"อ.สุวินัย" ผ่าปรากฎการณ์นักการเมืองย้ายขั้ว เปรียบกลยุทธ์"คสช.ยืมดาบฆ่าคน" ฟันธงศึกนี้"ทักษิณ-ตระกูลชิน" แตกพ่าย

ต้องอ่าน! "อ.สุวินัย" ผ่าปรากฎการณ์"ลูกน้องทักษิณย้ายขั้ว" เปรียบกลยุทธ์"ยืมดาบฆ่าคน" ฟันธงศึกนี้"ทักษิณ-ตระกูลชิน" แตกพ่าย

 

ต้องอ่าน! "อ.สุวินัย ภรณวลัย" อดีตนักวิชาการชื่อจากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  วิพากษ์ปรากฎการณ์นักการเมืองย้ายขั้ว โดยเฉพาะสมาชิก "พรรคเพื่อไทยของทักษิณ" แห่ไปซบ "พรรคพลังประชารัฐ" ของ คสช. แบบยกแผง ไม่เว้นแม้แต่แกนนำแดงภาคตะวันออกอย่าง "นางจุรีพร สินธุไพร" น้องสาว "นายนิสิต สินธุไพร" ผู้อำนวยการโรงเรียน นปช.แดงทั้งแผ่นดิน ยังย้ายขั้วในครั้งนี้ด้วย

 

"อ.สุวินัย" ระบุว่า  ทั้งหมดนั้นเป็นแผนการของฝ่ายผู้คุมเกมอำนาจ ที่เป็นคู่ต่อกรกับระบอบทักษิณที่เตรียมเอาไว้ตั้งแต่แรก ซึ่งเป็นกลยุทธ์ "ยืมซากคืนชีพ" , " ยืมดาบฆ่าคน" ฯ เหนืออื่นใด คือ การล้างขั้วทางการเมืองครั้งนี้ คือ การถอดสลักระเบิดสงครามกลางเมืองที่ได้ผลที่สุด โดยผ่านปรากฏการณ์ที่ย้อนแย้งที่สุดฯ และที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องเพราะแปลก โดย "อ.สุวินัย" ให้เหตุผลเรื่องนี้ไว้ว่า เพรานักการเมืองไทยยึดถืออุดมการณ์ของพรรคการเมืองเป็นแค่ผลประโยชน์เชิงประชานิยมเท่านั้นเอง การย้ายพรรคจากพรรคเพื่อไทยไปซบพรรค พลังประชารัฐของคสช.จึงเกิดขึ้นได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจ จะว่าไปแล้วอุดมการณ์ของพรรคเพื่อไทยหาได้สูงส่งยิ่งใหญ่ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ฯลฯ นอกจากนี้ ยังพูดถึงความจอมปลอมของ "นายธนาธร จึงรุ่งเรื่องกิจ" แห่งพรรคอนาคตใหม่ ท้าย ๆ บทความด้วย

 

ดังรายละเอียดทั้งหมดที่ "อ.สุวินัย" ระบุไว้ คือ

 

 ความย้อนแย้งของปรากฏการณ์สลายขั้ว / สุวินัย ภรณวลัย

 

ถ้าหากมีใครพูดเมื่อสองสามปีก่อนว่านักการเมืองในระบอบทักษิณจะย้ายขั้วมาอยู่ข้างคสช.เป็นจำนวนมาก เชื่อว่าคงถูกหัวเราะเยาะอย่างแน่นอน

แต่ถ้าผมจะบอกว่า ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่เหนือชั้นของฝ่ายผู้คุมเกมอำนาจที่เป็นคู่ต่อกรกับระบอบทักษิณที่เตรียมเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วล่ะ

เราจะมองสถานการณ์ในภาพรวมด้วยสายตาอย่างไร?

