็นผู้สูงอายุ ไม่น่าเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด พนักงานสอบสวนก็มีความเห็นสมควรสั่งไม่ฟ้อง

 

อ่าน ทุกข์ลาภ?! ย้อนดูเงินร้อน 10 และ 26 ล้านนี่เอง ทำ "โอ๊ค-คอพาดเขียง" คดีฟอกเงินกรุงไทย แถมส่ออาการหนัก