"บิ๊กตู่" ยันจัด"เลือกตั้งบริสุทธิ์-ยุติธรรมที่สุด" ชี้นักการเมืองย้ายพรรค ถือเป็นกลไกทางการเมือง

"บิ๊กตู่" ยันจัด"เลือกตั้งบริสุทธิ์-ยุติธรรมที่สุด" ชี้นักการเมืองย้ายพรรค ถือเป็นกลไกทางการเมือง

"บิ๊กตู่" ยันจัด"เลือกตั้งบริสุทธิ์-ยุติธรรมที่สุด" ชี้นักการเมืองย้ายพรรค ถือเป็นกลไกทางการเมือง

 

วันนี้ (28 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. พร้อมคณะ มีภารกิจเยือนกรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีระหว่างวันที่ 27-29 พ.ย. 2561 โดยเมื่อเวลา 13.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งช้ากว่าเวลาประเทศไทย 6 ชั่วโมง ของวันที่ 27 พ.ย. นายกฯรับฟังการบรรยายสรุปเรื่องการเยือนเยอรมนี พร้อมพบปะและมอบนโยบายแก่ทีมประเทศไทยในเยอรมนี ว่า หลังจากที่ทั่วโลกเป็นกังวลกับสถานการณ์ทางการเมืองของไทยนั้น รัฐบาลจะจัดการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรมที่สุด สำหรับการย้ายพรรคของนักการเมืองต่างๆ ถือเป็นกลไกทางการเมือง ซึ่งตนในฐานะนายกฯ ไม่มีอำนาจในส่วนนี้ เพราะต้องทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน  และเมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ หลังจัดการเลือกตั้งแล้ว อำนาจของรัฐบาลชุดนี้ ก็จะหมดไป 

 

ขณะที่ทางด้าน "นายธีรวัฒน์ ภูมิจิตร" เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเบอร์ลิน กล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและเยอรมนี มีมานานกว่า 156 ปีแล้ว ทั้งสองประเทศมีความใกล้ชิดและมีความสัมพันธ์อันดี ทั้งในระดับประชาชน รัฐบาลและราชวงศ์ การเดินทางเยือนเยอรมนีครั้งนี้ของนายกรัฐมนตรีแสดงให้เห็นถึงการยอมรับจากเยอรมนีอย่างสมบูรณ์ เนื่องจากเยอรมนีเป็นหนึ่งในประเทศที่ผลักดันให้สหภาพยุโรป (อียู) ปรับข้อมติให้ทุกประเทศในอียู มีปฏิสัมพันธ์และมีการแลกเปลี่ยนกับไทยได้ และเชื่อว่า เยอรมนีเห็นถึงความพร้อมในการปฏิรูปประเทศด้านต่าง ๆ ของไทย และมีนโยบายหลายอย่างที่สอดคล้องกับไทย เช่น มุ่งเน้นการปรับโฉมและพัฒนาอาชีวศึกษา พัฒนา SME ให้มีความเข้มแข็ง รวมถึงไทยพยายามขับเคลื่อนด้านนวัตกรรม 4.0 ซึ่งตรงกับนโยบายหลักของเยอรมนี ขณะเดียวกัน เยอรมนีกำลังมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อก้าวไปสู่โฉมใหม่ของเยอรมนี เช่นเดียวกับไทยที่กำลังเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ด้วยการปฏิรูปและยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี

 

จากนั้น นายกฯ พร้อมรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ได้ประชุมรับฟังปัญหาและข้อเสนอ จากภาคเอกชนไทย ซึ่งปัจจุบันเป็นนักลงทุนไทยรายใหญ่ๆ จำนวนมากที่เข้ามาลงทุนในเยอรมนี  รวมทั้งกลุ่มนักธุรกิจไทยที่พำนักในเยอรมนี ส่วนใหญ่เป็น SMEs โดยภาคเอกชน ได้ขอให้ทางเยอรมนีช่วยด้านการวิจัย และพัฒนาทรัพยากรบุคคลด้านอาชีวะของไทยอย่างต่อเนื่อง และให้เยอรมนีจัดกิจกรรมที่ไทย อาทิ เทคโนโลยีด้านการเกษตร และการส่งเสริมท่องเที่ยว รวมทั้งแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานไทยด้วย

 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า บทบาทของภาคเอกชนไทย ถือเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับเยอรมนี โดยรัฐบาลพร้อมอำนวยความสะดวกแก่ภาคเอกชนให้สามารถลงทุน และดำเนินการได้อย่างราบรื่น และแก้ปัญหาทุกเรื่องอย่างเป็นระบบ นอกจากนี้จะส่งเสริม และผลักดัน เพื่อการเพิ่มปริมาณการลงทุน ไทย- เยอรมัน รวมทั้งจะรวบรวมสิ่งที่เป็นข้อกังวล ข้อเสนอ หรือ อุปสรรคต่าง ๆ เสนอกับทางเยอรมันต่อไป