- 27 ก.ย. 2561
เดินหน้าเต็มสูบ "หมอวรงค์" ประกาศเจตนารมย์สู้ศึกชิงหัวหน้า "ปชป." ลุยวาระพลิกโฉมไทยแลนด์
ถือเป็นสีสันทางการเมืองที่ต้องจับตาอีกประเด็นหนึ่ง กับกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์จะเปิดโอกาสให้มีการคัดสรรหัวหน้าพรรคคนไทย โดยการหยั่งเสียงจากสมาชิกและกรรมการบริหารพรรค เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงตามกระบวนการประชาธิปไตย ล่าสุดนายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม ผู้สมัครเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยคณะทีมงานทีมเพื่อนหมอวรงค์ อาทิ นายถาวร เสนเนียม , นายวิทยา แก้วภราดัย และ นายวิชัย ล้ำสุทธิ เป็นต้น เดินทางมายังจังหวัดพิษณุโลก เพื่อบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อนเปิดตัวการลงสมัครเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์อย่างเป็นทางการ
โดยเมื่อเดินทางมาถึง นพ.วรงค์ได้เข้ากราบขอพรพระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จากนั้นเดินทางต่อไปสักการะศาลสมเด็จพระนเรศวร ณ ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราชพระราชวังจันทน์ และ ลานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช โดยการทำพิธีบวงสรวงพร้อมกราบสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มีการถือฤกษ์บวงสรวงเวลา 17.09 น.
โดยมีการพิธีทำแบบพราหมณ์ อัญเชิญเทพยดาและอัญเชิญดวงวิญญาณสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพื่อความศักดิ์สิทธิ์โดยใช้ธูปจำนวน 39 ดอก ซึ่งนายแพทย์วรงค์เป็นคนปักธูปทั้งหมดด้วยตนเอง ก่อนกล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณ เน้นย้ำว่าจะตั้งใจทำงานทางการเมือง โดยการลงสมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะมีขึ้นอย่างเป็นทางการในโอกาสอันใกล้นี้
ทั้งนี้นายแพทย์วรงค์ กล่าวว่า การที่ตนตัดสินใจลงสมัครเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพราะต้องการจะเปลี่ยนแปลงบางสิ่ง ในการทำให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองเพื่อประชาชน แต่มี 2 ข้อที่จะยังคงไว้คือ 1. อุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ และ 2.ความซื่อสัตย์สุจริต และจะทำเพื่อประชาชนต่อไป
ส่วนในเรื่องของ ที่ตนต้องการจะเปลี่ยนแปลงถ้าประชาธิปัตย์คือ 1. ผู้นำพรรค จะต้อง มีภาวะผู้นำ มีความมุ่งมั่นตั้งใจ เกาะติดกัดไม่ปล่อย ซึ่งการมีภาวะผู้นำ ต้องมีมาแต่กำเนิด กล้าคิดกล้าทำกล้าตัดสินใจ 2. ในเรื่องของการเมือง ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยแพ้ใคร แต่ไม่มีนักบริหาร ต้องมีนักบริหารเข้ามา และจะต้องบริหารกันเป็นทีม ซึ่งตนเองรู้ ว่าตนเองรู้อะไร และไม่รู้อะไร จึงต้องมีทีมให้คำแนะนำในเรื่องที่ตนเองไม่รู้ โดยจะเชิญทุกคนมาร่วมงานถึงแม้จะไม่ได้อยู่ในพรรคประชาธิปัตย์ก็ตาม
นอกจากนี้ยังจะต้องสร้างผู้นำในพรรคประชาธิปัตย์ สร้างคนในสาขาพรรค ต่อไปจะต้องมีการกระจายอำนาจ ไปยังประธานสาขา เมื่อรัฐมนตรีลงพื้นที่ประธานสาขา จะต้องยืนเคียงข้างสสถึงรัฐมนตรี ส่วนข้อ 3. ตนมองเห็นว่าประเทศสิงคโปร์และประเทศจีน มีความเจริญก้าวหน้า ในเอเชีย ซึ่งตนคิดว่าประเทศไทยมีศักยภาพเพียงพอ ที่จะพัฒนา ที่จะเจริญก้าวหน้า ให้ทัดเทียมกับสองประเทศข้างต้นได้ แต่จะต้องมีการปราบการโกงอย่างชัดเจน โดยกรณีหากมีนักการเมืองทุจริตโกง ตนยืนยันจะไม่ร่วมมือกับนักการเมืองพวกนี้เด็ดขาด
นอกจากนี้ยังจะต้องสร้างคน โดยเริ่มต้นจากการตั้งเป้าหมาย ด้านการศึกษา ให้มีคนดีและคนเก่งควบคู่กันไป ภายใต้ความหวังไว้ว่าเด็กไทยทุกคนจะต้องพูดได้ 2 ภาษาในอีก 10 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ในเรื่องของการจัดการปัญหากับคนจน มี 3 เรื่องหลัก ๆ จะต้องเร่งทำ ได้แก่ เรื่องทรัพยากรน้ำ เรื่องที่ดินทำกิน รวมถึงราคาพืชผลทางการเกษตร ซึ่งจะต้องมีการพัฒนาองค์ความรู้ เกษตรกร โดยการพัฒนาให้เกิดเกษตรกรสายพันธุ์ใหม่ขึ้น จากนักศึกษาที่เรียนจบทางด้านการเกษตร ซึ่งจะกลับมาพัฒนาด้านการเกษตรให้กับบ้านเกิด เรียกได้ว่าเป็นเกษตรกรสายพันธุ์ใหม่
ส่วนในเรื่องการกระจายอำนาจ ในมุมมมองของตนจะให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด เริ่มต้นจากหัวเมืองใหญ่ ๆ ในรูปของการผลักดันให้เป็นมหานคร ส่วนการจราจรของหัวเมืองหลักๆ จะต้องมีจะต้องมีรถไฟฟ้าเชื่อมต่ออย่างทั่วถึงเพื่อเป็นพื้นฐานในการสร้างประเทศไทยให้มีความเจริญ