"กรมบัญชีกลาง" เผย "บัตรสวัสดิการฯ" ทำเงินสะพัดกว่า 4 หมื่นล้านบาท-เพิ่มกำลังซื้อในชุมชน

"กรมบัญชีกลาง" เผย "บัตรสวัสดิการฯ" ทำเงินสะพัดกว่า 4 หมื่นล้านบาท-เพิ่มกำลังซื้อในชุมชน

 

"น.ส.สุทธิรัตน์ รัตนโชติ" อธิบดีกรมบัญชีกลาง เผย "บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" ทำเงินสะพัดกว่า 4 หมื่นล้านบาท โดยเพิ่มกำลังซื้อในชุมชนอย่างเห็นได้ชัด

 

"น.ส.สุทธิรัตน์ รัตนโชติ" อธิบดีกรมบัญชีกลาง ออกมาเปิดเผยว่า ในโอกาสครบรอบ 128 ปี กรมบัญชีกลางซึ่งตรงกับวันที่ 7 ตุลาคมของทุกปี โดยกรมฯ ยังคงยึดมั่นการทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ โปร่งใส เพื่อกำกับดูแลและบริหารการใช้จ่ายเงินของแผ่นดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมขับเคลื่อนการปฏิบัติงานของส่วนราชการให้บรรลุวัตถุประสงค์อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน


โดยปฏิบัติภารกิจ ที่สำคัญ และดำเนินการตามนโยบายของกระทรวงการคลังและรัฐบาลในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 อาทิ การเบิกจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2561 มีการเบิกจ่ายงบประมาณภาพรวมได้ 2,667,073 ล้านบาท ของวงเงินงบประมาณ 2,900,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 92.0%

 

ทั้งนี้ สำหรับโครงการประชารัฐสวัสดิการแห่งรัฐ 11.47 ล้านราย ได้วางเครื่องรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (อีดีซี) ทั่วประเทศ 35,359 เครื่อง ยอดการใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2560-27 กันยายน 2561 รวมทั้งสิ้น 42,440 ล้านบาท แบ่งเป็น ร้านธงฟ้าประชารัฐ 41,318 ล้านบาท ร้านก๊าซหุงต้ม 59.5 ล้านบาท รถ บขส. 111.7 ล้านบาท รถไฟ 217.6 ล้านบาท รถไฟฟ้า 8.7 ล้านบาท และเงินมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิต ได้โอนเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) 724.6 ล้านบาท และยังมีเงินสงเคราะห์ของกองทุนผู้สูงอายุ สำหรับภาษีสรรพสามิตและสุรายาสูบ โดยโอนเข้า e-Money ให้กับผู้สูงอายุที่มีบัตรสวัสดิการฯ 50 และ 100 บาท เพื่อเพิ่มทางเลือกและเพิ่มกำลังซื้อให้ผู้ถือบัตรนำเงินไปใช้จ่ายได้ตามความต้องการ

 

ส่วนความคืบหน้าการเชื่อมต่อระบบ Point of Sale (POS) ซึ่งอยู่ระหว่างการรับสมัครร้านค้าธงฟ้าประชารัฐกลุ่มเป้าหมาย 3,000 ร้านค้า ที่ประสงค์ขอติดตั้งอุปกรณ์เครื่องบันทึกการเก็บเงิน ตั้งแต่วันที่ 1-15 ตุลาคม 2561 มีร้านค้าธงฟ้าประชารัฐสมัคร 120 ร้านค้า ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2561-30 เมษายน 2562 ข้อมูลการใช้จ่ายของผู้มีสิทธิ์จะนำมาประมวลผลเพื่อชดเชยภาษีมูลค่าเพิ่มให้ เริ่มจ่ายเงินชดเชย ตั้งแต่ 14 ธันวาคม 2561 เป็นต้นไป ทั้งนี้ผู้มีสิทธิ์สามารถใช้บัตรกับร้านค้าธงฟ้าประชารัฐและร้านค้าเอกชน ประมาณ 300,000 ร้านค้า ที่เชื่อมต่อระบบดังกล่าว โดยจะนำข้อมูลมาจ่ายเงินชดเชยให้ต่อไป

 

ขณะที่ทางด้าน "นางญาณี แสงศรีจันทร์" รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวในเรื่องเดียวกันว่า ภายในเดือนตุลาคมนี้ เตรียมใช้การสแกนใบหน้า (Application face scan) เพื่อให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ ชำระเงินแทนรูปแบบเดิมที่ต้องกดรหัสเลข 6 หลักในการซื้อสินค้า ขณะที่ชาวบ้านไม่อยากให้ร้านค้ากดรหัสให้ และบางรายอาจลืมรหัส หรือกดไม่ถูกต้อง จึงหันมาให้ร้านค้านำมือถือสมาร์ทโฟนถ่ายใบหน้าผู้ถือบัตรยืนยันเมื่อใช้ผ่านแอพฯ เพื่อให้คนซื้อมีใบหน้าตรงกับผู้ถือบัตรใช้เป็นทางเลือกอีกช่องทางหนึ่ง หลังจากมีร้านค้ารับชำระเงินผ่านทางโมบายแอพพลิเคชั่น “ถุงเงินประชารัฐ” ของธนาคารกรุงไทย ผ่านร้านค้าที่โหลดแอพฯ ถุงเงินประชารัฐ 7,837 ร้านค้า เป็นเงิน 140 ล้านบาท


นอกจากนี้ จะเปิดให้ห้างสรรพสินค้า เช่นบิ๊กซี โลตัส แม็คโคร ร่วมโครงการชดเชยเงินให้แก่ผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยเอกชนผู้ร่วมโครงการต้องมีเครื่องคิดเงินชำระสินค้า (POS) แบบแยกใบเสร็จภาษีมูลค่าเพิ่ม และเครื่องรูดเงินอีดีซีเชื่อมโยงข้อมูลกับกรมบัญชีกลาง ขณะนี้มีห้างฯ และร้านธงฟ้าประชารัฐพร้อมเข้าร่วมนับแสนราย โดยใช้ข้อมูลจากภาษีมูลค่าเพิ่ม ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2561-30 เมษายน 2562 เงินภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ คงไว้เป็นเงินภาษี 1% ส่งคืนกลับไปให้ใช้จ่าย 5% และเพื่อสำหรับการออมอีก 1% ในอนาคตมีแผนขยายการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐกับมอเตอร์ไซค์รับจ้างด้วย