จับตา สิ้นตุลาฯ "ปลากัดไม่คืบสัตว์น้ำประจำชาติ"..เสียงดังกระหึ่ม ไม่ต่างกับหมาแมว

เสียงสวดชยันโตดังกระหึ่มไปทั้งประเทศทันที

เมื่อนายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอให้ออกกฎหมายขึ้นทะเบียนหมาและแมว แถมพ่วงด้วยค่าธรรมเนียม ค่าบัตร และค่าเครื่องหมายอีกตัวละ 450 บาท

 

 

ไม่มีปี่มีขลุ่ย ไม่มีใครระแคะระคาย ไม่ว่าสื่อมวลชน หรือประชาชนทุกระดับ หมาแมวสักตัวก็หูไม่กระดิก เงียบเชียบแต่ฟาดเรียบ สไตล์อดีตสิงห์มหาดไทยผู้เป็นใหญ่เหนือกระทรวงอู่ข้าวอู่น้ำในปัจจุบัน

 

หมาแมวของเศรษฐีคงไม่มีปัญหา แต่หมาแมวของผู้ถือบัตรคนจนนั้นต่อไปก็คงต้องพกบัตรหมาจนและบัตรแมวจนตามเจ้าของไปด้วย..โชคดีที่นายกรัฐมนตรีเตะสกัดทิ้งทันทีที่หน้าประตู ครม. ไม่อย่างนั้นคะแนนเสียงหลายสิบล้านเสียงของพรรคอะไรก็ไม่รู้ในอีก 4 เดือนข้างหน้าคงหายวับไปกับเสียงด่าวันนี้แน่

 

แต่ขณะเดียวกัน ข้อเสนอเรื่องสัตว์น้ำประจำชาติ ซึ่งก็คือปลากัด และอยู่ภายใต้การดูแลของนายกฤษฎาเช่นกัน แม้ผ่านมาข้ามปีแล้วแต่จนป่านนี้ก็ยังวนอยู่ในหนองน้ำ

 

 

รองนายกรัฐมนตรีสมคิด จาตุศรีพิทักษ์มีคำสั่งตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ให้กระทรวงเกษตรฯ ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการเอกลักษณ์แห่งชาติอีกครั้ง แต่ก็ยังถูกเพิกเฉย ไม่มีใครขยับเสียครึ่งปี

 

กว่าจะขยับกันได้อีกครั้งก็ปาเข้าไปกลางปีนี้ ทำข้อเสนอกันใหม่หมด เพราะภาคประชาชนเข้าชื่อเรียกร้องกันนับหมื่นคน จนกระทั่งรองนายกฯ สมคิด ลงนามเป็นคำสั่งด่วนที่สุดอีกครั้งให้กระทรวงเกษตรฯ นำเข้าครม. เมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา

 

แต่สั่งแล้วก็อีกเช่นเคย นิ่งเงียบไปอีกเกือบเดือน เพราะใครมัวแต่เล่นเกมก็ไม่ทราบ วันดีคืนดี เมื่อวานนี้ กระทรวงเกษตรฯ ก็แถลงปุบปับ ประกาศมุ่งมั่นจะนำข้อเสนอฯ เข้าสู่คณะกรรมการเอกลักษณ์ฯ อีกครั้ง

ครั้งนี้ยิ่งน่าประหลาด เพราะกลับไม่มีการพูดถึงคำสั่งด่วนที่สุดของรองนายกฯ สมคิดล่าสุดที่เพิ่งลงนามไปเมื่อเดือนที่แล้ว  แต่กลายเป็นว่า กระทรวงเกษตรฯ จะนับหนึ่งใหม่ ทำหนังสือข้อเสนอใหม่ถอดด้ามฉบับที่สามอีกครั้งภายในเดือนนี้ ทั้ง ๆ ที่เพิ่งทำหนังสือข้อเสนอฉบับล่าสุดเสร็จไปเมื่อเดือนที่แล้ว และนายกฤษฎาในฐานะรัฐมนตรีเป็นผู้ลงนามเสนอต่อรองนายกฯ สมคิดเอง และนายกฤษฎาก็ยังลงนามเสนอต่อเลขาธิการครม. ไปหยก ๆ เองอีกด้วย