ผมมองเห็นแต่กลยุทธ์ที่หลากหลายของซุนหวู่ในการเดินหมากครั้งนี้ของคสช. โดยเฉพาะ กลยุทธ์ "ยืมซากคืนชีพ" "ดูไฟชายฝั่ง" "ตีชิงตามไฟ" " ยืมดาบฆ่าคน"
"กวนน้ำจับปลา"

 

อดีตสส.ย้ายพรรคจากพรรคเพื่อไทยไปซบพรรค พปชร.ของคสช. ด้านหนึ่งพวกเขาคงถูกด่าว่าเป็นผู้ทรยศ ไร้อุดมการณ์ เวียนว่ายในวงจรอุบาทว์

 

แต่ในอีกด้านหนึ่ง นักการเมืองพวกนี้แหละได้ทำหน้าที่ใหม่ รับบทบาทเป็น " ผู้สลายขั้ว" โดยปริยาย

 

หากเรามองในภาพรวมจากจุดยืนของสันติประชาธรรม สิ่งที่เรากังวลที่สุดคือ การนองเลือดจากสงครามการเมืองที่มีที่มาจากความแตกแยกทางความคิดอย่างรุนแรงในสังคม 

โดยนักการเมืองต่างขั้วคือตัวการหลักในการปลุกระดมประชาชนให้ออกมาต่อสู้ประท้วงบนท้องถนน

 

การล้างขั้วทางการเมืองที่เกิดขึ้นแล้วตอนนี้ คือ การถอดสลักระเบิดสงครามกลางเมืองที่ได้ผลที่สุดโดยผ่านปรากฏการณ์ที่ย้อนแย้งที่สุดในการสลายขั้วอย่างที่เราเห็นตอนนี้

 

เหตุที่ความย้อนแย้งแบบนี้เกิดขึ้นได้ เพราะนักการเมืองไทยยึดถืออุดมการณ์ของพรรคการเมืองเป็นแค่ผลประโยชน์เชิงประชานิยมเท่านั้นเอง

 

การย้ายพรรคจากพรรคเพื่อไทยไปซบพรรค พลังประชารัฐของคสช.จึงเกิดขึ้นได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจ

 

จะว่าไปแล้วอุดมการณ์ของพรรคเพื่อไทยหาได้สูงส่งยิ่งใหญ่ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะมันแค่มุ่งหวังผลประโยชน์ทางการเมืองภายใต้การครอบงำของตระกูลชินวัตรเท่านั้น แล้วสร้างอุปทานหมู่ขึ้นมาหลอกตนเองว่า ตนเป็นฝ่ายประชาธิปไตยเพราะยืนตรงข้ามฝ่าย 'เผด็จการ' ทั้งๆที่โดยเนื้อแท้แล้วก็เป็นแค่กลุ่มการเมืองที่เข้ามาแสวงอำนาจเพื่อประโยชน์ส่วนตนแต่แอบอ้างประชาธิปไตยให้ตัวเองดูดีเท่านั้น

 

สถานการณ์โดยรวมตอนนี้ ผมมองเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เลย นอกจากสงครามชิงอำนาจระหว่างชนชั้นนำสองฝ่าย มันได้ข้อยุติแล้ว และทักษิณกับตระกูลชินวัตรคือฝ่ายพ่ายแพ้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในสงครามชิงอำนาจนี้ หลังจากนี้ ความเป็น Deep State ที่เป็นพันธมิตรระหว่าง ทหาร เทคโนแครต ทุนใหญ่ และเครือข่ายนักการเมือง จะกระชับแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นเรื่อยๆหลังการเลือกตั้ง

 

พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.)ที่พัฒนาขึ้นมาจากขบวนการภาคประชาชนอย่างขบวนการกปปส. คือช่องทางเดียว ที่ภาคประชาชนจะเข้าไปมีปากมีเสียงในโครงสร้างอำนาจใหม่ที่ก่อตัวขึ้นแล้วตอนนี้ได้

 

(อีกพรรค คือพรรคอนาคตใหม่ที่ควรทำหน้าที่เป็นตัวแทนของขบวนการคนเสื้อแดงสายอุดมการณ์ในสภา แต่น่าเสียดายที่ธนาธรหัวหน้าพรรคกลับรีบออกมาปฏิเสธผ่านสื่อทีวีว่า ตัวเขาไม่ใช่คนเสื้อแดง ซึ่งพูดไม่ตรงกับใจอย่างชัดเจน)

 

อ่าน ท่อน 2 "วิชั่นของชนชั้นนำไทยกับการเป็น Deep State" ได้จาก เฟซบุ๊ก "Suvinai Pornavalai"