ลุ้นต่อ..ฟอกเงินกรุงไทย “พานทองแท้” โอนเช็ค 26 ล. ยังไม่จบ..ตามต่อ DSI

เกาะติดประเด็นร้อนประจำสัปดาห์ อย่าง คดีฟอกเงิน10 ล้าน ทุจริตปล่อยกู้ ธ.กรุงไทย ที่ โอ๊ค นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายคนโตของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีร่วมกันฟอกเงินปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทยฯกับกฤษฎามหานคร

 

สืบเนื่องจากกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สอบสวนคดีการฟอกเงินที่เกี่ยวกับการอนุมัติสินเชื่อโดยมิชอบของกลุ่มผู้บริหารธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ให้กับกลุ่มธุรกิจเครือข่ายกฤษดามหานคร ที่มีรายชื่อ นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพวก รวม 4 คน อยู่ในกลุ่มผู้ร่วมกระทำผิดด้วยนั้น โดยคดีได้ถูกส่งยังพนักงานอัยการหลังทำการสรุปสำนวนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2560 ที่ผ่านมา

ลุ้นต่อ..ฟอกเงินกรุงไทย “พานทองแท้” โอนเช็ค 26 ล. ยังไม่จบ..ตามต่อ DSI

 

จนกระทั้ง เมื่อวันที่ 10 ต.ต. ที่ผ่าน  ทางอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 ได้มีคำสั่งฟ้อง นายพานทองแท้ ชินวัตร ผู้ต้องหาที่ 4 ฐานสมคบและร่วมกันฟอกเงิน ที่มีการรับเช็คจำนวน 10 ล้านบาท ซึ่งจะฟ้องเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ปี 2542 มาตรา 5 , 9 และ 60 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ฉบับที่ 5 ปี 2558 มาตรา 10 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และ 91 รวมถึง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ฉบับที่ 6 ปี 2526 มาตรา 4  ความผิดฐานฟอกเงินมีโทษจำคุก 1 - 10 ปี ซึ่งมีอายุความไม่เกิน 15 ปี

 

และสำหรับกรณีเช็ค 26 ล้านบาท อัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องนายพานทองแท้ ผู้ต้องหาที่ 4 และไม่ฟ้องนางเกศินี จิปิภพ ผู้ต้องหาที่ 1 จากนั้นทางอัยการก็ได้นำตัวนายพานทองแท้ ไปยื่นฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถนนนครไชยศรีทันที โดยศาลอาญาคดีทุจริตฯ ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัว นายพานทองแท้ จำเลยคดีสมคบฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงินกู้ธนาคารกรุงไทยฯ-กลุ่มกฤษดามหานคร โดยตีราคาประกัน 1 ล้านบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล ภายหลังจำเลยได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดพร้อมคำร้องขอปล่อยชั่วคราวต่อศาลและศาลได้นัดสอบคำให้การนายพานทองแท้จำเลยว่าจะรับสารภาพหรือปฏิเสธ ในวันที่ 5 พ.ย.นี้เวลา10.00 น.

 

แต่อย่างไรก็ตาม แม้อัยการจะไม่มีความเห็นสั่งฟ้อง “โอ๊ค-พานทองแท้ ชินวัตร” ในกรณีเช็ค  26 ล้านบาทเข้าบัญชีตัวเอง.. แต่ใช่ว่านายพานทองแท้  จะหลุดรอดจากคดีนี้แต่อย่างใด  เนื่องจากคดีนี้ยังไม่สะเด็ดน้ำ

ย้อนไปเมื่อวันที่ 10 ต.ค. นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้ตอบคำถามถึงเหตุสั่งไม่ฟ้องและอายุความดำเนินคดีว่า เหตุผลการสั่งไม่ฟ้องนางเกศินี ผู้ต้องหาที่ 1 และนายพานทองแท้ ผู้ต้องหาที่ 4 ในส่วนเช็ค 26 ล้านบาท ขณะนี้ไม่สามารถจะระบุรายละเอียดทั้งหมดได้ เนื่องจากกระบวนการสั่งคดียังไม่ถึงที่สุด เพราะอัยการยังจะต้องส่งสำนวนพร้อมความเห็นสั่งไม่ฟ้องดังกล่าวกลับไปให้พนักงานสอบสวนดีเอสไอพิจารณาว่าจะมีความเห็นแย้งกับอัยการหรือไม่อย่างไร

 

 หากพนักงานสอบสวนเห็นพ้องกับความเห็นของอัยการคือสั่งไม่ฟ้อง คดีก็จะเป็นไปตามที่สั่งไว้ครั้งแรก แต่ถ้าพนักงานสอบสวนมีความเห็นแย้งยืนยันให้ฟ้อง จะต้องส่งให้อัยการสูงสุดเป็นผู้ชี้ขาดในขั้นตอนสุดท้าย โดยในส่วนของนางเกศินี ผู้ต้องหาที่ 1 นั้น ตามสำนวนพนักงานสอบสวนก็มีความเห็นควรไม่ฟ้องมาอยู่แล้ว

 

ลุ้นต่อ..ฟอกเงินกรุงไทย “พานทองแท้” โอนเช็ค 26 ล. ยังไม่จบ..ตามต่อ DSI

 

แต่ในส่วนของนายพานทองแท้ ผู้ต้องหาที่ 4 นั้น พนักงานสอบสวนดีเอสไอมีความเห็นควรสั่งฟ้อง รับเช็คโอนเงินมาทั้ง 2 ฉบับ คือ 26 ล้านบาทและ 10 ล้านบาท ซึ่งอัยการได้เร่งส่งสำนวนคืนดีเอสไอแล้ว และคาดว่าดีเอสไอจะพิจารณาความเห็นโดยเร็วตามกรอบเวลาภายในอายุความ พร้อมส่งสำนวนและความเห็นเกี่ยวกับการสั่งคดีเช็คเงินจำนวน 26 ล้านบาท กลับมาให้อัยการได้ทันเวลาอายุความดังกล่าว ซึ่งความผิดฐานฟอกเงินมีโทษจำคุก 1-10 ปี อายุความไม่เกิน 15 ปี ซึ่งคดีดังกล่าวเกิดในช่วงระหว่างปี 2547-2548 ก็จะเหลือเวลาดำเนินคดีอีกราวปีเศษ สำหรับผู้ต้องหาในกลุ่มรับโอนเงินอีก 159 คนนั้น คดียังอยู่ระหว่างการพิจารณา หากอัยการมีคำสั่งจะแถลงให้ทราบต่อไป

 

สุดท้ายก็ต้องจับตาไปยังที่ดีเอสไอ  ที่มี “พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง”  อธิบดีดีเอสไอ ว่าจะทำความเห็นแย้ง อัยการ เพื่อยืนยันการสั่งฟ้อง สำนวนคดี เช็ค  26ล้านบาทกลับไปที่อัยการหรือไม่... มันก็จะร้อนๆ หน่อย ..สำหรับ โอ๊ค พานทองแท้ ชินวัตร