"บิ๊กฉัตร" สั่งเคลียร์ทุกปมปัญหาประมง วาง 3 มาตรการแก้ประเด็นลูกเรือต่างด้าว

"บิ๊กฉัตร" สั่งเคลียร์ทุกปมปัญหาประมง วาง 3 มาตรการแก้ปัญหาลูกเรือต่างด้าว

 

วันนี้ (5 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สโมสรทหารบก ถ.วิภาวดีรังสิต "พล.อ. ฉัตรชัย สาริกัลยะ" รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย โดยหารือร่วมกับสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย เพื่อกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาจากการประกอบอาชีพประมง


หลังการประชุม รองนายกฯ  เปิดเผยถึงการบังคับใช้กฎหมาย ที่อาจส่งผลกระทบกับการบริหารจัดการแรงงานภาคประมงว่า จากกรณีคำพิพากษาของศาลจังหวัดเกาะสมุย สั่งลงโทษปรับลูกเรือประมงอวนล้อมจับปลากะตัก จำนวน 38 คน ในข้อหาจับปลากะตักเวลากลางคืน โดยมีโทษเต็มคือ ปรับคนละ 6 ล้านบาท แต่จำเลยสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือคนละ 3 ล้านบาท ซึ่งสมาคมประมงเห็นว่า คำพิพากษาของศาลไม่ได้กล่าวถึงมาตรา 166 ของ พ.ร.ก.การประมง ที่ศาลมีอำนาจไม่ลงโทษหรือลงโทษน้อยกว่าที่กำหนดในกฎหมายได้ ลูกเรือที่ไม่มีเงินจ่ายค่าปรับ ต้องถูกกักขังแทนค่าปรับเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 2 ปี ทำให้ประเทศไทยถูกมองว่าไม่ดูแลแรงงานข้ามชาติ แรงงานข้ามชาติอาจไม่มาทำงานบนเรือประมง

 

จึงมีข้อสั่งการเพื่อให้ดำเนินการดังนี้

 

1) มอบกรมประมงประสานผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด ให้คำปรึกษาแนะนำข้อกฎหมายต่าง ๆ กับสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของ พ.ร.ก.การประมง เพื่อให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษสถานเบา หรือไม่ลงโทษ

 

2) มอบกรมการจัดหางานและกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ร่วมกันชี้แจง ทำความเข้าใจ กระบวนการทางกฎหมายกับทูตแรงงานของประเทศที่มีแรงงานในภาคประมง เช่น เมียนมา กัมพูชา เพื่อมิให้กระทบกับการบริหารจัดการแรงงานภาคประมงซึ่งกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ภายในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2561

 

3) สมาคมการประมงแห่งประเทศไทยจะมีการจัดสัมมนาอบรมชาวประมง เพื่อสร้างการรับรู้และเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการบังคับใช้กฎหมาย โดยกรมประมง กรมการจัดหางาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และสำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมเป็นวิทยากรเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง เพื่อมิให้กระทบต่อการบริหารจัดการแรงงานประมงข้ามชาติ ตามที่สมาคม ฯ กังวล 

 

เนื่องจากหลายกรณีเจ้าของเรือได้รับคำแนะนำที่ไม่ถูกต้องในการต่อสู้คดีต่าง ๆ อาจส่งผลเสียต่อลูกเรือประมง ทำให้ต้องถูกลงโทษ
สำหรับประเด็นปัญหาราคาสัตว์น้ำตกต่ำ โดยเฉพาะปลาหมึกกล้วย นั้น โดยกรมประมงรายงานผลการหารือร่วมเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2561 ระหว่างสมาคมการประมง กรมประมง และภาคธุรกิจ มีข้อสรุปร่วมกัน ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรี จึงมีข้อสั่งการให้ดำเนินการแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน โดยให้ภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้อง (สมาคมอาหารแช่เยือกแข็ง) รับซื้อปลาหมึกกล้วยเก็บไว้ในห้องเย็น เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบ มีการจัดการประชุมแพปลา ตลาดปลา เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจเรื่องการจัดทำเอกสารตามระบบตรวจสอบย้อนกลับสินค้าประมง เพื่อให้ภาคธุรกิจเกี่ยวเนื่องปฏิบัติได้อย่างถูกต้องตามระบบตรวจสอบย้อนกลับสินค้าประมง


พร้อมกันนี้ ให้ดำเนินการแก้ปัญหาระยะสั้น โดยภาครัฐจะพิจารณามาตรการการนำเข้าสินค้า ด้าน IUU โดยหารือกับฝ่ายเมียนมาให้แจ้งข้อมูลเพิ่มเติมในแบบฟอร์มของฝ่ายเมียนมา เช่น เลขที่ใบอนุญาตทำการประมง พื้นที่ทำการประมง ข้อมูลเกี่ยวกับเรือประมง รวมไปถึงการแก้ปัญหาระยะกลาง โดยภาครัฐจะพิจารณามาตรการการนำเข้าสินค้า และด้านสุขอนามัย รวมทั้งการแก้ปัญหาระยะยาว โดยการจัดตั้งคณะทำงานเพื่อจัดทำข้อมูล ประกอบด้วยข้อมูลการตลาด สินค้า สัตว์น้ำทั้งห่วงโซ่อุปทาน และข้อมูลต้นทุนการจับสัตว์น้ำของชาวประมงตามชนิดเครื่องมือ และขนาดเรือประมง เพื่อเป็นฐานข้อมูลประกอบการแก้ไขปัญหา ต่อไป