เปิด 3 ข้อหาฉกรรจ์โกงบ้านเอื้ออาทร บ่วงกรรมที่"วัฒนา"ยื้อมา 10 ปี ที่สุดนับหนึ่งวันนี้ แถมสั่งรวมคดี "แดงกี้ร์" ด้วย

เปิด 3 ข้อหาฉกรรจ์โกงบ้านเอื้ออาทร บ่วงกรรมที่"วัฒนา"ยื้อมา 10 ปี ที่สุดนับหนึ่งวันนี้ แถมสั่งรวมคดี "แดงกี้ร์" ด้วย

เปิด 3 ข้อหาฉกรรจ์โกงบ้านเอื้ออาทร บ่วงกรรมที่"วัฒนา"ยื้อมา 10 ปี ที่สุดนับหนึ่งวันนี้ แถมสั่งรวมคดี "แดงกี้ร์" ด้วย


ในที่สุดคดี "โกงบ้านเอื้ออาทร" บ่วงกรรมที่ "นายวัฒนา เมืองสุข" ส.ส.เพื่อไทย และช่วงหลัง ๆ มักเล่นบทนักประชาธิปไตยใหญ่ พยายามยื้อมานับ 10 ปีจนคนไทยเกือบลืมคดีนี้ไปแล้วนั้น...ก็ได้ฤกษ์นับหนึ่งในกระบวนการยุติธรรมอย่างเต็มตัวแล้วในวันนี้ เมื่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้ออกบัลลังก์พิจารณาคดีครั้งแรกเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา หลังอัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายวัฒนา และพวกไปเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมหรือเมื่อกว่า 4 เดือยก่อน

 

ก่อนหน้าที่เรื่องจะถึงศาลนั้น นายวัฒนาพยายามยื้อในชั้นอัยการอย่างสุดลิ่ม โดยขอเลื่อนนัดอัยการมามากกว่า 1 ครั้ง ด้วยเหตุผลต่าง ๆ นานา ที่สุดเมื่ออัยการยื่นคำขาดว่าต้องมาพบ เพื่อนำตัวยื่นฟ้องศาลช่วงเดือนพฤษภาคมอย่างที่กล่าว...คดีจึงเริ่มนับหนึ่งในวันนี้ 

 

ขณะที่ในชั้นไต่สวนสอบพยานนั้น คดีนี้ก็ยืดเยื้อมานานกว่า 10 ปี จนคนไทยเกือบจะลืมอย่างที่กล่าว เพราะตัวนายวัฒนานั้น เล่นเกมยื้อเรื่องนี้อย่างสุดกำลัง...ช่วงที่รัฐบาลของเขาสลับขึ้นมาครองอำนาจ โดยเขายื่นร้องขอความเป็นธรรมต่อ ป.ป.ช.เป็นระยะๆ ตลอดเวลาการไต่สวนรวบรวมหลักฐาน และเป็นเหตุให้ทาง ป.ป.ช. ต้องตีกลับสำนวนคดีนี้ไปให้คณะอนุกรรมการไต่สวนพิจารณาใหม่อยู่หลายรอบ ทำให้ตัวคดีล่าช้าเป็นอย่างมาก เรื่องนี้ทอดเวลาเนิ่นนานอยู่หลายปี ขณะที่เมื่อถึงชั้นอัยการก็มีความเห็นต่างกับ ป.ป.ช. อยู่หลายประเด็น  จึงต้องตั้งคณะทำงานร่วม 2 ฝ่ายขึ้นพิจารณาร่วมกัน...และเวลาก็ทอดนานไปอีก กระทั่งเมื่อ ป.ป.ช. มั่นใจว่าสำนวนสมบูรณ์แล้ว และหากทางอัยการไม่ยื่นฟ้องนายวัฒนากลางปีนี้  ป.ป.ช.จะขอสำนวนกลับมา และยื่นฟ้องเอง 


...นั่นคือเหตุผลหลัก ๆ ที่ทำให้คดี "โกงบ้านเอื้ออาทร" กลายเป็น "มหากาพย์" ที่ลากยาวมานานนับทศวรรษ เพราะคดีนี้เริ่มต้นตั้งแต่ยุค "นายทักษิณ ชินวัตร 1" ช่วงปี 2546 ที่นายวัฒนา  ดำรงตำแหน่ง รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งกำกับดูแลโครงการฯ ที่มีฝ่ายปฏิบัติงานอย่าง "การเคหะแห่งชาติ" เป็นผู้ควานหาผู้รับเหมามาก่อสร้างโครงการฯ โดยตรง (หากไม่นับการจัดซื้อที่ดินที่ตั้งโครงการ การกำกับดูแล "การเคหะแห่งชาติ" ซึ่งต้องควานหาผู้รับเหมามาก่อสร้างโครงการฯ นี่แหล่ะต้นทางแห่งการทุจริต-ผู้เขียน)

 

ดังนั้น หากเกิดการทุจริตฯ ในโครงการฯ ก็ยากที่นายวัฒนาจะปฏิเสธได้ ดังปรากฏในคำฟ้องของอัยการที่ระบุอย่างชัดเจนว่า "นายวัฒนา ผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148


นอกจากนี้ ยังผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต มาตรา 157 ซึ่งมาตรานี้นี่แหล่ะ...ที่ข้าราชการ และนักการเมืองขี้ฉ้อกลัวกันนัก


 

แถมยังถูกพ่วงฐานเป็นพนักงานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ ฯลฯ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 6, 11 และเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 86, 91


เบ็ดเสร็จแล้วก็รวม 3 ข้อหาฉกาจฉกรรจ์ ไม่รวมความผิดยิบย่อยตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 ข้างต้น


อย่างไรก็ตาม เพื่อความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย คงต้องบอกว่า ตราบเท่าที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษา จนถึงขณะนี้นายวัฒนายังถือเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ และอาจต้องสู้คดีนี้อีกยาวนานพอควร แต่รับรองว่าหนักหนาสาหัสแน่ เพราะแค่ความผิดตามมาตรา 148 มาตราเดียว หากพบว่าผิดจริง...โทษสูงสุดนั่นก็...โทษหนักถึงขั้นประหารชีวิตแล้ว ซึ่งวันนี้ศาลฯ  นัดตรวจหลักฐานอีกครั้งในวันที่ 12 ก.พ.2565 หรืออีก 4 เดือนข้างหน้า ทั้งยังสั่งให้รวมสำนวน “นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง” อีกหนึ่งแกนนำแดงฮาร์ดคอร์ที่ร่วมโกงคดีนี้เข้าด้วยกัน และสั่งออกหมายจับ 4 เอกชนซึ่งล้วนแต่เป็นเครือข่ายของ "ระบอบทักษิณ" ที่ข้ามห้วยมาจากการเป็นพ่อค้าข้าว...แล้วมาร่วมทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร...ที่เบี้ยวศาลไปวันนี้ด้วย...