ถึงคิวแสดง! "ลูกโอ๊ค" ลั่นเล่นการเมืองแน่ เกมเสี่ยงที่ "ผู้พ่อ-ทักษิณ"ยอมแลก หากได้ประโยชน์ทางการเมือง

ถึงคิวแสดง! "ลูกโอ๊ค" ลั่นเล่นการเมืองแน่ เกมเสี่ยงที่ "ทักษิณ"ยอมแลก-หากได้ประโยชน์ทางการเมือง

ถึงคิวแสดง! "ลูกโอ๊ค" ลั่นเล่นการเมืองแน่ เกมเสี่ยงที่ "ทักษิณ"ยอมแลก-หากได้ประโยชน์ทางการเมือง


 

การออกมาประกาศเล่นการเมืองของ "เสี่ยโอ๊ค-นายพานทองแท้ ชินวัตร" ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ "นายใหญ่-ทักษิณ ชินวัตร"  อดีตนายกฯ ผู้อื้อฉาว กลางศาลปราบโกงวันนี้ ซึ่งเจ้าตัวเดินทางไปให้การจากคดีฟอกเงินกรุงไทย อาจถือว่าไม่เหนือความคาดหมายของผู้สันทัดกรณีมากนัก เพราะเรื่องนี้มีร่องรอยให้เห็นจากความเคลื่อนไหวของสมาชิกพรรคเพื่อไทยอยู่หลายครั้ง มีความพยายามโยนชื่อนายพานทองแท้ออกมาก็หลายหน ยิ่ง "คดีฟอกเงินกรุงไทย" งวดใกล้เข้ามา...กระแสการเข้าสู่สนามการเมืองของ พานทองแท้ยิ่งกระชั้นถี่ กระทั่งเจ้าตัวยังออกมาเปรยเรื่องนี้ด้วยตนเอง


ผู้สันทัดกรณีมองว่า การโยนชื่อ "นายพานทองแท้" ออกมาพร้อม ๆ กับการจัดตั้ง "พรรคไทยรักษาชาติ" ซึ่งถูกจุดประเด็นโดย "พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร" อดีตเลขาฯ สมช. และเป็นลูกหม้อพรรคเพื่อไทย ซึ่งพูดไปถึงว่า ลูกชายนายใหญ่จะขึ้นมานั่งเป็นเบอร์ 2 ของพรรคฯ รองจาก "นายปานปรีย์ พหิทธานุกร" ที่จะนั่งเบอร์ 1 นั้น แท้จริงอาจเป็นเพียง "การโยนหินถามทาง" เท่านั้น เพราะต่างก็ทราบกันดีว่า "เสี่ยโอ๊ค" เป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของนายใหญ่ และแต่ไหนแต่ไรมา "ผู้เป็นพ่อ" พยายาม "กัน" ไม่ให้ลูกชายของเขาเข้าสู่สนามการเมืองมาตลอด นั่นจะด้วยเหตุผลด้านภูมิรู้ สติปัญญาของนายพานทองแท้เอง หรือเพราะด้วยเหตุผลใดอื่นก็สุดแล้วแต่


แต่ทว่าก็ยังมีผู้ยืนยันว่า อย่าลืมเด็ดขาดว่า "ทักษิณคือนายทุนทางการเมือง" ที่พร้อมจะทำทุกอย่างที่ตนเองได้ประโยชน์  ต่อให้จะต้องเอาลูกชายไปเล่นในเกมเสี่ยงก็ตาม และเมื่อเดินกลยุทธ์ "แยกกันเดิน รวมกันตี" โดยแตกหน่อเป็นพรรคเล็กพรรคน้อยอย่างที่เรารู้ ๆ กัน การโยนชื่อ "นายพานทองแท้" ออกมาเพื่อหยั่งกระแสจึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจนัก และหากมีกระแสตอบรับ "พานทองแท้" จากสาวกแดงค่อนข้างมาก การที่ "ทักษิณ" จะปล่อยลูกชายลงสู่สนามการเมืองตามที่ร่ำลือกัน...ก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ในยามที่ตัวเลือก...สายตรงจาก "บ้านชินวัตร" ไม่เหลือใครอีกแล้ว


 

เพราะอย่าลืมว่า แม้แต่ "หนูปู - น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ผู้ไม่ประสีประสาทางการเมือง และรู้จักการเมืองแค่ 49 วันก่อนเลือกตั้ง ทักษิณยังจับนั่งเก้าอี้นายกฯ มาแล้ว หลังเขาโยนชื่อเธอออกมา และเรียกเสียงฮือฮาจากกลุ่มคนที่ภักดี "ครอบครัวชินวัตร" อย่างมาก  ก่อนที่เธอจะพบจุดจบจากการออก พ.ร.บ.ลักหลับตอนตี 4 อันนำมาสู่การยึดอำนาจของ คสช. ในเวลาต่อมา

 

กรณีของ "ลูกโอ๊ค-พานทองแท้" ก็แทบไม่ต่างกัน แม้จะต้องเสี่ยง แต่หากได้ประโยชน์ทางการเมือง ที่หลายคนก็ยืนยันตรงกันว่า ศึกครั้งนี้แทบเป็น "ไฟต์ชี้ชะตาของระบอบทักษิณ" เขาจึงต้องเข็นทุกอย่างที่กองอยู่ตรงหน้าตักเข้าสู้ ไม่เว้นแม้กระทั่งดันหลังลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเข้าสู่สนามอันดุเดือดนี้

 


แม้ตัวนายพานทองแท้เอง จะระบุถึงเรื่องนี้เมื่อวันก่อนว่า "พ่อผมไม่เคยเชียร์ แม่ผมไม่เคยผลักดัน ตัวผมเองไม่เคยชอบการเมืองเลย แม้แต่นิดเดียว" โดยจะมีแต่ทีมงานที่คอยสนับสนุน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นลักษณะของการตกบันไดพลอยโจร”

 

ถ้อยคำของนายพานทองแท้...ก็ชัดแจ้งอยู่แล้วว่า...เขาคงกระโจนเข้าสู่การเมืองแน่...แม้จะอ้างว่า "ตกบันไดพลอยโจร และพ่อ-แม่ห้ามปราม" แล้วก็ตาม แต่ทั้งหมดนั่นยังเป็นคำถามเช่นกันว่า...เป็นเช่นนั้นจริงหรือ...ทักษิณไม่รู้เห็นเป็นใจแน่หรือ...โอ๊คตัดสินใจด้วยตัวเองอย่างแท้จริงเช่นนั้นหรือ เพราะอย่าลืมว่า..."หากไม่คุ้มที่จะเสี่ยง-ทักษิณไม่เอา" แน่ และเรื่องนี้ก็พิสูจน์ผ่านความขัดแย้งทางการเมืองนับ 10 ปีมาแล้วหลายครั้ง

 

หลังจากนี้คงต้องจับตาดูว่า  "พรรคไทยรักษาชาติ" ที่ถูกจุดประเด็นไว้จะถูกจัดตั้งขึ้นมาจริงมั้ย และนายพานทองแท้จะนั่งเบอร์ 2 อย่างที่กล่าวหรือไม่...และหากเรื่องทั้งหมดเป็นจริง คือเขาลงสู่สนามการเมืองอย่างที่กล่าวแล้ว บั้นปลายจะลงเอยเช่นไร จะเหมือน "อาปู" ผู้ไม่ประสีประสา ที่ก็เคยถูกดันหลังให้เข้าสู่สนามอันโหดหินนี้มาก่อนหรือไม่...