 

 

แต่ไป ๆ มา ๆ เรื่องราวกลับหายไปกับความมึนเมา หนังสือข้อเสนอรอบสองที่เพิ่งทำเสร็จหมาด ๆ กลับอันตรธานไปจากสารบบ และหนังสือสั่งการด่วนที่สุดของรองนายกฯ สมคิดก็กลายเป็นเรื่องเก่าที่กระทรวงเกษตรฯ ไม่พูดถึง เผลอ ๆ คงถูกเจาะรูเข้าแฟ้มรอเก็บไว้ทำถุงกล้วยแขกอีกต่างหาก

 

น่าสงสารเฮียกวง ผู้มีเครดิตบารมีชื่อเสียงโด่งดัง แต่กลับโดนลูกน้องเมินซ้ำซาก ไม่ให้ราคาในฐานะรองนายกรัฐมนตรีอย่างน่าอนาถ

 

ไม่แน่ว่า หากเรื่องปลากัดเป็นสัตว์น้ำประจำชาติ มีตัวเลขให้มัดมือชกเรียกเก็บจากประชาชนได้หลายพันล้านบาท เหมือนกรณีที่ซุ่มเงียบเตรียมฟันหมาแมวทุกหัวระแหงทั่วประเทศไทยนับสิบล้านตัวในราคาตัวละ 450 บาท ป่านนี้ปลากัดคงถูกกระทรวงเกษตรฯ รีบเสนอเข้าสู่ครม. กลายเป็นสัตว์น้ำประจำชาติไปนานแล้ว

 

แต่เพราะปลากัดเป็นเรื่องของเอกลักษณ์ชาติ ศักดิ์ศรีของชาติ ส่งเสริมให้คนไทยรักชาติ รักษาสมบัติของชาติ แม้มีคุณค่าสูงส่ง แต่ไม่มีราคาเป็นตัวเงินให้ใครสนใจระหว่างทางแม้สักบาทเดียว 

 

ไม่งั้นก็คงไม่มีใครดื้อด้าน ไม่ขยับ ทำเป็นมึน ดื้อตาใส เล่นปาหี่เล่ห์กลวกวนไปวัน ๆ ทั้ง ๆ ที่สื่อมวลชนประโคมติดตามกันเป็นระยะต่อเนื่อง ประชาชนเข้าชื่อเรียกร้องกันนับหมื่นคน แถมพ่วงด้วยมีคำสั่งด่วนที่สุดของรองนายกฯ สมคิดอีกต่างหาก

 

ภายในเดือนตุลาคมนี้ คือ กำหนดการนำข้อเสนอให้ปลากัดเป็นสัตว์น้ำประจำชาติเข้าสู่คณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ ตามที่กระทรวงเกษตรฯ แถลงไว้เมื่อวานนี้

 

กรมประมงแถลงเรื่องปลากัด 12 ต.ค.61 

อย่างไว... กรมประมงกลับลำเร่งเสนอเรื่องปลากัดเป็นสัตว์น้ำประจำชาติในเดือนตุลาคม

 

หากไม่เป็นไปตามนั้น นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยนายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง ก็รับผิดชอบกับคะแนนเสียงเลือกตั้งนับล้านที่หายไปของเกษตรกรและประชาชนที่หวงแหนสมบัติชาติ สำหรับพรรคอะไรไม่รู้ในอีก 4 เดือนข้างหน้าด้วยก็แล้วกันเพราะเสียงด่าของปลากัดก็คงดังกระหึ่ม ไม่ต่างอะไรกับหมาและแมว

 

ขอบคุณ -- นายปลาหม้อ