บุกรังเก่า! "อลงกรณ์" พบ"มาร์ค" หารือกติกาชิงเบอร์ 1 พรรค ระบุเห็นพ้องหลายเรื่อง ยันหากลงชิงชัยจะแถลงปลายเดือน (คลิป)


บุกรังเก่า! "อลงกรณ์  พลบุตร" รองประธาน สปท.  และอดีตรองหัวหน้า ปชป. เข้าพบ "นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" หัวหน้าพรรคฯ คนปัจจุบัน  เพื่อหารือกติกาการชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคฯ ยันเห็นพ้องกันหลายเรื่อง ทั้งการทำไพรมารีโหวต และการดีเบต รวมทั้งการหยั่งเสียงแบบวันแมนวันโหวต  แต่ทั้งหมดต้องหารือกับคณะกรรมการร่วม 3 ฝ่ายก่อน ซึ่งคาดว่าจะประชุมในสุดสัปดาห์นี้ 

 

วันนี้ (25 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่พรรคประชาธิปัตย์ "นายอลงกรณ์ พลบุตร" อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ลาออกไปเป็นรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ หรือ สปท. เข้าพบ "นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อหารือกติกาการชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ที่ยังมีความเห็นแตกต่างกัน 

 

ทั้งนี้ นายอลงกรณ์ ได้หารือ ถึงแนวทางการเมือง อนาคตพรรค อนาคตประเทศ และการทำไพรมารีโหวตหยั่งเสียงให้มีความสมบูรณ์โดยให้สมาชิกพรรคเก่าที่ยังไม่ได้มายืนยันความเป็นสมาชิกพรรค รวมกับสมาชิกที่มายืนยันกว่า 9 หมื่นคน มีสิทธิหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรค ซึ่งตรงกับแนวคิดของนายอภิสิทธิ์ และต้องการให้มีการดีเบตระหว่างผู้สมัครเพื่อให้สมาชิกประกอบการพิจารณาถึงจุดยืน วิสัยทัศน์ นโยบาย และศักยภาพของผู้สมัคร รวมถึงจะต้องชัดเจนสัดส่วนการหยั่งเสียงให้อย่างน้อยสมาชิกต้องลงคะแนนสนับสนุนเกินร้อยละ50 จึงจะเสนอที่ประชุมใหญ่พรรครับรอง


แต่ก่อนที่จะหารืออย่างเป็นทางการ นายอลงกรณ์ได้เข้าร่วมพูดคุยกับสภากาแฟของพรรคซึ่งมีทุกวันอังคารอยู่แล้ว โดยเป็นการพูดคุยถามทุกข์สุขโดยมีอดีต ส.ส.หลายคน อาทิ นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรค  นายเทพไท เสนพงษ์ อดีต ส.ส. นครศรีธรรมราช นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ อดีตส.ส กรุงเทพมหานคร.นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย อดีต ส.ส.ตร้ง  นายเจริญ คันธวงศ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายนิพนธ์ บุญญามณี ผู้ประสานงานสามจังหวัดชายแดนภาคใต้

 

นายอลงกรณ์ เปิดเผยหลังเข้าพบนายอภิสิทธิ์ว่า ตนเองและนายอภิสิทธิ์ มีความเห็นพ้องร่วมกันในการเปิดกว้างให้สมาชิกได้มีส่วนร่วมหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรค และเห็นพ้องว่าต้องมีคณะกรรมการไพรมารี่โหวตที่มาจาก ผู้ท้าชิงทั้ง 3 ฝ่าย เพื่อดูกฎกติกา การหยั่งเสียง 

 

นอกจากนี้ จากการพูดคุยกันยังเห็นพ้องว่า การหยั่งเสียงจะใช้รูปแบบวันแมนวันโหวต  ส่วนเรื่องการดีเบตนายอภิสิทธิ์ ก็เห็นด้วยที่จะต้องให้ผู้ลงสมัครได้ดีเบตแสดงวิสัยทัศน์ เพื่อให้สมาชิกพรรคได้รับรู้  และผลการหยั่งเสียงหากรู้ว่าใครได้คะแนนนำเป็นอันดับหนึ่ง คนอื่นต้องถอนตัวซึ่งนายอภิสิทธิ์ มีแนวโน้มเห็นด้วยกับวิธีนี้ แต่ทั้งหมดก็ต้องหารือกับคณะกรรมการร่วม 3 ฝ่ายก่อน ซึ่งคาดว่าจะประชุมในสุดสัปดาห์นี้  นอกจากนี้ก็ต้องป้องกันไม่ให้มีการเกณฑ์คนมาสมัครสมาชิก เพื่อให้มีสิทธิหยั่งเสียง หากตรวจสอบพบก็ต้องให้ผู้สมัครที่กระทำผิด หมดสิทธิการชิงตำแหน่ง    

 

สำหรับการลงชิงตำแหน่งของตนเองนั้น จะแถลงความชัดเจนอีกครั้งหลังการหารือของ 3 ฝ่ายแล้ว  เพราะวันนี้ยังไม่มีข้อบังคับหรือความชัดเจนเรื่องกติกา รวมถึงคุณสมบัติต่างๆ  ซึ่งตอนนี้ตัวเองมีคุณสมบัติในฐานะที่เคยเป็นอดีตรัฐมนตรี เหลือเพียงการสมัครเป็นสมาชิกพรรค  ทั้งนี้ ข้อเสนอของตัวเองที่เสนอไปหากได้รับการปฏิบัติก็จะลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคแน่นอน เพราะตัวเองมีความตั้งใจ ไม่อย่างนั้นคงไม่กลับมาการเมืองอีกครั้ง

 

ขณะเดียวกัน นายอลงกรณ์ ยังระบุถึงข้อวิจารณ์ที่บอกว่า ตัวเอง ลงสมัคร ส.ส. ไม่ได้ แล้วจะมาลงชิงหัวหน้าพรรคได้อย่างไรว่า ตัวเองตั้งใจมาปฏิรูปพรรค ทำการเมืองแบบใหม่ การเป็นหัวหน้าพรรค รองหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค ไม่จำเป็นต้องไปรวมตัวกันอยู่ในสภาอย่างเดียว  หากตัวเองได้เป็นหัวหน้าพรรคจะมอบหมายรองหัวหน้าพรรคหนึ่งคนดูแลงานกิจการสภา ส่วนรองหัวหน้าอื่นๆ ก็ดูแลเรื่องอื่นๆ ได้  ซึ่งเป็นการบริหารพรรคการเมืองรูปแบบใหม่  และหัวหน้าพรรคจะได้ออกไปหาสมาชิกพบประชาชนได้อย่างเต็มที่  แต่หากตัวเองไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคก็ยังจะเดินหน้าทำเรื่องปฏิรูปพรรคอยู่เหมือนเดิม เพราะพรรคประชาธิปัตย์เป็นสถาบันทางการเมืองที่มีโอกาสชนะการเลือกตั้ง  และหากเดินในแนวทางที่ตัวเองวางไว้ เชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์จะกลับมาพลิกชนะการเลือกตั้งอีกครั้ง