"สมศักดิ์" ทำตัวเป็นสายล่อฟ้าเข้าทางระบอบทักษิณ .. จับตาพุ่งหรือพัง?

"พลังประชารัฐ"ยุ่งหนัก "สมศักดิ์" ทำตัวเป็นสายล่อฟ้า จับตาพุ่งหรือพัง?

ชมรมการเมืองจับกลุ่มวิจารณ์กันขรม หลังจากที่ “สมศักดิ์ เทพสุทิน”  พร้อม  “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ” แกนนำกลุ่มสามมิตร  ที่นำทัพอดีตส.ส. 60 ชีวิต ตบเท้าเข้าร่วมพรรคพลังประชารัฐ หรือ พปชร.

 

 โดย นายสมศักดิ์ กล่าวเปิดใจหลังนำสมาชิกเข้าสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ว่า วันนี้เป็นวันที่เราเข้าสู่สนามเลือกตั้งจะบอกว่าง่ายก็ง่าย แต่ต้องยอมว่ากระแสตกค้างความนิยมของพรรคคู่แข่งที่มีมากพอสมควร แต่ขอให้ทุกคนทำความเข้าใจในแนวโยบายของพรรค โดยเฉพาะผู้สมัครที่อยู่ต่างจังหวัด จะต้องเร่งสร้างความเข้าใจ เพราะบ้านเมืองเมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมามีความวุ่นวายแตกแยก เพิ่งจะดีเมื่อ 1-2 ปีที่ผ่านมา เราจะทำอย่างไร ที่จะเปลี่ยนความรู้สึกของผู้คนที่มีความรู้สึกต่อพรรคการเมืองเก่าให้เห็นข้อเท็จจริง จึงอยากฝากผู้สมัครทุกคนไว้ ตนไม่ใช่จะเก่งกล้า แต่ด้วยประสบการณ์จากการเลือกตั้ง 10 สมัย อยากบอกว่าถ้าเราไม่นำสิ่งดีดีที่มีเข้าไปเปลี่ยนความรู้สึกของคนที่มีกระแสเดิมอยู่ โอกาสเพื่อนำไปสู่ชัยชนะก็จะยาก

"สมศักดิ์" ทำตัวเป็นสายล่อฟ้าเข้าทางระบอบทักษิณ .. จับตาพุ่งหรือพัง?

 

แต่ประเด็นที่ทำให้ตกเป็นขี้ปากชาวบ้านกับคำพูดของนายสมศักดิ์ บุคคลระดับแกนนำ โดยเฉพาะประโยคที่ว่า .. “การเลือกตั้งครั้งนี้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ดีไซน์มาเพื่อพวกเรา เราจะต้องใช้ประโยชน์จากสิ่งต่างๆเหล่านี้ เป้าหมายทุกคะแนนมีความสำคัญฉะนั้นตัวบุคคลในแต่ละเขตแปลเปลี่ยนเป็นคะแนนให้ได้ เพราะทุกคะแนนมีความสำคัญมาก” 

 

หากพิจารณาจากเจตนารมย์เดิมของการก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐที่ต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ก้าวข้ามการเมืองในรูปแบบเก่า ด้วยพลังของคนรุ่นใหม่ พร้อมชู แนวทางการสนับสนุน”บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯในการเลือกตั้งครั้งหน้า   หลังเปิดใจยอมรับว่า สนใจงานการเมือง แม้จะพยายามอุบไต๋ จะตัดสินใจอย่างไรก็ตามแต่ 

 

"สมศักดิ์" ทำตัวเป็นสายล่อฟ้าเข้าทางระบอบทักษิณ .. จับตาพุ่งหรือพัง?

 

ข้อความดังกล่าวของนายสมศักดิ์   เปรียบเป็นสายล่อฟ้า ล่อเป้าเข้าทางของฝ่ายตรงข้าม  กลายเป็นการเปิดโอกาสให้ ระบอบทักษิณ ในการโจมตี รัฐธรรม นูญ ทั้งการกล่าวหาว่าเป็น รัฐธรรมนูญที่ออกแบบไว้สำหรับการสืบทอดอำนาจ  10-20 ปี เอื้อต่อการให้ บิ๊กตู่ กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง

 

ล่าสุด “ภูมิธรรม เวชชยชัย” เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ได้กล่าวว่า..

กติกาของรัฐธรรมนูญ ที่เขียนขึ้นมาเหมือนบีบบังคับให้พรรคการเมืองใหญ่ ต้องบริหารจัดการสมาชิก ในการลงเลือกตั้งครั้งนี้ แต่เขียนกติกาใหม่เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้องตนเอง 

 

 และการมีอยู่ของนายสมศักดิ์ ที่มีภาพลักษณ์ของนักการเมืองเก่าเข้ามาร่วม จะทำพรรคพลังประชารัฐ พุ่ง หรือ พัง..?

 

"สมศักดิ์" ทำตัวเป็นสายล่อฟ้าเข้าทางระบอบทักษิณ .. จับตาพุ่งหรือพัง?

 

สำหรับ..นายสมศักดิ์ เป็นอดีตหัวหน้ากลุ่มการเมืองในพรรคไทยรักไทยที่ชื่อ "กลุ่มวังน้ำยม" อันเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดในพรรค  หลังการรัฐประหารในปี 49 นายสมศักดิ์และกลุ่มวังน้ำยมได้ลาออกจากพรรคไทยรักไทย ไปจัดตั้งกลุ่มของตัวเองขึ้นมาใหม่ ใช้ชื่อว่า "กลุ่มมัชฌิมา" ต่อมาในปี 50 ได้ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี เนื่องจากเป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยซึ่งถูกยุบในคดียุบพรรคการเมือง 

 

 แต่ก็ยังดำเนินการทางการเมือง ด้วยการนำพาสมาชิกที่เหลือไปสังกัดกับทางพรรคประชาราช โดยที่นางอนงค์วรรณได้เป็นเลขาธิการพรรคในเวลาต่อมา แต่ก็อยู่กับทางพรรคประชาราชได้ไม่นาน เมื่อนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ มีความเห็นไม่ลงตัวกับนายเสนาะ เทียนทอง กลุ่มของนายประชัยและนายสมศักดิ์จึงได้ไปรวมตัวกันใหม่ ในชื่อ พรรคมัชฌิมาธิปไตย โดยที่นางอนงค์วรรณก็ได้เป็นเลขาธิการพรรคด้วย

 

ต่อมาในปี51 ศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีคำพิพากษายุบพรรคมัชฌิมาธิปไตย และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคเป็นเวลา 5 ปี  ทำให้ ส.ส. ในกลุ่มของนายสมศักดิ์ จึงได้ย้ายมาร่วมกิจกรรมทางการเมืองกับกลุ่มเพื่อนเนวิน ในนามพรรคภูมิใจไทย และนายสมศักดิ์ ก็ยังนับได้ว่าเป็นผู้ที่มีอิทธิพลในฐานะแกนนำกลุ่ม ส.ส. ซึ่งสื่อมวลชนให้ชื่อกลุ่มแกนนำนี้ว่า "8ส.+ส.พิเศษ" อันประกอบด้วย สมศักดิ์ เทพสุทิน สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล สุวิทย์ คุณกิตติ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ สุรนันทน์ เวชชาชีวะ สนธยา คุณปลื้ม และสรอรรถ กลิ่นประทุมส่วน ส.พิเศษ คือ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์

 

ในการเลือกตั้ง57 นายสมศักดิ์ ได้สมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 16