“อุตตม” นำทีมยื่นจดตั้ง “พปชร.” มั่นใจส่ง ส.ส. ลงเลือกตั้งครบ 350 เขต - สวน"อภิสิทธิ์" มั่นใจไม่ใช่จุดเสื่อม

เปิดตัวอย่างเป็นทางการแทบจะเกือบทุกพรรคแล้ว โดญเฉพาะพรรคที่ประชาชนชมมากที่สุดพรรคหนึ่ง นั้นก็คือ “พลังประชารัฐ(พปชร.)”  ที่ทั้ง4 รัฐมนตรี ที่ประชุมพรรคได้คัดเลือก ดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม  เป็นหัวหน้าพรรค, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์. เป็นเลขาธิการพรรค ,

 

ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์   รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นรองหัวหน้าพรรค และ ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล    รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็น โฆษกพรรค และกรรมการบริหารพรรค เพื่อนำทัพพรรคพลังประชารัฐ สู้ศึกเลือกตั้ง ส.ส. ที่คาดว่าจะมีขึ้นในปี 2562 และล่าสุด “ดร.อุตตม” ในฐานะว่าที่หัวหน้าพรรค  นำทีมเดินทางไปยัง กกต.เพื่อยื่นจดตั้ง “พปชร.”

 

"อุตตม" นำทัพยื่นจัดตั้ง‘พปชร. ลั่นไม่ต้องห่วง ถึงเวลาลาออกเอง สวน"อภิสิทธิ์" มั่นใจไม่ใช่จุดเสื่อม

4 ต.ค. 61 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)นายอุตตม สาวนายน  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม  ว่าที่หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ  พร้อมแกนนำเดินทางเข้ายื่นจดจัดตั้งพรรคการเมืองต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองผ่านนายสมพล พรผล ผู้อำนวยการสำนักกิจการพรรคการเมือง สำนักงานกกต. โดยยืนยันถึงความพร้อมในการส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งได้ทันตามกรอบเวลาที่จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 24 ก.พ. 2562 ซึ่งไม่คิดว่าจะมีการเลื่อนการเลือกตั้งออกไปอีก และมั่นใจว่า จะไม่มีปัญหาการส่งผู้สมัครไม่ทันเนื่องจากเป็นสมาชิกพรรคไม่ครบ 90 วันก่อนวันเลือกตั้ง

 

เพราะจะมีการประสานกับกกต. อย่างใกล้ชิดจึงเชื่อว่ากกต.จะสามารถรับรองเป็นพรรคการเมืองได้ตามกรอบเวลา ซึ่งกกต.ก็บอกว่าจะทำให้เร็วที่สุด โดยไม่คิดว่าพรรคจะได้รับการพิจารณารับรองเร็วกว่าพรรคการเมืองอื่น เพราะเป็นอำนาจกกต.ที่พรรคไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายได้ ทั้งนี้ หลังจากได้รับการรับรองเป็นพรรคการเมืองแล้วก็จะเดินหน้าเรื่องการคัดสรรผู้สมัคร โดยจะส่งครบทั้ง 350 เขตทั่วประเทศ 

 

"อุตตม" นำทัพยื่นจัดตั้ง‘พปชร. ลั่นไม่ต้องห่วง ถึงเวลาลาออกเอง สวน"อภิสิทธิ์" มั่นใจไม่ใช่จุดเสื่อม

 

ส่วนกรณีที่โฆษกกลุ่มสามมิตรระบุว่า จะมาสังกัดพรรคพลังประชารัฐนั้น นายอุตตม กล่าวว่า ต้องรอให้กกต.รับรองความเป็นพรรคก่อนจึงจะเข้าสู่กระบวนการจะพูดคุยกับกลุ่มไหนอย่างไร ไม่ว่าใครก็ตามที่สนใจพรรคพลังประชารัฐเป็นสิ่งที่ดีเนื่องจากเราเปิดกว้าง ส่วนจะลงตัวหรือไม่ต้องรอให้ถึงเวลาและยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะมีจำนวนอดีตส.ส.มาสังกัดพรรคจำนวนเท่าไร เพราะยังบอกไม่ได้เนื่องจากต้องรอดูทุกกลุ่มรวมถึงการจัดลงในพื้นที่ด้วย 

