ฮึ่ม!!!ว่าที่โฆษกรัฐบาลขู่ พวกเข้ามาโจมตี เพจนายกว่า หวังผลทางการเมืองหรือไม่ บอกอาจจัดการทางกม.

นาย พุทธิพงษ์  ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ทำหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการพูดคุยกับพล.ท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  รักษาการอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาลวันนี้ (26 ตค.2561)ว่า

 

การพูดคุยไม่ได้เป็นเพราะมีปัญหาระหว่างกัน แต่การไปดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์เพียงตำแหน่งเดียวของพล.ท สรรเสริญ เป็นความประสงค์ของพล.ท สรรเสริญ  ที่ต้องการจะไปทำหน้าที่ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์เต็มตัว ระหว่างนี้อยู่ระหว่างรอคำสั่งอย่างเป็นทางการ และเมื่อตำแหน่งโฆษกรัฐบาลว่าง นายกรัฐมนตรีจึงมอบหมายให้ตนมาปฎิบัติหน้าที่ดังกล่าว

 

ส่วนการทำหน้าที่ของตน ในฐานะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  นาย พุทธิพงษ์ กล่าวว่า จากสถานการณ์ที่กำลังเดินเข้าสู่โรดแมปเลือกตั้ง จะทำให้ในอนาคต ฝ่ายการเมืองจากพรรคการเมืองต่างๆโจมตี และมีการให้ข่าวที่เป็นลบ รวมถึงข่าวที่เป็นเท็จ เป็นจำนวนมาก ประกอบกับมีการคาดการณ์ว่าการให้ข่าวจะมีความเข้มข้นและดุเดือดขึ้นตามลำดับ เพราะฉะนั้นจากนี้ไป ตนจะทำงานในเชิงรุก อย่างเข้มข้นมากขึ้น โดยจะทำการสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียต่างๆ และแถลงข่าวผ่านสื่อมวลชน เพื่อเสนอข้อมูลข้อเท็จจริงให้มากขึ้น ว่าเรื่องนั้นจริง-ไม่จริงอย่างไร

และข้อมูลที่ควรจะเป็น เป็นอย่างไร

 

นาย พุทธิพงษ์ กล่าวย้ำว่า ตนจะเน้นทำงานในเชิงรุกให้มากขึ้นโดยจะติดตามข้อทูลเท็จที่ถูกปล่อยออกมา ว่ามีต้นทางมาจากที่ใด  และ เป็นของใคร และหากมีกระบวนการในการให้ร้ายต่อนายกรัฐมนตรี และรัฐบาล ในเชิงที่ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรง นาย พุทธิพงษ์ กล่าวว่า ตนจะต้องมีการตอบโต้ และจะมีการดำเนินการทางกฎหมาย เพื่อดำเนินคดีต่อไป

 

นอกจากนี้ นาย พุทธิพงษ์  กล่าวด้วยว่า จากนี้ไปจะมีการชี้แจงข้อมูลต่างๆโดยเร็ว เพื่อให้ประชาชนได้ข้อมูลที่ครบถ้วน ซึ่งจะถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะรัฐบาลคงไม่สามารถห้ามการโจมตีได้ จึงจำเป็นต้องตอบโต้และให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ประชาชนโดยเร็ว และเป็นข้อมูลที่ครบถ้วน

อย่างไรก็ตาม นาย พุทธิพงษ์ กล่าวถึงคอมเม้นท์โจมตี ที่มีในเพจเฟสบุค ประยุทธ์ จันทรโอชา Prayut Chan-o-cha ว่า วันแรกตนยอมรับว่ามีความกังวลว่านายกรัฐมนตรีอาจไม่เคยชินกับถ้อยคำการโจมตี ที่หยาบคาย และ รุนแรงที่มีจำนวนมากว่า  เมื่อเวลาผ่านไปรูปแบบการคอมเม้นท์เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงคือจะเป็นในแง่ข้อเสนอ ข้อแนะนำที่เป็นประโยชน์ และมีทิศทางที่ดีมากขึ้น จาก4ปีที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีไม่เคยเปิดช่องทางในการสื่อสารกับประชาชน จึงทำให้ข้อมูลทั้งหมดถูกเก็บอั้นไว้จึงไม่แปลกที่จะมีข้อมูลต่างๆไหลบ่าเข้ามาในเพจเฟสบุคจำนวนมาก แต่นายกรัฐมนตรีสามารถผ่านจุดนั้นมาได้ และประชาชนเริ่มมีความเข้าใจมากขึ้น โดยคอมเม้นท์ที่เข้ามามีความหลากหลาย คือมีทั้งชม ทั้งติ  ซึ่งนายกรัฐมนตรีเริ่มเข้าไปตอบความเห็นด้วยตนเอง

 

สำหรับในกรณีการใช้ถ้อยคำที่หยาบคายเข้าไปแสดงความเห็นในเพจเฟสบุคนายกรัฐมนตรี  นาย พุทธิพงษ์ กล่าวว่า เราคงห้ามไม่ได้แต่ถ้ามีการใช้ถ้อยคำไม่สุภาพและหยาบคายมาก ทีมงานก็ต้องลบ เพราะมีเด็กเยาวชนเข้ามาอ่านและดูคอมเม้นท์อยู่ จึงคิดว่าเป็นสิ่งไม่เหมาะสม และการเข้ามาตนเห็นว่าเป็นการเข้ามาแสดงความเห็นที่ไม่ปกติ อาจเป็นกลุ่มอวตาร ที่เป็นคนๆเดียวที่มีแอคเคาท์ เป็น10 แอคเคาท์ คือตั้งใจทำเพื่อหวังผลในทางการเมืองหรือไม่ จึงถือเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม ซึ่งขณะนี้ยังพบข้อมูลเหล่านี้อยู่ แต่ถ้าไม่แรงจนเกินไปก็จะไม่ลบ หากพบว่าเป็นข้อมูลที่สร้างสรร

 

นาย พุทธิพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังพบว่ามีเพจเลียนแบบเพจเฟสบุคนายกรัฐมนตรีอยู่  แต่เมื่อ2วันที่ผ่านมา ทางเพจเฟสบุคและทวิตเตอร์นายกรัฐมนตรี ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจากเฟสบุค และ ทวิตเตอร์แล้ว เพราะฉะนั้นจากนี้ไปหากมีปัญหา หรือ มีการปลอมแปลง สามารถที่จะใช้พ.ร.บ คอมพิวเตอร์ดำเนินการทางกฎหมายได้ทันที

 

 

ส่วนเรื่องไลฟ์สด นาย พุทธิพงษ์ กล่าวว่า กำลังเตรียมการอยู่ ซึ่งต้องขอดูประเด็น และ รูปแบบก่อน  ขณะที่ พล.ท สรรเสริญ แก้วกำเนิด ได้ถ่ายรูปร่วมกับข้าราชการสำนักโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่ออำลาตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่บริเวณหน้าตึกนารีสโมสร