 

"อุตตม" นำทัพยื่นจัดตั้ง‘พปชร. ลั่นไม่ต้องห่วง ถึงเวลาลาออกเอง สวน"อภิสิทธิ์" มั่นใจไม่ใช่จุดเสื่อม

 

นายอุตตม ยังกล่าวถึงข้อครหาที่ว่าพรรคพลังประชารัฐตั้งขึ้นมาเพื่อสืบทอดอำนาจคสช.ว่า ไม่เป็นความจริง เพราะเป็นการรวมกันของกลุ่มที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงของประเทศเพื่อก้าวไปสู่ของใหม่ที่เป็นประโยชน์กับประชาชนให้ประเทศเติบโตอย่างยั่งยืน ไม่ได้เป็นตัวแทนของใครและไม่มีใครเป็นเจ้าของคนเดียว 

 

"อุตตม" นำทัพยื่นจัดตั้ง‘พปชร. ลั่นไม่ต้องห่วง ถึงเวลาลาออกเอง สวน"อภิสิทธิ์" มั่นใจไม่ใช่จุดเสื่อม

 

“ขอให้รอดูพฤติกรรมเช่นเดียวกับกระแสดูด ส.ส. ที่ระบุว่ามีตัวเลข 40-50 ล้านบาท เข้ามาเกี่ยวข้องก็ไม่เป็นความจริง ผมไม่ทราบเรื่องทั้งนั้น แต่ต้องยอมรับว่า การที่อดีต ส.ส. ย้ายพรรคเป็นเรื่องปกติของระบบประชาธิปไตย เพราะเป็นสิทธิส่วนบุคคลและพลังประชารัฐก็มีสิทธิพิจารณา ยืนยันว่า พลังประชารัฐไม่ตั้งสมมุติฐานอยู่บนคณิตศาสตร์การเมืองเพื่อให้ได้อดีตส.ส.มากที่สุด” นายอุตตม กล่าว 

 

นอกจากนี้ยังยืนยันด้วยว่า 4 รัฐมนตรีที่เป็นผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐจะไม่ลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากต้องการทำงานต่อเนื่อง เพื่อประโยชน์ของประชาชน และทราบดีว่า จะต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ กติกาอย่างไร  ขณะนี้การเลือกตั้งยังไม่เกิด ใครอยากสอดส่อง หรือตรวจสอบก็สามารถทำได้เลย ขอให้ติดตามพฤติกรรมจะเห็นว่า เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เราจะออกมาปฏิบัติหน้าที่ในพรรคเต็มตัว ไม่ต้องห่วง และไม่มีกระแสกดดันภายในรัฐบาลให้ลาออกตามที่มีข่าวออกมา มีแต่ให้กำลังใจ โดยนายกรัฐมนตรี ก็บอกว่าเป็นสิทธิขอให้ทำงานเต็มที่ เป็นรัฐมนตรีในกรอบกติกา 

 

"อุตตม" นำทัพยื่นจัดตั้ง‘พปชร. ลั่นไม่ต้องห่วง ถึงเวลาลาออกเอง สวน"อภิสิทธิ์" มั่นใจไม่ใช่จุดเสื่อม

 

ส่วนที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาตั้งข้อสังเกตว่า การไม่ลาออกจากตำแหน่ง เพราะอ้างว่า ไม่ได้ลงสมัคร ส.ส. แต่เป็นผู้บริหารพรรคเป็นการหลีกเลี่ยงเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ และจะนำไปสู่จุดเสื่อมทางการเมืองนั้น นายอุตตม กล่าวว่า เป็นเพียงความเห็นของนายอภิสิทธิ์ ไม่ใช่ของพวกตน และไม่คิดว่า สิ่งที่พวกตนทำจะนำไปสู่จุดเสื่อมทางการเมืองตามที่นายอภิสิทธิ์ ตั้งข้อสังเกต